WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

KTBบล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily 
  
ภาพตลาดวันวาน
  ดัชนีเปิดตัวแรงกระโดดขึ้นทำจุดสูงสุดของวันที่ 1718.74 จุด เพิ่มขึ้น 4.09 จุด ก่อนที่จะมีแรงขายสลับเข้ามา ทำให้มีทิศทางผันผวนยืนทั้งบวกและลบ ก่อนที่จะทิ้งตัวลงหนักในช่วงบ่าย ลงมาทำจุดต่ำสุดของวันที่ 1702.14 จุด ลดลง 12.51 จุด ทำให้มีกรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันที่ 16.60 จุด ทั้งนี้หุ้นที่มี Impact ต่อการปรับตัวลงของดัชนีได้แก่ ADVANC, PTT, IVL, KCE, TOA, BCH ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1703.03 จุด ลดลง 11.62 จุด  (-0.68%) มูลค่าการซื้อขาย 55,042 ล้านบาท
 
ภาพตลาดวันนี้
  ดัชนีวานนี้ไม่สามารถไปต่อได้ หลังจากที่วันก่อนหน้าส่งสัญญาณรอเลือกทาง โดยเปิดตัวได้ดีขึ้นทำ High 1718 จุด ก่อนที่จะทิ้งตัวลงหนักทำ Low 1702 จุด และทำปิดใกล้จุดต่ำสุดของ 1703 จุด ซึ่งถือว่าเข้าใกล้เส้นแนวโน้มขาขึ้นที่มาจาก Low 1673 บวกกับกราฟแท่งเทียนที่แสดงในเชิงลบ  ทำให้มีความเสี่ยงที่จะหลุดเส้นแนวโน้มดังกล่าวหรือการยืน 1700 จุดไม่อยู่ โดยมองเป้าหมายแนวรับ 1692-1698 // 1683 จุด ขณะที่ขยับแนวต้านลง 1708-1713 จุด
 แกว่งตัวผันผวน  -  มีโอกาสหลุด 1700 จุด
  Support  1690 // 1670  จุด        Resistance 1728 // 1735  จุด
 
พรรณนภา เขมะสุรัตน์
Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110
Tel  02- 6481124
Email: [email protected] 

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
  
ภาวะตลาดหุ้นรายวัน
          ทิศทางตลาดหุ้นไทย : คาดดัชนีฯ ผันผวนและอาจลบต่อจากวันก่อน ตามตลาดต่างประเทศ และเกิด sell on fact หลังส่งงบ ....  ตลาดหุ้นวานนี้ พลิกเป็นลบจากที่เราคาดว่าจะเดินหน้าต่อ  แรงขายหุ้น big cap. หลายตัวกดดันดัชนีฯ มีหุ้นที่ถูกขายหลังส่งงบ (IVL, KCE) ……  ปัจจัยต่างประเทศ มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมาตั้งแต่วานนี้ หลังดัชนีตลาดหุ้นญี่ปุ่นผันผวนมาก ส่วนหนึ่งมาจากความกังวลเรื่องกฎหมายภาษีของสหรัฐฯ ที่จะล่าช้าและการลดภาษีนิติบุคคลอาจเลื่อนไปอีก 1 ปี (ลบต่อ IVL)  .....  ด้านปัจจัยในประเทศ การส่งงบของบริษัทต่างๆที่มีทั้งบวก/ลบ คละเคล้า เรามองว่านักลงทุนอาจชะลอการลงทุนเพื่อรอดูงบของหุ้นที่ยังเหลืออยู่ (ล่าสุด นำส่งไปแล้วประมาณ 30% ของบริษัททั้งหมด)
          กลยุทธ์การลงทุน : การกลับมาขายหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ (net sell 1.7 พันลบ.) และตลาดกังวลต่อกฎหมายภาษีของสหรัฐฯ น่าจะกดดันต่อตลาดหุ้นช่วงสั้น  อีกทั้งเม็ดเงินในตลาดยังมีอยู่จำกัด ....ภาพยาวๆ หากดัชนีฯยังไม่หลุดแนวรับ 1695 แนะนำถือหุ้นต่อ แต่หากหลุดต่ำกว่า แนะขายบางส่วน..... การเข้าเก็งกำไรช่วงสั้น ควรสลับตัวเล่นไปมา  หรือเข้าลงทุนต่อเนื่องในหุ้นใหญ่ที่มีปัจจัยเฉพาะตัว เช่น DTAC,  KTC    นอกจากนี้ หุ้นที่มีการรายงานผลประกอบการในระหว่างวัน จะมีความคึกคักขึ้นด้วย ..สำหรับหุ้นที่มีกำไรโตมาก อาทิ GUNKUL, COM7, TK, SAT  อาจมีแรงซื้อเข้ามาในตัวหุ้น และหุ้นบางตัวที่งบออกมาไม่ดีนัก ก็อาจเป็นลบเช่นกัน เช่น VNT , ARROW
          หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน : สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ  MAJOR, UTP, KTC
          หุ้นแนะนำทางเทคนิค : TKN, PPS, DNA     
          * เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
 
บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
(+) AAV: กำไรสุทธิ 3Q17 ดีกว่าคาด แนวโน้ม 4Q17 จะเติบโตโดดเด่น
(+) CPN: คาดกำไรปกติในปี 2018 จะเติบโตได้โดดเด่นถึง 19% YoY
(+) D: คาดกำไรสุทธิ 3Q17 เติบโต YoY และ QoQ ปี 2019 กำไรเติบโตก้าวกระโดดจาก โรงพยาบาลฟัน
(+) GFPT: กำไรสุทธิ 3Q17 เติบโต YoY และ QoQ ใกล้กับที่คาด ราคาวัตถุดิบอ่อนตัว ส่งออกไก่ได้มากขึ้น(-) JMT: กำไรสุทธิต่ำกว่าที่เราและตลาดคาด
(-) LPN: กำไรสุทธิ 3Q17 ต่ำกว่าคาด แต่แนวโน้มน่าจะค่อยๆ ดีขึ้น
(+)MTLS: จำนวนสาขายังคงเป็นปัจจัยหลักในการขยายธุรกิจ
(+) SAT: กำไรสุทธิ 3Q17 ดีกว่าคาด ปรับคาดการณ์กำไรปกติปี 2017-2018 ขึ้น
(+)TK: เตรียมขยายธุรกิจในต่างประเทศเพิ่มขึ้น
(+) UTP: กำไรสุทธิ 3Q17 สูงกว่าคาดที่ 4%
 
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด                                                                 
          ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (09 พ.ย.) - ปิดที่ระดับ 1,703.03 จุด ลดลง 11.62 จุด หรือ -0.68% มูลค่าการซื้อขาย 55,042.23 ล้านบาท มีแรงขายจากต่างชาติเข้ามามาก โดยต่างชาติมีสถานะเป็นขายสุทธิที่ 1,733 ล้านบาท อีกทั้งภาพตลาดต่างประเทศยังคงไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามา
          ตลาดหุ้นต่างประเทศ - ดัชนี  Dow Jones ปิดที่  23,461.94 จุด ลดลง 101.42 จุด หรือ -0.43%จากความล่าช้าของมาตรการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลของสหรัฐฯ การอนุมัติขั้นสุดท้ายล่าช้า และหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาเสนอให้มีการชะลอการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 35% สู่ระดับ 20% ออกไปอีก 1 ปี จนถึงปี 2562  .... ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx Europe 600 ปรับตัวลงถึง -1.1% ปิดที่ 390.07 จุด
          ราคาน้ำมันดิบ - ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 36 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 57.17 ดอลลาร์/บาร์เรล จากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างเลบานอนและซาอุดิอาระเบีย ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดอุปทานที่ลดลงในอนาคต
          ปัจจัยต่างประเทศ การร่างกฏหมายปฏิรูปภาษี - ยังคงเป็นปัจจัยลบต่อเนื่องจากวันก่อน โดยนักลงทุนจับตารอการเปิดเผยร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในฉบับของวุฒิสภา ซึ่งก่อนหน้านี้คาดว่าจะประกาศภายในสัปดาห์นี้ จากปัจจุบันที่ 35% นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าสมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาเสนอให้มีการชะลอการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 35% สู่ระดับ 20% ออกไปอีก 1 ปี จนถึงปี 2019
