- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 14 November 2017 16:55
- Hits: 805
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
มีโอกาสฟื้นตัวจากจุดวัดใจ เก็งกำไรแบบกำหนดจุด stop loss
แม้จิตวิทยาของหุ้นโลกยังทรงๆหลังมีความเสี่ยงที่มาตรการปฏิรูปภาษีสหรัฐฯ อาจล่าช้าไปถึงปี 2562 อย่างไรก็ตามเรามองหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวจาก 1686 จุด เนื่องจากการรายงานผลประกอบการของบจ.ส่วนใหญ่ประกาศไปแล้ว ในส่วนที่เหลือจะเป็นหุ้นขนาดเล็กซึ่งจะมีแรงกดดันต่อตลาดจำกัด ขณะที่ผลประกอบการที่แย่ในหุ้นหลายตัวเป็นเพราะปัจจัยเฉพาะตัว (อาทิ SSP, PRM) รวมถึงบางส่วนจะเป็นไตรมาสที่แย่สุดก่อนฟื้นดีขึ้น (อาทิ PYLON) ดังนั้นประเมินตลาดมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นทดสอบ 1695-1700 จุด โดยการชะลอตัวลงของดัชนีเป็นโอกาสทยอยสะสมหุ้นใหญ่ในกลุ่มได้ประโยชน์บริโภค พลังงาน และธนาคาร / หุ้น SCC อาจต้องรอตั้งรับลึก 450 บาท ราคา Naptha ที่ขึ้นตามราคาน้ำมัน จะกดดันต่อผลประกอบการ / กลุ่มเหล็กมีโอกาสรายงานกำไรฟื้นตัวหลังสถานการณ์อุปทานเหล็กที่จีนดีขึ้น
Investment Theme 1) หุ้นที่ยังมีการถือครองน้อย อาทิ PRM*, SSP* 2) หุ้นใหญ่พลังงาน-ปิโตร PTT, PTTEP, PTTGC, IVL, IRPC 3) หุ้นเก็งกำไรที่น่าสนใจ TIP*, AJ*, PTL*, VNT*, EASTW, MILL*, BDMS, AMANAH, AGE, TISCO, SGP*, SCN*, GUNKUL*, RICHY*, IT*
ภาพรวมกลยุทธ์: แม้ยังมี downside ที่ 1670 แต่นักเก็งกำไรลุ้นฟื้นตัวโดยใช้ 1686 เป็นจุด stop loss เรายังคงแนะนำเก็งกำไรเป็นในเชิงตั้งรับ (ไม่ไล่ราคา/ซื้อแนวรับ/ตั้ง stop loss) และกลยุทธ์การลงทุนเน้นเลือกหุ้นรายตัว // หุ้นแนะนำ SCB, PYLON, VNT*
แนวรับ : 1670 / แนวต้าน : 1700 จุด สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%
มีโอกาสฟื้นตัวจากจุดวัดใจ เก็งกำไรแบบกำหนดจุด stop loss
แม้จิตวิทยาของหุ้นโลกยังทรงๆหลังมีความเสี่ยงที่มาตรการปฏิรูปภาษีสหรัฐฯ อาจล่าช้าไปถึงปี 2562 อย่างไรก็ตามเรามองหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวจาก 1686 จุด เนื่องจากการรายงานผลประกอบการของบจ.ส่วนใหญ่ประกาศไปแล้ว ในส่วนที่เหลือจะเป็นหุ้นขนาดเล็กซึ่งจะมีแรงกดดันต่อตลาดจำกัด ขณะที่ผลประกอบการที่แย่ในหุ้นหลายตัวเป็นเพราะปัจจัยเฉพาะตัว (อาทิ SSP, PRM) รวมถึงบางส่วนจะเป็นไตรมาสที่แย่สุดก่อนฟื้นดีขึ้น (อาทิ PYLON) ดังนั้นประเมินตลาดมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นทดสอบ 1695-1700 จุด โดยการชะลอตัวลงของดัชนีเป็นโอกาสทยอยสะสมหุ้นใหญ่ในกลุ่มได้ประโยชน์บริโภค พลังงาน และธนาคาร / หุ้น SCC อาจต้องรอตั้งรับลึก 450 บาท ราคา Naptha ที่ขึ้นตามราคาน้ำมัน จะกดดันต่อผลประกอบการ / กลุ่มเหล็กมีโอกาสรายงานกำไรฟื้นตัวหลังสถานการณ์อุปทานเหล็กที่จีนดีขึ้น
