- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 17 November 2017 18:03
- Hits: 7801
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ความกังวลปัจจัยภายนอกทำให้ตลาดกลับมาโฟกัสหุ้นเน้นการบริโภคในประเทศ
ตลาดโลกฟื้นตัวหลังสภาผู้แทรสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกัน แม้เป็นขั้นตอนแรกและยังต้องรอความเห็นชอบจากวุฒิสภาแต่ก็ทำให้บรรยากาศการลงทุนโดยภาพรวมปรับดีขึ้น เราคาดน้ำมันจะยังทรงตัวได้ในระดับสูงจากการเข้าสู่หน้าหนาว ปัญหาทางเศรษฐกิจของเวเนซูเอล่า และความหวังจากการประชุมโอเปค 30 พ.ย. อย่างไรก็ตามความกังวลจากปัจจัยภายนอก เมื่อรวมกับข้อมูลเศรษฐกิจในประเทศและผลประกอบการที่ออกมา ทำให้ตลาดกลับมามองหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการบริโภคในประเทศมากขึ้น รวมถึงหุ้นที่เกาะ Theme การลงทุนปีหน้า ทั้งโครงสร้างพื้นฐานและ EEC ซึ่งบวกต่อ ธนาคาร เช่าซื้อ ค้าปลีก นิคม รวมถึงกลุ่มฐานรากและให้เช่าเครื่องจักรกลก่อสร้าง เป็นต้น
Investment Theme 1) หุ้นบริโภคในประเทศ BBL, SCB, TMB, TCAP, TK, S11*, IFS*, CPALL, ROBINS, MAKRO* 2) การลงทุน EEC และโครงสร้างพื้นฐาน AMATA, TICON*, WHA*, PYLON, SEAFCO*, TCJ*, CRANE* 3) หุ้นที่ยังมีการถือครองน้อย อาทิ PRM*, SSP* 4) หุ้นใหญ่พลังงาน-ปิโตร PTT, PTTEP, PTTGC, IVL, IRPC 5) หุ้นเก็งกำไรที่น่าสนใจ TIP*, AJ*, PTL*, VNT*, MILL*, BDMS, AMANAH, AGE, SGP*, SCN*, RICHY*, IT*
ภาพรวมกลยุทธ์: ภาพรวมช่วงนี้ยังเป็นการเก็งกำไรในเชิงตั้งรับ (ไม่ไล่ราคา/ซื้อแนวรับ/ตั้ง stop loss) การฟื้นตัวผ่าน 1705 จะทำให้จิติทยาภาพรวมเป็นบวกยิ่งขึ้น // หุ้นแนะนำ TK, GUNKUL*, MILL*
แนวรับ : 1686 / แนวต้าน : 1705-1710 จุด สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%
ความกังวลปัจจัยภายนอกทำให้ตลาดกลับมาโฟกัสหุ้นเน้นการบริโภคในประเทศ
ตลาดโลกฟื้นตัวหลังสภาผู้แทรสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกัน แม้เป็นขั้นตอนแรกและยังต้องรอความเห็นชอบจากวุฒิสภาแต่ก็ทำให้บรรยากาศการลงทุนโดยภาพรวมปรับดีขึ้น เราคาดน้ำมันจะยังทรงตัวได้ในระดับสูงจากการเข้าสู่หน้าหนาว ปัญหาทางเศรษฐกิจของเวเนซูเอล่า และความหวังจากการประชุมโอเปค 30 พ.ย. อย่างไรก็ตามความกังวลจากปัจจัยภายนอก เมื่อรวมกับข้อมูลเศรษฐกิจในประเทศและผลประกอบการที่ออกมา ทำให้ตลาดกลับมามองหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการบริโภคในประเทศมากขึ้น รวมถึงหุ้นที่เกาะ Theme การลงทุนปีหน้า ทั้งโครงสร้างพื้นฐานและ EEC ซึ่งบวกต่อ ธนาคาร เช่าซื้อ ค้าปลีก นิคม รวมถึงกลุ่มฐานรากและให้เช่าเครื่องจักรกลก่อสร้าง เป็นต้น
Investment Theme 1) หุ้นบริโภคในประเทศ BBL, SCB, TMB, TCAP, TK, S11*, IFS*, CPALL, ROBINS, MAKRO* 2) การลงทุน EEC และโครงสร้างพื้นฐาน AMATA, TICON*, WHA*, PYLON, SEAFCO*, TCJ*, CRANE* 3) หุ้นที่ยังมีการถือครองน้อย อาทิ PRM*, SSP* 4) หุ้นใหญ่พลังงาน-ปิโตร PTT, PTTEP, PTTGC, IVL, IRPC 5) หุ้นเก็งกำไรที่น่าสนใจ TIP*, AJ*, PTL*, VNT*, MILL*, BDMS, AMANAH, AGE, SGP*, SCN*, RICHY*, IT*
ภาพรวมกลยุทธ์: ภาพรวมช่วงนี้ยังเป็นการเก็งกำไรในเชิงตั้งรับ (ไม่ไล่ราคา/ซื้อแนวรับ/ตั้ง stop loss) การฟื้นตัวผ่าน 1705 จะทำให้จิติทยาภาพรวมเป็นบวกยิ่งขึ้น // หุ้นแนะนำ TK, GUNKUL*, MILL*
แนวรับ : 1686 / แนวต้าน : 1705-1710 จุด สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%
ประเด็นการลงทุน
โภคภัณฑ์ – ราคาน้ำมันยังคงได้รับแรงกดดันจากอุปทานน้ำมันในสหรัฐฯที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น / ราคาโลหะร่วงทั้งกระดานจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะอุปสงค์ของจีน /ราคาสินค้าเกษตรปิดบวกทั้งกระดาน, สัญญาถั่วเหลืองปรับตัวแข็งแกร่งจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตในเขตมิดเวสต์ที่ลดลงและราคาน้ำมันถั่วเหลืองปรับตัวขึ้นจากผลผลิตรายเดือนในประเทศที่ลดลงกว่าคาดการณ์ / ค่าระวางเรือ (BDI) ปิดที่ 1,361 จุด (-0.95%) / ถ่านหิน Newcastle ปิดที่ 96.75 เหรียญฯต่อตัน
สภาผู้แทนฯสหรัฐผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี - สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันด้วยคะแนนเสียง 227 ต่อ 205 โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งให้กับวุฒิสภาสหรัฐฯเพื่อทำการพิจารณาเป็นลำดับต่อไป
