- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 14 November 2017 17:00
- Hits: 1423
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
“ซื้อค่าบวก/หรืออ่อน@แนวรับ”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : TMT (จากถือเป็นซื้อ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET วานนี้อ่อนตัวต่อเล็กน้อย (-2.23 จุด) ปิดที่ 1687.05 โดยยังคงมี Sell on fact ต่อ ต่างชาติขายสุทธิอีก 1.7 พันลบ. แต่สถาบันในปท.กลับเป็นซื้อสุทธิ 800 กว่าลบ. และรายย่อยซื้อสุทธิ 1.3 พันลบ.
# สำหรับปัจจัย ต่างประเทศ – ยังไม่มีปัจจัยใหม่ ตลาดหุ้นสหรัฐ & ราคาน้ำมันดิบทรงๆ ส่วนในประเทศ – รอดูรายละเอียดมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่จะออกมาเพิ่มเติมและเข้าครม.ในเดือนธ.ค.นี้
# ส่วนผลประกอบการ 3Q60 พบว่า CPALL กำไร 5 พันลบ. (+21%YoY) ดีกว่าคาด และโตดีกว่ารายได้ที่ +9%YoY มาก แนะซื้อ TP 75 บาท, BEAUTY กำไร 348 ลบ. (+66%YoY,+37%QoQ) ดีกว่าคาด จากรายได้ +44%YoY (SSSG +18.6%YoY) ปรับเพิ่ม TP เป็น 21.5 บาท แต่ควรระวังพักเพราะราคาหุ้นอยู่ในพื้นที่ซื้อมากเกินไป, MINT กำไรตามคาดที่ 1.1 พันลบ. (+15%YoY, +55%QoQ) มาร์จิ้นดีขึ้นและค่าใช้จ่ายลด QoQ แนะซื้อ ให้ TP 50 บาท, CENTEL กำไร 368 ลบ. (+15%YoY, -8%QoQ) ธุรกิจโรงแรม&อาหารฟื้นตัว SSSG อาหารบวกได้หลังติดลบมาหลายไตรมาส แต่กำไรลด QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล แนะซื้อ ให้ TP 52 บาท, HANA กำไร 648 ลบ. (+30%YoY, +13%QoQ) ตามคาด แนะนำซื้อ TP 55 บาท คาด Yield ปี 60/61 เป็น 4.7%/4.8%, PSH กำไร 1.3 พันลบ. (+39%YoY, -26%QoQ) ต่ำกว่าคาด 12% เพราะคชจ.สุง ปรับลด TP เป็น 25.1 บาท มี Upside 5% คาด Yield ปันผล 5.9 % ปีนี้ 6.5% ปีหน้า ถือรับปันผลได้, LH กำไร 3.1 พันลบ. (+57%YoY, -13%QoQ) เป็นไปตามคาด แนะซื้อ ให้ TP 11.30 บาท คาด Yield ปี 60/61 ไว้ 6.7%/6.4%, MCS กำไร 145 ลบ.ต่ำกว่าคาด เพราะ GPM ลดลง แต่ก็ฟื้นตัวจาก 1H60 ที่มีกำไรเพียง 22 ลบ. ลดคาดการณ์กำไร&TP ลงเป็น 16.5 บาท แนะนำเพียงถือ (ลงทุนรับปันผลแนะซื้อ TMT), TMT แนวโน้มกำไร 4Q60 อ่อนลง QoQ แต่ยังแกร่ง ปันผลสูงคาด Yield ปี 60/61 เป็น 6.7%/7.0% (จ่ายปีละครั้ง) ปรับเพิ่ม TP เป็น 17.70 บาท
กลยุทธ์ : สิ่งที่ควรระวังช่วงนี้ คือ Sell on Fact ในทางเทคนิคให้แนวรับ SET ไว้ที่ 1680, 1670 แนวต้าน 1695-1700, 1710 หุ้นแนะนำรายสัปดาห์ (8-14 พ.ย.) คือ AOT (เอา MCS ออกแล้วเข้า TMT ซึ่งคาดจะให้ Yield ปีนี้ 6.7% แทน) ส่วน Top Picks ใน Wealth เดือนพ.ย. คือ AMATA, ERW, DIF, SPALI, TMB และ Dark Horse เป็น GOLD
ส่วนหุ้นเทคนิคดีมีโอกาสทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ TISCO, PYLON, SGP, VIH, TFG, CBG ส่วนหุ้นแนะนำไปแล้วและให้ถือต่อ เป็น SENA, ASAP, AMATA, AMATAV, PTTGC, TMW, TTW, NOK ส่วนหุ้นที่แนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะขายทำกำไร ได้แก่ KTC, RJH, KSL หุ้นที่หลุด List เป็น SUSCO, MDX, PERM, AJ
“ซื้อค่าบวก/หรืออ่อน@แนวรับ”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : TMT (จากถือเป็นซื้อ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET วานนี้อ่อนตัวต่อเล็กน้อย (-2.23 จุด) ปิดที่ 1687.05 โดยยังคงมี Sell on fact ต่อ ต่างชาติขายสุทธิอีก 1.7 พันลบ. แต่สถาบันในปท.กลับเป็นซื้อสุทธิ 800 กว่าลบ. และรายย่อยซื้อสุทธิ 1.3 พันลบ.
