- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 16 November 2017 16:52
- Hits: 1068
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้
SMID CAP
Smart Pick
1. สะสม TCMC : ราคาปิด 3.80 บาท ราคาเหมาะสม 5.90 บาท
a) Yuanta คาดว่าราคาหุ้นจะเริ่มฟื้นตัว เนื่องจากกำลังจะผ่านพ้นช่วงจ่ายเงินเพิ่มทุนหุ้นละ 3.00 บาท ในวันที่ 17 พ.ย. ซึ่งเป็นแรงกดดันในช่วงที่ผ่านมาเพราะนักลงทุนอาจขายหุ้นบางส่วนในกระดานเพื่อเตรียมเงินไปจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน
b) คาดกำไรสุทธิ 4Q60 จะเติบโตสูง YoY และ QoQ เนื่องจากเป็นไตรมาสแรกที่จะเริ่มรวมงบการเงินของ Tai Ping เข้าสู่งบการเงินรวม
c) คงมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการปี 2561 ที่จะรวมงบการเงินของ Tai Ping แบบเต็มปี นอกจากนั้น การใช้โรงงานผลิตร่วมกันจะส่งผลบวกให้เกิด Economy of Scale และผลักดันให้กำไรสุทธิปี 2561 เติบโตสูงถึง +104% YoY เป็น 429 ล้านบาท ขณะที่ Valuation น่าสนใจ ซื้อขายที่ระดับ PER2561 เพียง 9.0 เท่า รวมทั้งให้ Dividend Yield 4% ต่อปี
2. สะสม MILL : ราคาปิด 1.70 บาท ราคาเหมาะสม 2.30 บาท
a) รายงานกำไรสุทธิ 3Q60 ที่ 59 ล้านบาท +15% YoY และ +67% QoQ จากแรงหนุนของราคาเหล็กในตลาดโลกที่ฟื้นตัว และการขายสินค้าที่มี Value Added เพิ่มขึ้น ช่วยหนุนให้รายได้และอัตรากำไรเพิ่มขึ้น
b) คาดกำไรสุทธิปี 2561 จะเติบโตสูง +290% YoY เป็น 444 ล้านบาท เนื่องจากคาดว่าผลประกอบการของบริษัท KMS ซึ่งถือหุ้นร่วมกับ Kobe Steel ในสัดส่วน 50% จะผ่านจุดคุ้มทุนใน 4Q60 และเริ่มสร้างกำไรในปี 2561
c) ผลักดันกำไรสุทธิ 3 ปีข้างหน้าให้เติบโตเฉลี่ย (CAGR) ปีละ 26% และราคาหุ้นมี Downside Risk ที่จำกัด เนื่องจากซื้อขายที่ระดับ PBV2561 เพียง 1.0 เท่า
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
วานนี้ SET INDEX ปรับตัวลดลงแรงถึง 12.37 จุด ปิดที่ 1690.26 จุด มูลค่าการซื้อขายราว 6.1 หมื่นล้านบาท โดนกดดันจากหุ้นขนาดใหญ่อย่าง PTT -1.44%, IVL -5.26%, SCB -1.99%, KBANK -1.79% และ PTTEP -1.34% ด้านกระแสเงินทุน นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันอีกราว 1.5 พันล้านบาท รวมราว 8.9 พันล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบันในประเทศที่ขายสุทธิเล็กน้อยเพียง 67 ล้านบาท มีเพียงรายย่อยที่ซื้อสุทธิราว 1.6 พันล้านบาท ด้านตลาดฟิวเจอร์ส นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Short สุทธิหนาแน่นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันถึง 5.3 พันสัญญา รวมกว่า 1.2 หมื่นสัญญา สวนทางกับสถาบันในประเทศ และบัญชี บล. ที่มีสถานะ Long สุทธิเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันอีกราว 2.6 พันสัญญา
กลยุทธ์วันนี้
SET INDEX อ่อนแรง และปรับฐานลงมาต่ำกว่าระดับ 1700 จุดอีกครั้ง จากแรงขายต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติ 5 วันติดต่อกันรวมกว่า 8.9 พันล้านบาท อย่างไรก็ดี ความผันผวนเกิดขึ้นกับตลาดหุ้นทั่วโลก ไม่เพียงเฉพาะแต่ตลาดหุ้นไทยเท่านั้น เป็นเพราะนักลงทุนมีความกังวลต่อความไม่แน่นอนของการปรับโครงสร้างภาษี ที่ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนแน่นอน รวมถึง แรงขายหลังจบฤดูกาลรายงานผลประกอบการ 3Q60 (Sell on Fact) เราประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของ SET INDEX วันนี้ 1685-1700 จุด
ด้านราคาน้ำมันดิบ ยังอยู่ในทิศทางของการพักตัวอย่างต่อเนื่อง โดย Brent และ NYMEX ปรับตัวลดลงราว 0.6-0.7% หลังจากสหรัฐฯรายงานสต๊อคน้ำมันดิบรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 1.85 ล้านบาร์เรล สวนทางกับคาดการณ์ของตลาดที่จะลดลง 2.4 ล้านบาร์เรล ถือเป็นแรงต้านต่อการฟื้นตัวของราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี ใน SET INDEX
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำเลือกเก็งกำไรหุ้นรายตัว เน้นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก (SMID Cap) ที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัว เช่น ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาจนทำให้ Valuation น่าสนใจ/ ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดแล้วและส่งสัญญาณการกลับมาเติบโตแข็งแกร่ง
ปัจจัยสำคัญวันนี้
สหรัฐฯรายงานเงินเฟ้อ เดือน ต.ค. ขยายตัวเท่ากับที่ตลาดคาดที่ 2% YoY และเงินเฟ้อพื้นฐาน ขยายตัว 1.8%YoY ดีกว่าที่ตลาดคาดที่ 1.7% YoY
EIA เผยสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล และการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯอยู่ที่ระดับ 9.65 ล้านบาร์เรล/วัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์
รัฐฯเตรียมแจกซิมประชารัฐให้ผู้มีรายได้น้อย ราว 11.67 ล้านคน
S&P คาดเศรษฐกิจในอิตาลีมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น หลังจากซบเซามากว่า 6 ปี โดยมีการลงทุนเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลัก
พรรค Republican มีกำหนดการที่จะลงคะแนนเสียงเกี่ยวกับนโยบายปฏิรูปโครงสร้างภาษี ในวันนี้
ติดตามการรายงานเงินเฟ้อ EU ตลาดคาดขยายตัว 1.4% 16 พ.ย
Strategist Team
Mayuree Chowvikran Head of Research , 662-009-8050
Padon Vannarat Strategist , 662-009-8060
Piyapat Patarapuvadol Strategist , 662-009-8062
Nutt Treepoonsuk Strategist , 662-009-8059
OO2439