จีนลงทุนต่างประเทศลดลง – กระทรวงพาณิชย์จีนระบุการลงทุนในต่างประเทศ (ODI) นอกภาคการเงินปรับตัวลง 40.9% yoy ในช่วงเดือน ม.ค.-ต.ค.60 หลังทางการจีนใช้มาตรการควบคุมการลงทุนในต่างประเทศ
เงินเฟ้ออังกฤษกดดันกำลังซื้อผู้บริโภค – สนง.สถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานยอดค้าปลีกเดือน ต.ค. ปรับตัวลง 0.3% yoy โดยเป็นการชะลอตัวครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน มี.ค.56 จากแรงกดดันของอัตรเงินเฟ้อที่ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค
พาณิชย์ปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดจดทะเบียนธุรกิจใหม่ – กระทรวงพาณิชย์ปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดจดทะเบียนธุรกิจใหม่ปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 6.6-6.8 หมื่นราย จากเดิมที่ 6.6 หมื่นราย เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัว
เงินบาทแข็งค่าสุดในรอบ 34 เดือน – เนื่องจากความไม่ชัดเจนของนโยบายปฏิรูปภาษีสหรัฐฯ จึงส่งผลให้เกิดการเทขายสกุลเงินดอลลาร์เพื่อโยกเงินมาลงทุนยังสินทรัพย์อื่นในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ รวมถึงไทย
ประเด็นติดตาม: 17 พ.ย. – ถ้อยแถลงประธาน ECB / 20 พ.ย. – สภาพัฒน์ประกาศจีดีพี 3Q60 / 30 พ.ย. – ประชุมโอเปค
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)
โภคภัณฑ์ – ราคาน้ำมันยังคงได้รับแรงกดดันจากอุปทานน้ำมันในสหรัฐฯที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น / ราคาโลหะร่วงทั้งกระดานจากความวิตกเกี่ยวกับภาวะอุปสงค์ของจีน /ราคาสินค้าเกษตรปิดบวกทั้งกระดาน, สัญญาถั่วเหลืองปรับตัวแข็งแกร่งจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตในเขตมิดเวสต์ที่ลดลงและราคาน้ำมันถั่วเหลืองปรับตัวขึ้นจากผลผลิตรายเดือนในประเทศที่ลดลงกว่าคาดการณ์ / ค่าระวางเรือ (BDI) ปิดที่ 1,361 จุด (-0.95%) / ถ่านหิน Newcastle ปิดที่ 96.75 เหรียญฯต่อตัน
สภาผู้แทนฯสหรัฐผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษี - สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันด้วยคะแนนเสียง 227 ต่อ 205 โดยร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งให้กับวุฒิสภาสหรัฐฯเพื่อทำการพิจารณาเป็นลำดับต่อไป
จีนลงทุนต่างประเทศลดลง – กระทรวงพาณิชย์จีนระบุการลงทุนในต่างประเทศ (ODI) นอกภาคการเงินปรับตัวลง 40.9% yoy ในช่วงเดือน ม.ค.-ต.ค.60 หลังทางการจีนใช้มาตรการควบคุมการลงทุนในต่างประเทศ
เงินเฟ้ออังกฤษกดดันกำลังซื้อผู้บริโภค – สนง.สถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานยอดค้าปลีกเดือน ต.ค. ปรับตัวลง 0.3% yoy โดยเป็นการชะลอตัวครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน มี.ค.56 จากแรงกดดันของอัตรเงินเฟ้อที่ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค
พาณิชย์ปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดจดทะเบียนธุรกิจใหม่ – กระทรวงพาณิชย์ปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดจดทะเบียนธุรกิจใหม่ปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 6.6-6.8 หมื่นราย จากเดิมที่ 6.6 หมื่นราย เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัว
เงินบาทแข็งค่าสุดในรอบ 34 เดือน – เนื่องจากความไม่ชัดเจนของนโยบายปฏิรูปภาษีสหรัฐฯ จึงส่งผลให้เกิดการเทขายสกุลเงินดอลลาร์เพื่อโยกเงินมาลงทุนยังสินทรัพย์อื่นในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ รวมถึงไทย
ประเด็นติดตาม: 17 พ.ย. – ถ้อยแถลงประธาน ECB / 20 พ.ย. – สภาพัฒน์ประกาศจีดีพี 3Q60 / 30 พ.ย. – ประชุมโอเปค
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)
รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นโดยข้อมูลเท่าที่ปรากฏและเชื่อว่าเป็นที่น่าเชื่อถือได้แต่ไม่ถือเป็นการยืนยันความถูกต้องและความสมบูรณ์ของข้อมูลนั้นๆ โดยบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้จัดทำขอสงวนสิทธ์ในการเปลี่ยนแปลงความเห็นหรือประมาณการณ์ต่างๆที่ปรากฏในรายงานฉบับนี้ โดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า รายงานฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน โดยไม่ได้เป็นการชี้นำชักชวนให้นักลงทุนทำการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ หรือตราสารทางการเงินใดๆ ที่ปรากฏในรายงาน
OO2509