          แผนการลงทุนเพื่อรองรับ EEC มูลค่ารวม 7.45 แสนล้านบาท  รมว.กระทรงคมนาคม กล่าวว่าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มูลค่ารวม 7.45 แสนล้านบาท จำนวน 103 โครงการ ใช้ในระยะเวลา 5 ปี โดยโครงการที่เร่งการลงทุนก่อนได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-ระยอง ซึ่งจะรวมกับการเชื่อมสนามบิน ประเด็นดังกล่าวเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาฯขนาดใหญ่ ได้แก่ CK, ITD, STEC, UNIQ และกลุ่มนิคมฯที่มีพื้นที่ในเขต EEC ได้แก่ AMATA, WHA, TICON, TFD
          การประกาศงบการเงินไตรมาส 3 - ในวันนี้จะมีหุ้นขนาดใหญ่ที่จะประกาศผลประกอบการเป็นจำนวนมาก หุ้นที่ KTBST ออกบทวิเคราะห์และคาดว่าจะประกาศผลการดำเนินงานช่วง 3Q17 ในวันนี้ได้แก่ CENTEL (KTBST คาดกำไรสุทธิช่วง 3Q17 ที่ 386 ล้านบาท +20% YoY, -3% QoQ), COL (KTBST คาดกำไรสุทธิช่วง 3Q17 ที่ 250 ล้านบาท +178% YoY, +233% QoQ), ERW (KTBST คาดกำไรสุทธิช่วง 3Q17 ที่ 70 ล้านบาท +25% YoY, +23% QoQ), MAJOR (KTBST คาดกำไรสุทธิช่วง 3Q17 ที่ 382 ล้านบาท +15% YoY, -31% QoQ),  ROBINS (KTBST คาดกำไรสุทธิช่วง 3Q17 ที่ 617 ล้านบาท +21% YoY, +3% QoQ), SINGER (KTBST คาดกำไรสุทธิช่วง 3Q17 ที่ 25 ล้านบาท +387% YoY, +170% QoQ), และ QH (KTBST คาดกำไรสุทธิช่วง 3Q17 ที่ 1,396 ล้านบาท +89% YoY, +80% QoQ)
Stock in Focus
หุ้น                 เหตุผล
MAJOR(ราคาปิด 33.00)     แนะนำ MAJOR จากกระแสภาพยนต์เรื่อง Thor Ragnarok ที่มีกระแสตอบรับที่ดี อีกทั้ง บริษัทยังออกมากล่าวว่า ภาพรวมตลาดหนังตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเติบโตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน และช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้จะยังเติบโตต่อเนื่อง .... คาดกำไรสุทธิ 3Q17 จะประกาศในวันนี้ที่ 382 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +15% YoY แต่ -31% QoQ กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกคิดเป็น 77% คาดการณ์บริษัทจะเติบโตได้ดีในช่วง 4Q17 จากการเข้าสู่ช่วงเฉลิมฉลองของประเทศไทย และจากภาพยนตร์ที่คาดว่าจะได้รับกระแสความนิยมสูงเช่น Thor Ragnarok, Justice League, Star War  .... KTBST คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2017 ของ MAJOR ที่ระดับ 1,443 ล้านบาท (+21% YoY) และปี 2018 ที่ 1,480 ล้านบาท (+3% YoY) …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 36.00 บาท)
UTP(ราคาปิด  9.45)     กำไรสุทธิช่วง 3Q17 ออกมาดีกว่าคาด ส่งผลให้ความกังวลว่ากำลังการผลิตจะไม่สามารถทำได้ตามเป้าเริ่มน้อยลงไป ....  UTP รายงานกำไรสุทธิ 3Q17 ที่ 87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 131%YoY และ 38%QoQ สูงกว่าที่เราคาดที่ 4% จาก spread ที่สูงขึ้น, กำลังการผลิตที่สูงขึ้น และ การประหยัดภาษีจาก BOI ของไลน์การผลิตใหม่  …. KTBST คาดว่ากำไรสุทธิทั้งปี 2017 เติบโตถึง +66% YoY มาอยู่ที่ 318 ล้านบาท  และเติบโตต่อเนื่องอีก +57% YoY ในปี 2018 ที่ 499 ล้านบาท… (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 11.50 บาท)
