- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 16 November 2017 16:53
- Hits: 1221
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวต้าน 1705 แนวรับ 1690
SET Index: 1696.43 ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1700 จุด พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1690 จุด ซึ่งเราแนะนำ ให้เข้าซื้อที่แนวรับ เพื่อคาดหวังการฟื้นตัวเหนือแนวรับของรูปแบบสามเหลี่ยมที่ 1685 จุด โดยมีแนวต้านที่ 1705 จุดบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 20 วัน ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1730 จุด
แนวต้าน : 1700 และ 1705
แนวรับ : 1694 และ 1692
IVL = 50.00/51.00, TMB = 2.68/2.74, BBL = 196/198, AMATA = 24.50/25.00, KTB = 18.40/18.70
Berli Jucker (BJC TB; THB 54.75) – ซื้อ
แนวต้าน : 58.00 และ 59.00
แนวรับ : 54.75 และ 54.50
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิคต่อเนื่อง พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง ทำให้แนวโน้มในระยะสัน้ ยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบระดับ 60
แนะนำซื้อ BJC โดยมีแนวรับที่ 54.75 และ 54.50 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 58.00 และ 59.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นต่ำกว่า 52.50 ลงไป
T.A.C. Consumer (TACC TB; THB 6.70) – ซื้อ
แนวต้าน : 7.25 และ 7.55
แนวรับ : 6.70 และ 6.60
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง หลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบจุดต่ำสุดเดิมแล้วสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ ทำให้แนวโน้มระยะยาวยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 60
แนะนำซื้อ TACC โดยมีแนวรับที่ 6.70 และ 6.60 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 7.25 และ 7.55 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 6.35 ลงไป
SET Index: 1696.43 ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1700 จุด พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1690 จุด ซึ่งเราแนะนำ ให้เข้าซื้อที่แนวรับ เพื่อคาดหวังการฟื้นตัวเหนือแนวรับของรูปแบบสามเหลี่ยมที่ 1685 จุด โดยมีแนวต้านที่ 1705 จุดบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 20 วัน ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1730 จุด
แนวต้าน : 1700 และ 1705
แนวรับ : 1694 และ 1692
IVL = 50.00/51.00, TMB = 2.68/2.74, BBL = 196/198, AMATA = 24.50/25.00, KTB = 18.40/18.70
Berli Jucker (BJC TB; THB 54.75) – ซื้อ
แนวต้าน : 58.00 และ 59.00
แนวรับ : 54.75 และ 54.50
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิคต่อเนื่อง พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง ทำให้แนวโน้มในระยะสัน้ ยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบระดับ 60
แนะนำซื้อ BJC โดยมีแนวรับที่ 54.75 และ 54.50 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 58.00 และ 59.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นต่ำกว่า 52.50 ลงไป
T.A.C. Consumer (TACC TB; THB 6.70) – ซื้อ
แนวต้าน : 7.25 และ 7.55
แนวรับ : 6.70 และ 6.60