Investment Theme 1) หุ้นที่ยังมีการถือครองน้อย อาทิ PRM*, SSP* 2) หุ้นใหญ่พลังงาน-ปิโตร PTT, PTTEP, PTTGC, IVL, IRPC 3) หุ้นเก็งกำไรที่น่าสนใจ TIP*, AJ*, PTL*, VNT*, EASTW, MILL*, BDMS, AMANAH, AGE, TISCO, SGP*, SCN*, GUNKUL*, RICHY*, IT*
ภาพรวมกลยุทธ์: แม้ยังมี downside ที่ 1670 แต่นักเก็งกำไรลุ้นฟื้นตัวโดยใช้ 1686 เป็นจุด stop loss เรายังคงแนะนำเก็งกำไรเป็นในเชิงตั้งรับ (ไม่ไล่ราคา/ซื้อแนวรับ/ตั้ง stop loss) และกลยุทธ์การลงทุนเน้นเลือกหุ้นรายตัว // หุ้นแนะนำ SCB, PYLON, VNT*
แนวรับ : 1670 / แนวต้าน : 1700 จุด สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%
ประเด็นการลงทุน
โภคภัณฑ์ – ราคาน้ำมันปรับขึ้นรับอาณิสงค์เชิงบวกจากการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกที่ลดลงในเดือน ต.ต. รวมถึงความต้องการน้ำมันโลกที่คาดเพิ่มสูงขึ้นในปีหน้า / ราคาโลหะปรับตัวขึ้นหลังราคาชะลอตัวลงกว่า 2 วัน / ค่าระวางเรือ (BDI) ปิดที่ 1,445 จุด (-1.30%) / ถ่านหิน Newcastle ปิดที่ 97.8 เหรียญต่อตัน (+0.15%)
รายงานโอเปกเดือน พ.ย. – โอเปกปรับเพิ่มความต้องการใช้น้ำมันของประเทศต่างๆ ทั่วโลกขึ้นสู่ระดับ 33.42 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 360,000 บาร์เรลต่อวัน จากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้า พร้อมคาดว่าอุปสงค์น้ำมันจะเพิ่มขึ้น 1.51 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 61 รับปัจจัยบวกจากการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
กำลังการผลิตจีนทำจุดสูงสุดในรอบ 5 ปี – NBS รายงานอัตราการใช้กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมจีนปรับตัวขึ้น 76.6% ในช่วง 9 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ย.60) สูงสุดในรอบ 5 ปี
ลดราคาสินค้าทั่วประเทศ คาดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นลบ. - กระทรวงพาณิชย์จับมือกลุ่มผู้ผลิต ห้างสรรพสินค้า จัดงาน “รวมใจ เพิ่มสุข ลดรับปีใหม่” โดยนำสินค้ากว่า 1 หมื่นรายการลดราคาตั้งแต่ 20-80% เป็นเวลา 22 วัน (14 ธ.ค.60 – 4 ม.ค.61) เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนทั้งประเทศ คาดมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นลบ. และช่วยประหยัดค่าครองชีพถึง 7-8 พันลบ.