KTC(ราคาปิด  147.50)   KTC เป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่ได้รับผลบวกจากมาตรการช็อปช่วยชาติแต่ยังไม่เป็นที่พูดถึงมากนัก โดยกำไรสุทธิ 3Q17 ที่ 846 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.3%YoY และ 7.6%QoQ สูงกว่าที่ตลาดคาด 17.2% .... KTBST คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 2,708 ล้านบาท (+9% YoY) และปี 2018 ที่ 3,003 ล้านบาท (+11% YoY) …. (ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 135.00 บาท)
Source: KTBST Research
Sector / Stock Updates
          (+) SCB นายอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCB ในฐานะหนึ่งในธนาคารผู้ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ PACE เปิดเผยว่า ธนาคารได้เชิญผู้ประกอบการหลายรายเข้ามาช่วยซื้อทรัพย์สินจากเพซ เพื่อช่วยปรับโครงสร้างทางการเงินของ PACE ให้ดีขึ้น โดยมี SIRI เป็นผู้ชนะในการคัดเลือก ซึ่งหลังจากนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบฐานะทางการเงิน (ดิวดิลิเจนต์) คาดว่าจะใช้เวลา 60 วัน หรือจบภายในเดือน ม.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม หากการทำดิวดิลิเจนต์ไม่ตรงกันก็ต้องมาคุยหาทางออกกันใหม่
          เรามีมุมมองที่ผ่อนคลายมากขึ้นกับ SCB เนื่องจากผลกระทบจากการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญของ PACE จะลดลงหาก PACE ทำ Due Diligent กับทาง SIRI ได้เรียบร้อย ซึ่งเดิมทาง SCB ยังไม่ได้มีการตั้งสำรองพิเศษกับกรณีของ PACE เลย และเราก็ยังไม่ได้นำผลกระทบของ PACE มาใส่ในประมาณการของเราเช่นกัน ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำ "ถือ" สำหรับ SCB ราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 168 บาท โดยยังชอบ BBL และ KBANK มากกว่า
          (+) CPN เราเริ่มต้นด้วยคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายในปี 2018 ที่ 92 บาท อิง DCF เนื่องจากเรามองเห็นการเติบโตของรายได้และกำไรสุทธิที่ต่อเนื่อง โดยคาดว่าปี 2018 จะเติบโตได้โดดเด่นที่สุด 19% YoY หลังจากการปรับปรุงเซ็นทรัลเวิลด์เสร็จช่วงกลางปี ซึ่งจะมีการขึ้นค่าเช่า 10% และมีการรับรู้การโอนคอนโดมูลค่าราว 3 พันล้านบาท ขณะที่โมเมนตัมจากการขายคอนโดยังดีต่อเนื่อง โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา CPN มีการเปิดห้างที่นครราชสีมาพร้อมกับการเปิดขายคอนโดใช้เวลาเพียง 2 วันก็สามารถขายได้เกือบ 100% ประกอบกับ มีการขยายห้างเพิ่มขึ้นอีก 3 แห่ง ทั้งใน-ต่างประเทศ อีกทั้ง ยังมีลุ้นเงินปันผลพิเศษเพิ่มเติม โดยเราคาดว่า CPN จะจ่ายปันผลพิเศษเพิ่มเติมได้ 0.61 บาทต่อหุ้น รวมกับปันผลปกติที่ 0.91 บาทต่อหุ้น รวมเป็น 1.52 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น Dividend Yield ราว 1.86%