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง หลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบจุดต่ำสุดเดิมแล้วสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ ทำให้แนวโน้มระยะยาวยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 60
แนะนำซื้อ TACC โดยมีแนวรับที่ 6.70 และ 6.60 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 7.25 และ 7.55 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 6.35 ลงไป
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET…ความผันผวนจากภายนอกเริ่มปรากฏให้เห็น
ผลการดำเนินงาน Q3/17 ที่ออกมาแล้วของหุ้นใน Consensus ของ Thomson Reuters จำนวน 100 บริษัท พบว่าออกมาต่ำกว่าคาด -3.6%(Q3/17 Surprise) แต่ EPS โดขึ้นเทียบ Q3/16 ที่ 7.4% ถือว่าทำได้ไม่เลว โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่สามารถทำกำไรได้เหนือว่าคาดเกือบทุกบริษัท คือพลังงาน อย่าง โรงกลั่นได้แก่ ESSO (287%) IRPC (0.4%) SPRC (95.1%) TOP (42.1%) และ BCP (-11.1%) อีกกลุ่มที่ถือว่าทำได้ไม่เลว คืออสังหาริมทรัพย์สร้างบ้านอย่าง CNP (1.3%) LH (14.4%) ORI (44%) QH (11.9%) SIRI (0%) SPALI (0.9%) ขณะที่ LPN (-34.2%)PSH (-15.7%) ค้าปลีก BJC (-83%) HMPRO (62.2%) CPALL (-1.4%) ROBINS (-9.2%) MARKRO (15.4%) BIG (0%) FN (0%) COM7(8.3%) และกลุ่มโรงพยาบาลใหญ่ที่งบออกมาดีกว่าคาดหมด อย่าง BCH (4.3%) BDMS (14.6%) และ BH (5.1%)
ภาพของกำไรใน Q3/17 ของกลุ่มที่กล่าวมา ที่เห็นได้ชัดมากว่า น่าจะเริ่มฟื้นตัวแล้วคือ โรงพยาบาล อสังหาสร้างบ้าน ค้าปลีก นอกนั้นจะเป็นโรงกลั่น แต่อย่างไรก็ตามหุ้นโรงกลั่นค้าปลีก และอสังหาริมทรัพย์บางตัว ดูเหมือนราคาหุ้นจะขึ้นไปสูงมากๆ ดังนั้นราคาหุ้นยังขยับขึ้นลำบากจนกว่าจะมีปัจจัยหนุนใหม่ๆ ส่วนที่น่าสนใจทั้งงบและราคาคือ กลุ่มโรงพยาบาล นอกนั้นจะเป็นหุ้นรับเหมาและสื่อสารบางตัวที่งบ Q3/17 ออกมาดีกว่าคาดขณะที่ราคาหุ้นยังต่ำมากๆ อย่าง CK และ TRUE
หลังงบ Q3/17 ทยอยประกาศออกมาเกือบหมดแล้ว เรามองว่าดัชนี SET จะย่อตัวลงมารอบใหม่ จากแรงกดของการขาดปัจจัยหนุน ราคาน้ำมันและแนวโน้มที่จะเกิดความผันผวนของตลาดหุ้นสหรัฐ โดยมองว่าแนวโน้มราคาน้ำมันเบรนท์น่าจะลงมาเล่นต่ำกว่า 60 ดอลลาร์ต่อบารเรล์อีกครั้งในช่วงสั้น ๆนี้ จากแรงขายทำกำไรหลัง Hedge fund มีการ Net long position น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันสูงสุดรวมทั้งการเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตในสหรัฐ แต่อย่างไรก็ตามทิศทางราคาน้ำมันในระยะกลางถึงยาว น่าจะเริ่มเป็นขาขึ้น
ส่วนแนวโน้มที่ตลาดหุ้นสหรัฐจะเกิดความผันผวน ถือเป็นประเด็นที่ตลาดจับตามองอยู่ โดยเฉพาะประเด็นการผ่านร่างปฎิรูปโครงสร้างภาษี ที่น่าลงโหวตกันในเดือนนี้ หากมีการเลื่อนหรือสะดุด ความผันผวนจะเกิดในตลาดหุ้นสหรัฐ แต่จะแรงหรือไม่ต้องติดตาม หากไม่ดูจากประเด็นดังกล่าว นักลงทุนก็ยังมองว่าตลาดแพงมากๆ คือเทรดกันที่ค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าสูงสุดที่ 18.3 เท่า ขณะที่ค่า P/E ที่แท้จริงที่ปรับด้วยเงินเฟ้อและใช้กำไร (EPS) ในช่วงปกติเฉลี่ย 10ปี พบว่าขึ้นไปเหนือ 30 เท่าเป็นครัง้ ที่ 3 ในรอบประวัติศาสตร์สหรัฐ อย่างปี 1929 และ 1997-2000(ดูรูปด้านซ้ายและขวา) และที่สำคัญดัชนีตลาดหุ้นทั้งDow Jones และ S&P 500 ต่างขึ้นไปสูงกว่าเป้าที่นักวิเคราะห์คาดเอาไว้ในปีนี้แล้วค่อนข้างมาก
