บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 16-11-17

Details: Category: บทวิเคราะห์; Published: Thursday, 16 November 2017 16:52; Hits: 738

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET ผันผวนสูง โดยมีแรงขายทำกำไรเด่นในกลุ่มพลังงานและปิโตร นำโดย PTT, PTTEP, IVL , PTTGC ในขณะที่เกิด technical rebound ในกลุ่ม ICT นำโดย ADVANC, DTAC และ TRUE สำหรับกลุ่มค้าปลีก ยังคงมีแรงซื้อต่อเนื่องใน BJC, ROBINS, CPALL ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,690.2 จุด (-12.3 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.0 หมื่นล้านบาท เท่ากับวันก่อนหน้า
นักลงทุนชาติยังคงขายหุ้นไทยต่อเนื่องที่ 1,482 ลบ. และยังคง12 Short สุทธิ SET50 Index Future อีกครั้งกว่า 5,338 สัญญา (20 วันทำการที่ผ่านมา นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิตลาดหุ้นไทยสูงกว่า 2.6 หมื่นลบ.)

Investment theme
สรุปผลประกอบการไตรมาส 3 : สรุปผลประกอบการไตรมาส 3 ของหุ้นที่อยู่ใน Coverage ของเรา (คิดเป็น 70% ของมูลค่าหลักทรัพย์ SET, MAI) พบว่ารายงานกำไรไตรมาส 3 รวมประมาณ 1.7 แสนล้านบาท (-4%QoQ, +2%YoY) โดยหุ้น 3 กลุ่มหลักได้แก่ พลังงาน (Energy&Utility) รายงานกำไร ลดลง 20%QoQ ส่วนหนึ่งเกิดจากการบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์ของ PTTEP ในโครงการ MOSP ซึ่งสะท้อนผ่านกำไรที่ลดลงใน PTT และ PTTEP รวมประมาณ 3.0 หมื่นล้านบาท , กลุ่มธนาคารที่อยู่ใน coverage ของเรา 9 ธนาคาร รายงานกำไรสุทธิรวม ที่ 4.6 หมื่นล้านบาท ปรับตัวลดลง -9%YoY และต่ำกว่าคาดราว 8% โดยมีสาเหตุหลักจาก หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.70 เป็นร้อยละ 3.81 ในขณะที่กลุ่มค้าปลีก(รวม Reatil property) รายงานกำไรเติบโตเด่นสุดที่ +19%QoQ, +36%YoY เป็นผลมาจากรายได้เฉลี่ยต่อสาขา (SSSG%) ของหลายบริษัทฯพลิกกลับมาเป็นบวก ในขณะที่มีมาตราการคลุมค่าใช้จ่ายที่ดี ส่งผลให้Margin เติบโต และคาดจะเด่นต่อในไตรมาส 4 จากหลายมาตราการกระตุ้น
Investment theme: เราแนะนำนักลงทุนทยอยขายทำกำไรหุ้นบางส่วน โดยเฉพาะกลุ่มโรงกลั่น, โรงไฟฟ้า ในขณะที่หลีกเลี่ยงการลงทุนกลุ่ม ICT โดยเราคาด SET จะแกว่งตัวบริเวณ 1,680-1,720 จุด

Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา สหรัฐรายงานตัวเลข Core CPI ดีกว่าคาดที่ 1.8%YoY และรายงานยอดค้าปลีก เดือนต.ค.ดีกว่าคาดเช่นกันที่ 0.2%MoM / สหรัฐรายงานตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังเพิ่มขึ้น 1.85 ล้านบาร์เรล (คาดลดลง 2.2ล้านบาร์เรล ) ส่งผลให้ Brent ปรับตัวลงที่ 61.87 เหรียญ / บาร์เรล
บทวิเคราะห์วันนี้ : ANAN, TASCO
Stock pick : LPN
LPN : ทยอยสะสม ราคาเป้าหมาย 14.20 บาท /หุ้น
เราคาดผลประกอบการ LPN ได้ผ่านจุดต่ำไปแล้ว และฟื้นตัวเด่นในไตรมาส 4 โดยปัจจุบันบริษัทฯมี Backlog สูงกว่า 7.4 พันล้านบาท คาดบันทึกรายได้ในไตรมาส 4 ประมาณ 2.0 พันล้านบาท โดยเฉพาะโครงการคอนโดบางนา (sold out 100%) และส่วนที่เหลือในราชพฤกษ์ , ชะอำ คาดอัตรากำไรขั้นต้นเติบโตเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 เป็น 29-30% (จาก 25.6%)
ในขณะที่คาดผลประกอบการปี 2561 จะกลับมาโดดเด่น จาก Baklog ในมือที่ทำให้มี Secured revenue สูงกว่า 41% ของประมาณการทั้งปีที่ 1.25 หมื่นล้านบาท (+30%YoY) และคาดกำไรเติบโตสูงกว่า 61%YoY ที่ 1.86 พันล้านบาท
คาดปันผลปีหน้าสูงกว่า 5.4% คงคำแนะนำทยอยสะสม
Trading idea – – –

Stock pick สัปดาห์นี้ (BDMS, WICE, SPALI) / CK รายงานกำไรเด่นสุดในกลุ่ม แนะเก็งกำไร / Let profit run for BJC

Technical View
ขาดแรง Rebound ต่อเนื่อง : วานนี้ดัชนีขาดแรง Rebound ต่อเนื่องจากวันอังคาร ทำให้ดัชนียังคงไม่สามารถผ่านแนวต้านกรอบ Downtrend ย่อยที่ 1710 ส่วนแท่งเทียนที่เกิดลักษณะ Harami (Inside Bar) ซึ่งเป็นสัญญาณรอการเลือกทาง แต่เนื่องจาก Modified Stohchastic อยู่บริเวณ Oversold ทำให้เราคาดว่า ระยะสั้นดัชนีชะลอการลงที่แนวรับ 1685 และ 1680 กลยุทธ์การลงุทุน (1) มีหุ้น: หาก Rebound เน้นทยอยขายทำกำไร หรือหาก 1685 เน้น Lock Profit (2) ไม่มีหุ้น: รอดูแนวโน้มการหยุดลงและเริ่ม Rebound ที่แนวรับ
แนวรับ : 1685, 1680 แนวต้าน : 1695, 1700

Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : -
ปัจจัยในประเทศ : จับตาการปรับครม. / Motor expo เริ่ม 30 พ.ย.นี้

หุ้นเทคนิค:
BJC (B 54.50, Tp 57.00, Cut 53.00)
CPALL (B 71.50, Tp 74.50, Cut 70.50)

นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ / จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์
Research Department Tel. 02-658-5000

OO2438