- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 17 November 2017 17:30
- Hits: 2832
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET มีแรงซื้อเก็งกำไรเด่นในกลุ่มธนาคาร นำโดย BBL, TMB , KTB ในขณะที่กลุ่มนิคม ยังคงมีแรงซื้อต่อเนื่องโดยเฉพาะ AMATA, WHA อย่างไรก็ตามกลุ่มโรงกลั่นอย่าง SPRC, IRPC, BCP ยังคงมีแรงขายทำกำไรต่อเนื่อง ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,691.2 จุด (+0.99 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.8 หมื่นลบ. ลดลงเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ 6.0 หมื่นล้านบาท (มี Biglot SPRC มูลค่ากว่า 3.7 พันลบ. ราคาเฉลี่ย 15.81 บาท/หุ้น )
นักลงทุนชาติยังคงขายหุ้นไทยต่อเนื่องที่ 1,856 ลบ. แต่กลับมา10 Long สุทธิ SET50 Index Future ที่ 4,486 สัญญา (21 วันทำการที่ผ่านมา นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิตลาดหุ้นไทยสูงกว่า 2.8 หมื่นลบ.)
Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET มีแรงซื้อเก็งกำไรเด่นในกลุ่มธนาคาร นำโดย BBL, TMB , KTB ในขณะที่กลุ่มนิคม ยังคงมีแรงซื้อต่อเนื่องโดยเฉพาะ AMATA, WHA อย่างไรก็ตามกลุ่มโรงกลั่นอย่าง SPRC, IRPC, BCP ยังคงมีแรงขายทำกำไรต่อเนื่อง ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,691.2 จุด (+0.99 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.8 หมื่นลบ. ลดลงเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ 6.0 หมื่นล้านบาท (มี Biglot SPRC มูลค่ากว่า 3.7 พันลบ. ราคาเฉลี่ย 15.81 บาท/หุ้น )
นักลงทุนชาติยังคงขายหุ้นไทยต่อเนื่องที่ 1,856 ลบ. แต่กลับมา10 Long สุทธิ SET50 Index Future ที่ 4,486 สัญญา (21 วันทำการที่ผ่านมา นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิตลาดหุ้นไทยสูงกว่า 2.8 หมื่นลบ.)
Investment theme
กลุ่มธนาคารมี Downside จำกัด : กลุ่มธนาคารมีมูลค่าหลักทรัพย์รวมสูงเป็นอันดับ 2 รองจากกลุ่มพลังงาน ( 15% ของมูลค่ารวมหลักทรัพย์ ) โดยเรามองว่าปัจจุบันกลุ่มธนาคารมี downside จำกัด และรับเรื่องผลประกอบการไตรมาส 3 ที่อ่อนตัวกว่า 9%YoY ไปแล้ว ในขณะที่ราคาหุ้นค่อนข้าง Laggard SET และกลุ่มใหญ่อย่าง กลุ่มพลังงานและกลุ่มค้าปลีก ( -11%) อยู่พอสมควร ในเชิงพื้นฐานกลุ่มธนาคารเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์ทางอ้อมจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยฉพาะจากสัญญาณการฟื้นตัวของ SME (ฟื้นตัวช้าที่สุด) และภาคอสังหา ส่งผลให้เราคาด Loan growth (%) ในไตรมาส 4 จะเติบโตประมาณ 4%YoY ในขณะที่ NPL (%) ทรงตัวบริเวณ 3.80% และ Net interest margin(%) ที่บริเวณ 3.7% ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน เราแนะนำทยอยสะสม BBL สำหรับภาพการลงทุน เมื่อคืนที่ผ่านมาสภาล่างสหรัฐผ่านรางกฎหมายปฎิรูปภาษี ด้วยคะแนนเสียง (227:205) ขั้นตอนต่อไปเตรียมนำเข้าสภาสูงใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า เบื้องต้นเรามองว่าอาจเผชิญกับความท้าทายเนื่องจากรายละเอียดของทั้ง 2สภามีความแตกต่างกันพอสมควร เช่น State&Local Tax และภาษีรายได้บุคคลธรรมดา