ราคายางถูกกดดันจากผลผลิตที่ล้นตลาดและการเก็งกำไร – กยท.ระบุถึงสาเหตุของปัญหาราคายางพาราตกต่ำที่เกิดขึ้นในขณะนี้ มีสาเหตุที่แท้จริงมาจาก ปริมาณผลผลิตและความต้องการที่ไม่สมดุลกัน, การชะลอตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศผู้ใช้ยางรายใหญ่ของโลก, รวมถึงการเก็งกำไรของนักลงทุนทั้งในตลาดซื้อขายจริงและตลาดล่วงหน้า
หุ้นเข้าออก MSCI – MSCI Global: (+) ไม่มี (-) BEC // MSCI Global Small Cap: (+) BEC, GGC, ORI, VNT, WHAUP (-) AIRA, GPSC, NYT, SCN, STPI, THRE
ประเด็นติดตาม: 15 พ.ย. – เงินเฟ้อสหรัฐฯ / 20 พ.ย. – สภาพัฒน์ประกาศจีดีพี 3Q60 / 30 พ.ย. – ประชุมโอเปค
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)
โภคภัณฑ์ – ราคาน้ำมันปรับขึ้นรับอาณิสงค์เชิงบวกจากการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกที่ลดลงในเดือน ต.ต. รวมถึงความต้องการน้ำมันโลกที่คาดเพิ่มสูงขึ้นในปีหน้า / ราคาโลหะปรับตัวขึ้นหลังราคาชะลอตัวลงกว่า 2 วัน / ค่าระวางเรือ (BDI) ปิดที่ 1,445 จุด (-1.30%) / ถ่านหิน Newcastle ปิดที่ 97.8 เหรียญต่อตัน (+0.15%)
รายงานโอเปกเดือน พ.ย. – โอเปกปรับเพิ่มความต้องการใช้น้ำมันของประเทศต่างๆ ทั่วโลกขึ้นสู่ระดับ 33.42 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 360,000 บาร์เรลต่อวัน จากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้า พร้อมคาดว่าอุปสงค์น้ำมันจะเพิ่มขึ้น 1.51 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 61 รับปัจจัยบวกจากการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
กำลังการผลิตจีนทำจุดสูงสุดในรอบ 5 ปี – NBS รายงานอัตราการใช้กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมจีนปรับตัวขึ้น 76.6% ในช่วง 9 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ย.60) สูงสุดในรอบ 5 ปี
ลดราคาสินค้าทั่วประเทศ คาดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นลบ. - กระทรวงพาณิชย์จับมือกลุ่มผู้ผลิต ห้างสรรพสินค้า จัดงาน “รวมใจ เพิ่มสุข ลดรับปีใหม่” โดยนำสินค้ากว่า 1 หมื่นรายการลดราคาตั้งแต่ 20-80% เป็นเวลา 22 วัน (14 ธ.ค.60 – 4 ม.ค.61) เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนทั้งประเทศ คาดมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นลบ. และช่วยประหยัดค่าครองชีพถึง 7-8 พันลบ.
ราคายางถูกกดดันจากผลผลิตที่ล้นตลาดและการเก็งกำไร – กยท.ระบุถึงสาเหตุของปัญหาราคายางพาราตกต่ำที่เกิดขึ้นในขณะนี้ มีสาเหตุที่แท้จริงมาจาก ปริมาณผลผลิตและความต้องการที่ไม่สมดุลกัน, การชะลอตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศผู้ใช้ยางรายใหญ่ของโลก, รวมถึงการเก็งกำไรของนักลงทุนทั้งในตลาดซื้อขายจริงและตลาดล่วงหน้า
หุ้นเข้าออก MSCI – MSCI Global: (+) ไม่มี (-) BEC // MSCI Global Small Cap: (+) BEC, GGC, ORI, VNT, WHAUP (-) AIRA, GPSC, NYT, SCN, STPI, THRE
ประเด็นติดตาม: 15 พ.ย. – เงินเฟ้อสหรัฐฯ / 20 พ.ย. – สภาพัฒน์ประกาศจีดีพี 3Q60 / 30 พ.ย. – ประชุมโอเปค
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)
รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นโดยข้อมูลเท่าที่ปรากฏและเชื่อว่าเป็นที่น่าเชื่อถือได้แต่ไม่ถือเป็นการยืนยันความถูกต้องและความสมบูรณ์ของข้อมูลนั้นๆ โดยบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้จัดทำขอสงวนสิทธ์ในการเปลี่ยนแปลงความเห็นหรือประมาณการณ์ต่างๆที่ปรากฏในรายงานฉบับนี้ โดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า รายงานฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน โดยไม่ได้เป็นการชี้นำชักชวนให้นักลงทุนทำการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ หรือตราสารทางการเงินใดๆ ที่ปรากฏในรายงาน.
OO2334