แนวโน้มดัชนี SET ในช่วงท้ายสัปดาห์ คาดยังมีแนวโน้มย่อตัวลงต่อ หลังเริ่มเกิดความผันผวนในตลาดหุ้นต่างประเทศและแรงกดจากราคาน้ำมัน โดยน่าจะลงไปเทรดกันที่กรอบ 1680-1670 จุด (กรณีปกติ) แต่หากมีปจั จัยลบแรงๆ จะลงไปที่ 1650+/- จุด เช้านี้เงินบาทแข็งค่าหลุดระดับ 33 บาท/ดอลลาร์ ลงไปซึ่งน่าจะส่งผลลบต่อหุ้นกลุ่มส่งออก โรงแรมและการท่องเที่ยว แต่อาจหนุนให้นักลงทุนต่างประเทศชะลอแรงขายลงได้ วันนี้เราให้แนวรับที่ 1680-1673 จุดและแนวต้านที่ 1695-1700 จุด แนะนำ ซื้อเก็งกำไร BCH LPN IRPC TASCO
ผลการดำเนินงาน Q3/17 ที่ออกมาแล้วของหุ้นใน Consensus ของ Thomson Reuters จำนวน 100 บริษัท พบว่าออกมาต่ำกว่าคาด -3.6%(Q3/17 Surprise) แต่ EPS โดขึ้นเทียบ Q3/16 ที่ 7.4% ถือว่าทำได้ไม่เลว โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่สามารถทำกำไรได้เหนือว่าคาดเกือบทุกบริษัท คือพลังงาน อย่าง โรงกลั่นได้แก่ ESSO (287%) IRPC (0.4%) SPRC (95.1%) TOP (42.1%) และ BCP (-11.1%) อีกกลุ่มที่ถือว่าทำได้ไม่เลว คืออสังหาริมทรัพย์สร้างบ้านอย่าง CNP (1.3%) LH (14.4%) ORI (44%) QH (11.9%) SIRI (0%) SPALI (0.9%) ขณะที่ LPN (-34.2%)PSH (-15.7%) ค้าปลีก BJC (-83%) HMPRO (62.2%) CPALL (-1.4%) ROBINS (-9.2%) MARKRO (15.4%) BIG (0%) FN (0%) COM7(8.3%) และกลุ่มโรงพยาบาลใหญ่ที่งบออกมาดีกว่าคาดหมด อย่าง BCH (4.3%) BDMS (14.6%) และ BH (5.1%)
ภาพของกำไรใน Q3/17 ของกลุ่มที่กล่าวมา ที่เห็นได้ชัดมากว่า น่าจะเริ่มฟื้นตัวแล้วคือ โรงพยาบาล อสังหาสร้างบ้าน ค้าปลีก นอกนั้นจะเป็นโรงกลั่น แต่อย่างไรก็ตามหุ้นโรงกลั่นค้าปลีก และอสังหาริมทรัพย์บางตัว ดูเหมือนราคาหุ้นจะขึ้นไปสูงมากๆ ดังนั้นราคาหุ้นยังขยับขึ้นลำบากจนกว่าจะมีปัจจัยหนุนใหม่ๆ ส่วนที่น่าสนใจทั้งงบและราคาคือ กลุ่มโรงพยาบาล นอกนั้นจะเป็นหุ้นรับเหมาและสื่อสารบางตัวที่งบ Q3/17 ออกมาดีกว่าคาดขณะที่ราคาหุ้นยังต่ำมากๆ อย่าง CK และ TRUE
หลังงบ Q3/17 ทยอยประกาศออกมาเกือบหมดแล้ว เรามองว่าดัชนี SET จะย่อตัวลงมารอบใหม่ จากแรงกดของการขาดปัจจัยหนุน ราคาน้ำมันและแนวโน้มที่จะเกิดความผันผวนของตลาดหุ้นสหรัฐ โดยมองว่าแนวโน้มราคาน้ำมันเบรนท์น่าจะลงมาเล่นต่ำกว่า 60 ดอลลาร์ต่อบารเรล์อีกครั้งในช่วงสั้น ๆนี้ จากแรงขายทำกำไรหลัง Hedge fund มีการ Net long position น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันสูงสุดรวมทั้งการเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตในสหรัฐ แต่อย่างไรก็ตามทิศทางราคาน้ำมันในระยะกลางถึงยาว น่าจะเริ่มเป็นขาขึ้น
ส่วนแนวโน้มที่ตลาดหุ้นสหรัฐจะเกิดความผันผวน ถือเป็นประเด็นที่ตลาดจับตามองอยู่ โดยเฉพาะประเด็นการผ่านร่างปฎิรูปโครงสร้างภาษี ที่น่าลงโหวตกันในเดือนนี้ หากมีการเลื่อนหรือสะดุด ความผันผวนจะเกิดในตลาดหุ้นสหรัฐ แต่จะแรงหรือไม่ต้องติดตาม หากไม่ดูจากประเด็นดังกล่าว นักลงทุนก็ยังมองว่าตลาดแพงมากๆ คือเทรดกันที่ค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าสูงสุดที่ 18.3 เท่า ขณะที่ค่า P/E ที่แท้จริงที่ปรับด้วยเงินเฟ้อและใช้กำไร (EPS) ในช่วงปกติเฉลี่ย 10ปี พบว่าขึ้นไปเหนือ 30 เท่าเป็นครัง้ ที่ 3 ในรอบประวัติศาสตร์สหรัฐ อย่างปี 1929 และ 1997-2000(ดูรูปด้านซ้ายและขวา) และที่สำคัญดัชนีตลาดหุ้นทั้งDow Jones และ S&P 500 ต่างขึ้นไปสูงกว่าเป้าที่นักวิเคราะห์คาดเอาไว้ในปีนี้แล้วค่อนข้างมาก