Investment theme: เราแนะนำนักลงทุนทยอยขายทำกำไรหุ้นบางส่วน โดยเฉพาะกลุ่มโรงกลั่น, โรงไฟฟ้า ในขณะที่หลีกเลี่ยงการลงทุนกลุ่ม ICT โดยเราคาด SET จะแกว่งตัวบริเวณ 1,680-1,720 จุด
กลุ่มธนาคารมี Downside จำกัด : กลุ่มธนาคารมีมูลค่าหลักทรัพย์รวมสูงเป็นอันดับ 2 รองจากกลุ่มพลังงาน ( 15% ของมูลค่ารวมหลักทรัพย์ ) โดยเรามองว่าปัจจุบันกลุ่มธนาคารมี downside จำกัด และรับเรื่องผลประกอบการไตรมาส 3 ที่อ่อนตัวกว่า 9%YoY ไปแล้ว ในขณะที่ราคาหุ้นค่อนข้าง Laggard SET และกลุ่มใหญ่อย่าง กลุ่มพลังงานและกลุ่มค้าปลีก ( -11%) อยู่พอสมควร ในเชิงพื้นฐานกลุ่มธนาคารเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์ทางอ้อมจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยฉพาะจากสัญญาณการฟื้นตัวของ SME (ฟื้นตัวช้าที่สุด) และภาคอสังหา ส่งผลให้เราคาด Loan growth (%) ในไตรมาส 4 จะเติบโตประมาณ 4%YoY ในขณะที่ NPL (%) ทรงตัวบริเวณ 3.80% และ Net interest margin(%) ที่บริเวณ 3.7% ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน เราแนะนำทยอยสะสม BBL สำหรับภาพการลงทุน เมื่อคืนที่ผ่านมาสภาล่างสหรัฐผ่านรางกฎหมายปฎิรูปภาษี ด้วยคะแนนเสียง (227:205) ขั้นตอนต่อไปเตรียมนำเข้าสภาสูงใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า เบื้องต้นเรามองว่าอาจเผชิญกับความท้าทายเนื่องจากรายละเอียดของทั้ง 2สภามีความแตกต่างกันพอสมควร เช่น State&Local Tax และภาษีรายได้บุคคลธรรมดา
Investment theme: เราแนะนำนักลงทุนทยอยขายทำกำไรหุ้นบางส่วน โดยเฉพาะกลุ่มโรงกลั่น, โรงไฟฟ้า ในขณะที่หลีกเลี่ยงการลงทุนกลุ่ม ICT โดยเราคาด SET จะแกว่งตัวบริเวณ 1,680-1,720 จุด
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา สหรัฐรายงานตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาดเล็กน้อยที่ 249,000 อัตรา และรายงานตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมสูงกว่าคาดที่ 0.9% / ยุโรปรายงานตัวเลข Core CPI เดือนต.ค.เท่ากับคาดที่ 0.9%
เมื่อคืนที่ผ่านมา สหรัฐรายงานตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาดเล็กน้อยที่ 249,000 อัตรา และรายงานตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมสูงกว่าคาดที่ 0.9% / ยุโรปรายงานตัวเลข Core CPI เดือนต.ค.เท่ากับคาดที่ 0.9%
บทวิเคราะห์วันนี้ : HTECH
Stock pick : HTECH
Stock pick : HTECH
HTECH : เริ่มต้นคำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาเหมาะสม 12.50 บาท
บริษัทประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องมือตัดโลหะที่ทำจากคาร์ไบด์ , เพชรสังเคราะห์ สำหรับใช้ผลิตชิ้นงานในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (HDD) และยานยนต์ โดยลูกค้าหลักเป็นแนวหน้าของวงการอย่าง SEAGATE ขณะที่ฐานการผลิตครอบคลุม 3 ประเทศหลักอย่าง ไทย,เวียดนาม และฟิลิปปินส์
ในขณะที่ไตรมาส 4 บริษัทขยายฐานการผลิต ส่งผลให้โดยรวมกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 30%YoY รองรับการเติบโตของรายได้สูงถึง 1,300 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 1,000 ล้านบาท)