# สำหรับปัจจัย ต่างประเทศ – ยังไม่มีปัจจัยใหม่ ตลาดหุ้นสหรัฐ & ราคาน้ำมันดิบทรงๆ ส่วนในประเทศ – รอดูรายละเอียดมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่จะออกมาเพิ่มเติมและเข้าครม.ในเดือนธ.ค.นี้
# ส่วนผลประกอบการ 3Q60 พบว่า CPALL กำไร 5 พันลบ. (+21%YoY) ดีกว่าคาด และโตดีกว่ารายได้ที่ +9%YoY มาก แนะซื้อ TP 75 บาท, BEAUTY กำไร 348 ลบ. (+66%YoY,+37%QoQ) ดีกว่าคาด จากรายได้ +44%YoY (SSSG +18.6%YoY) ปรับเพิ่ม TP เป็น 21.5 บาท แต่ควรระวังพักเพราะราคาหุ้นอยู่ในพื้นที่ซื้อมากเกินไป, MINT กำไรตามคาดที่ 1.1 พันลบ. (+15%YoY, +55%QoQ) มาร์จิ้นดีขึ้นและค่าใช้จ่ายลด QoQ แนะซื้อ ให้ TP 50 บาท, CENTEL กำไร 368 ลบ. (+15%YoY, -8%QoQ) ธุรกิจโรงแรม&อาหารฟื้นตัว SSSG อาหารบวกได้หลังติดลบมาหลายไตรมาส แต่กำไรลด QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล แนะซื้อ ให้ TP 52 บาท, HANA กำไร 648 ลบ. (+30%YoY, +13%QoQ) ตามคาด แนะนำซื้อ TP 55 บาท คาด Yield ปี 60/61 เป็น 4.7%/4.8%, PSH กำไร 1.3 พันลบ. (+39%YoY, -26%QoQ) ต่ำกว่าคาด 12% เพราะคชจ.สุง ปรับลด TP เป็น 25.1 บาท มี Upside 5% คาด Yield ปันผล 5.9 % ปีนี้ 6.5% ปีหน้า ถือรับปันผลได้, LH กำไร 3.1 พันลบ. (+57%YoY, -13%QoQ) เป็นไปตามคาด แนะซื้อ ให้ TP 11.30 บาท คาด Yield ปี 60/61 ไว้ 6.7%/6.4%, MCS กำไร 145 ลบ.ต่ำกว่าคาด เพราะ GPM ลดลง แต่ก็ฟื้นตัวจาก 1H60 ที่มีกำไรเพียง 22 ลบ. ลดคาดการณ์กำไร&TP ลงเป็น 16.5 บาท แนะนำเพียงถือ (ลงทุนรับปันผลแนะซื้อ TMT), TMT แนวโน้มกำไร 4Q60 อ่อนลง QoQ แต่ยังแกร่ง ปันผลสูงคาด Yield ปี 60/61 เป็น 6.7%/7.0% (จ่ายปีละครั้ง) ปรับเพิ่ม TP เป็น 17.70 บาท
กลยุทธ์ : สิ่งที่ควรระวังช่วงนี้ คือ Sell on Fact ในทางเทคนิคให้แนวรับ SET ไว้ที่ 1680, 1670 แนวต้าน 1695-1700, 1710 หุ้นแนะนำรายสัปดาห์ (8-14 พ.ย.) คือ AOT (เอา MCS ออกแล้วเข้า TMT ซึ่งคาดจะให้ Yield ปีนี้ 6.7% แทน) ส่วน Top Picks ใน Wealth เดือนพ.ย. คือ AMATA, ERW, DIF, SPALI, TMB และ Dark Horse เป็น GOLD
ส่วนหุ้นเทคนิคดีมีโอกาสทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ TISCO, PYLON, SGP, VIH, TFG, CBG ส่วนหุ้นแนะนำไปแล้วและให้ถือต่อ เป็น SENA, ASAP, AMATA, AMATAV, PTTGC, TMW, TTW, NOK ส่วนหุ้นที่แนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะขายทำกำไร ได้แก่ KTC, RJH, KSL หุ้นที่หลุด List เป็น SUSCO, MDX, PERM, AJ
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
• ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : บวกเล็กๆ...รอข่าวใหม่
# ดัชนี DJIA ปิดที่ 23,439.70 จุด เพิ่มขึ้น 17.49 จุด หรือ +0.07% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,584.84 จุด เพิ่มขึ้น 2.54 จุด หรือ +0.10% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,757.60 จุด เพิ่มขึ้น 6.66 จุด หรือ +0.10%
# นักลงทุนยังกังวลการบังคับกฎหมายปฏิรูปภาษีของคณะทำงานทรัมป์ว่าอาจเป็นไปอย่างล่าช้า และร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับของวุฒิสภายังมีเนื้อหาแตกต่างจากฉบับของสภาผู้แทนราษฎร ทำให้ร่างกฎหมายจะซับซ้อนมากขึ้น ทั้งนี้สภาผู้แทนราษฎรมีกำหนดลงมติต่อร่างกฎหมายดังกล่าวในสัปดาห์นี้
• สหรัฐ : ปัจจัยจับตาสัปดาห์นี้
# ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนพ.ย.จากเฟดนิวยอร์ก, ยอดค้าปลีกเดือนต.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย.,ราคานำเข้าและส่งออกเดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ต.ค. และตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาก่อสร้างเดือนต.ค.
• ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาทรงตัว
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. +2 เซนต์ หรือ +0.09% ปิดที่ 56.76 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนม.ค. -36 เซนต์ หรือ -0.6% ปิดที่ 63.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
# กลุ่มโอเปกคาดการณ์ว่าทั่วโลกมีความต้องการใช้น้ำมันโอเปกเพิ่มเป็น 33.42 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2561 (+360,000 บาร์เรล/วันจากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้) โดยการปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ครั้งที่ 4 ของปีนี้
+/• ภาวะตลาดทองคำ : ราคาปรับขึ้น 0.4%
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 4.70 ดอลลาร์ หรือ 0.37% ปิดที่ระดับ 1278.90 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากราคาหุ้นพักฐาน & รอดูการลงมติร่างกฎหมายปฎิรูปภาษีของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐสัปดาห์นี้
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
• ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : บวกเล็กๆ...รอข่าวใหม่
# ดัชนี DJIA ปิดที่ 23,439.70 จุด เพิ่มขึ้น 17.49 จุด หรือ +0.07% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,584.84 จุด เพิ่มขึ้น 2.54 จุด หรือ +0.10% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,757.60 จุด เพิ่มขึ้น 6.66 จุด หรือ +0.10%
# นักลงทุนยังกังวลการบังคับกฎหมายปฏิรูปภาษีของคณะทำงานทรัมป์ว่าอาจเป็นไปอย่างล่าช้า และร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีฉบับของวุฒิสภายังมีเนื้อหาแตกต่างจากฉบับของสภาผู้แทนราษฎร ทำให้ร่างกฎหมายจะซับซ้อนมากขึ้น ทั้งนี้สภาผู้แทนราษฎรมีกำหนดลงมติต่อร่างกฎหมายดังกล่าวในสัปดาห์นี้
• สหรัฐ : ปัจจัยจับตาสัปดาห์นี้
# ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนพ.ย.จากเฟดนิวยอร์ก, ยอดค้าปลีกเดือนต.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย.,ราคานำเข้าและส่งออกเดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ต.ค. และตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาก่อสร้างเดือนต.ค.
• ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาทรงตัว
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. +2 เซนต์ หรือ +0.09% ปิดที่ 56.76 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนม.ค. -36 เซนต์ หรือ -0.6% ปิดที่ 63.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
# กลุ่มโอเปกคาดการณ์ว่าทั่วโลกมีความต้องการใช้น้ำมันโอเปกเพิ่มเป็น 33.42 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2561 (+360,000 บาร์เรล/วันจากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้) โดยการปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ครั้งที่ 4 ของปีนี้
+/• ภาวะตลาดทองคำ : ราคาปรับขึ้น 0.4%
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 4.70 ดอลลาร์ หรือ 0.37% ปิดที่ระดับ 1278.90 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากราคาหุ้นพักฐาน & รอดูการลงมติร่างกฎหมายปฎิรูปภาษีของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐสัปดาห์นี้
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO2343