แนวโน้มดัชนี SET ในช่วงท้ายสัปดาห์ คาดยังมีแนวโน้มย่อตัวลงต่อ หลังเริ่มเกิดความผันผวนในตลาดหุ้นต่างประเทศและแรงกดจากราคาน้ำมัน โดยน่าจะลงไปเทรดกันที่กรอบ 1680-1670 จุด (กรณีปกติ) แต่หากมีปจั จัยลบแรงๆ จะลงไปที่ 1650+/- จุด เช้านี้เงินบาทแข็งค่าหลุดระดับ 33 บาท/ดอลลาร์ ลงไปซึ่งน่าจะส่งผลลบต่อหุ้นกลุ่มส่งออก โรงแรมและการท่องเที่ยว แต่อาจหนุนให้นักลงทุนต่างประเทศชะลอแรงขายลงได้ วันนี้เราให้แนวรับที่ 1680-1673 จุดและแนวต้านที่ 1695-1700 จุด แนะนำ ซื้อเก็งกำไร BCH LPN IRPC TASCO
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET Index : ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,696.43 จุด เพิ่มขึ้น 6.17จุด (+0.37) มูลค่าการซื้อขาย 33,265.05 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดช่วงเช้า โดยดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,699.85 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,692.30 จุด
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดบ่าย แกว่งแคบ เรายังมองทิศทางตลาดแกว่งในรูปแบบเดิมๆ คือแกว่งตัวในกรอบจำกัด 1685-1705 จุด โดยการซื้อขายจะเน้นเข้าไปเก็งกำไรระยะสัน้ ในตัวหุ้นที่มีเม็ดเงินเข้าไปหนุน โดยจะเป็นการเก็งกำไรตามรอบ ซึ่งรูปแบบการซื้อขายจะเป็นไปในลักษณะขึ้นแรงขายลงแรงซื้อ เนื่องจากตลาดยังไม่มีปจั จัยหนุนใหม่ๆเข้ามา ทำให้เกิดการแกว่งตัวออกจากรอบดังกล่าว เราแนะนำเก็งกำไรระยะสัน้ ในหุ้นที่มีการปรับตัวลงและหวังขายทำกำไรในจังหวะรีบาวน์กลับ แนะนำPTTGC SAWAD IRPC
Technical Pick (PM) & Cash Balance...
Berli Jucker (BJC TB; THB 54.75) – ซื้อ
T.A.C. Consumer (TACC TB; THB 6.70) – ซื้อ
Analysts :
Kitichan Sirisukarcha +66(2) 761 9232 – [email protected]
Teerawut Kanniphakul +66(2) 761 9233 – [email protected]
Line ID : @CIMBS Youtube : CIMBS
SET Index : ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,696.43 จุด เพิ่มขึ้น 6.17จุด (+0.37) มูลค่าการซื้อขาย 33,265.05 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดช่วงเช้า โดยดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,699.85 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,692.30 จุด
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดบ่าย แกว่งแคบ เรายังมองทิศทางตลาดแกว่งในรูปแบบเดิมๆ คือแกว่งตัวในกรอบจำกัด 1685-1705 จุด โดยการซื้อขายจะเน้นเข้าไปเก็งกำไรระยะสัน้ ในตัวหุ้นที่มีเม็ดเงินเข้าไปหนุน โดยจะเป็นการเก็งกำไรตามรอบ ซึ่งรูปแบบการซื้อขายจะเป็นไปในลักษณะขึ้นแรงขายลงแรงซื้อ เนื่องจากตลาดยังไม่มีปจั จัยหนุนใหม่ๆเข้ามา ทำให้เกิดการแกว่งตัวออกจากรอบดังกล่าว เราแนะนำเก็งกำไรระยะสัน้ ในหุ้นที่มีการปรับตัวลงและหวังขายทำกำไรในจังหวะรีบาวน์กลับ แนะนำPTTGC SAWAD IRPC
Technical Pick (PM) & Cash Balance...
Berli Jucker (BJC TB; THB 54.75) – ซื้อ
T.A.C. Consumer (TACC TB; THB 6.70) – ซื้อ
Analysts :
Kitichan Sirisukarcha +66(2) 761 9232 – [email protected]
Teerawut Kanniphakul +66(2) 761 9233 – [email protected]
Line ID : @CIMBS Youtube : CIMBS
OO2443