เราเริ่มต้นคำแนะนำซื้อด้วยราคาเหมาะสม 12.50 บาท/หุ้น (36% upside) อิง PEG 0.8x บนการเติบโตเฉลี่ย 3 ปี CAGR ที่ 24% พร้อมปันผลประมาณ 2.4%
Trading idea – – – Stock pick สัปดาห์นี้ (BDMS, WICE, SPALI) / CK รายงานกำไรเด่นสุดในกลุ่ม แนะเก็งกำไร / Let profit run for BJC
แกว่งลงในกรอบ Downtrend: วานนี้ในช่วงเช้าดัชนีมีแรง Rebound จากแรงซื้อกลุ่มธนาคารและกลุ่มค้าปลีก แต่ไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ 1700 และในช่วงท้ายตลาดถูกแรงขายทำกำไร ทำให้ภาพหลักยังคงเป็นการแกว่งตัวลงในกรอบ Downtrend โดยมีแนวรับของกรอบที่ 1680 ซึ่งถือเป็น Neckline ของรูปแบบ Double Top หากหลุดจะคอนเฟิร์มขาลงในกรอบใหญ่ กลยุทธ์การลงุทุน (1) มีหุ้น: หาก Rebound เน้นทยอยขายทำกำไร หรือหาก 1685 เน้น Lock Profit (2) ไม่มีหุ้น: รอดูแนวโน้มการหยุดลงและเริ่ม Rebound ที่แนวรับ
แนวรับ : 1685, 1680 แนวต้าน : 1695, 1700
Eyes on
บริษัทประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องมือตัดโลหะที่ทำจากคาร์ไบด์ , เพชรสังเคราะห์ สำหรับใช้ผลิตชิ้นงานในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (HDD) และยานยนต์ โดยลูกค้าหลักเป็นแนวหน้าของวงการอย่าง SEAGATE ขณะที่ฐานการผลิตครอบคลุม 3 ประเทศหลักอย่าง ไทย,เวียดนาม และฟิลิปปินส์
ในขณะที่ไตรมาส 4 บริษัทขยายฐานการผลิต ส่งผลให้โดยรวมกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 30%YoY รองรับการเติบโตของรายได้สูงถึง 1,300 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 1,000 ล้านบาท)
เราเริ่มต้นคำแนะนำซื้อด้วยราคาเหมาะสม 12.50 บาท/หุ้น (36% upside) อิง PEG 0.8x บนการเติบโตเฉลี่ย 3 ปี CAGR ที่ 24% พร้อมปันผลประมาณ 2.4%
Trading idea – – – Stock pick สัปดาห์นี้ (BDMS, WICE, SPALI) / CK รายงานกำไรเด่นสุดในกลุ่ม แนะเก็งกำไร / Let profit run for BJC
แกว่งลงในกรอบ Downtrend: วานนี้ในช่วงเช้าดัชนีมีแรง Rebound จากแรงซื้อกลุ่มธนาคารและกลุ่มค้าปลีก แต่ไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ 1700 และในช่วงท้ายตลาดถูกแรงขายทำกำไร ทำให้ภาพหลักยังคงเป็นการแกว่งตัวลงในกรอบ Downtrend โดยมีแนวรับของกรอบที่ 1680 ซึ่งถือเป็น Neckline ของรูปแบบ Double Top หากหลุดจะคอนเฟิร์มขาลงในกรอบใหญ่ กลยุทธ์การลงุทุน (1) มีหุ้น: หาก Rebound เน้นทยอยขายทำกำไร หรือหาก 1685 เน้น Lock Profit (2) ไม่มีหุ้น: รอดูแนวโน้มการหยุดลงและเริ่ม Rebound ที่แนวรับ
แนวรับ : 1685, 1680 แนวต้าน : 1695, 1700
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : -
ปัจจัยในประเทศ : จับตาการปรับครม. / Motor expo เริ่ม 30 พ.ย.นี้
ปัจจัยในประเทศ : จับตาการปรับครม. / Motor expo เริ่ม 30 พ.ย.นี้
หุ้นเทคนิค:
BBL (B 194.00, Tp 200.00//206.00, Cut 192.00)
TMB (B 2.66, Tp 2.90, Cut 2.60)
BBL (B 194.00, Tp 200.00//206.00, Cut 192.00)
TMB (B 2.66, Tp 2.90, Cut 2.60)
นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000
Research Department Tel. 02-658-5000
OO2502