          (+) MTLS บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 3Q17 ที่ 133 ล้านบาท(+18%YoY และ +11%QoQ) สูงกว่าที่เรา และตลาดคาดการณ์ โดยบริษัทมีรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นที่ 17%YoY และ 6%QoQ ตามการขยายตัวของสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์เป็นหลัก นอกจากนี้บริษัทมี NPLs ที่ลดลงจาก 2Q17 ที่ 4.8% มาที่ 4.5% ใน 3Q17 ส่งผลให้บริษัทมีการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญลดลงที่ 13%QoQ แม้กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปี 2017 จะคิดเป็น 70% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 2017 แต่เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2017-2018 ที่ 510 และ 597 ล้านบาท (+19% และ +17%) ตามยอดขายรถจักรยานยนต์ในประเทศที่ดีขึ้น และการปล่อยสินเชื่อในกลุ่มประเทศ CLMV ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูง เรายังคงราคาเหมาะสมปี 2018 ที่ 16.50 บาท (อิง PBV ที่ 1.6x) แต่ปรับลดคำแนะนำจาก "ซื้อ" เป็น "ถือ" เนื่องจากเรามองว่าราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาได้สะท้อนปัจจัยการขยายตัวในต่างประเทศแล้ว
          (+) TK บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 3Q17 ที่ 133 ล้านบาท(+18%YoY และ +11%QoQ) สูงกว่าที่เรา และตลาดคาดการณ์ โดยบริษัทมีรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นที่ 17%YoY และ 6%QoQ ตามการขยายตัวของสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์เป็นหลัก นอกจากนี้บริษัทมี NPLs ที่ลดลงจาก 2Q17 ที่ 4.8% มาที่ 4.5% ใน 3Q17 ส่งผลให้บริษัทมีการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญลดลงที่ 13%QoQ แม้กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปี 2017 จะคิดเป็น 70% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 2017 แต่เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2017-2018 ที่ 510 และ 597 ล้านบาท (+19% และ +17%) ตามยอดขายรถจักรยานยนต์ในประเทศที่ดีขึ้น และการปล่อยสินเชื่อในกลุ่มประเทศ CLMV ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูง เรายังคงราคาเหมาะสมปี 2018 ที่ 16.50 บาท (อิง PBV ที่ 1.6x) แต่ปรับลดคำแนะนำจาก "ซื้อ" เป็น "ถือ" เนื่องจากเรามองว่าราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาได้สะท้อนปัจจัยการขยายตัวในต่างประเทศแล้ว
          (+) UTP UTP รายงานกำไรสุทธิ 3Q17 ที่ 87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 131%YoY และ 38%QoQ สูงกว่าที่เราคาดที่ 4% จาก อัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น, กำลังการผลิตที่สูงขึ้น, และ การประหยัดภาษีจากการได้รับ BOI ของไลน์การผลิตใหม่ ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 318 พันล้านบาท (+66% YoY) โดยกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกคิดเป็น 67% ของประมาณการทั้งปี โดยคาดว่าบริษัทจะเติบโตได้ดีในช่วง 4Q17 จากกำลังการผลิตที่สามารถ ramp up ขึ้นไปที่ 600-700 ตันต่อวัน Roll-over ราคาเหมาะสมเป็นปี 2018 พร้อมทั้งปรับคำแนะนำเป็น "ซื้อ" ด้วยราคาเหมาะสมที่ 11.50 บาท (อิง PER ที่ 15x)
          (+) SAT SAT รายงานกำไรสุทธิ 3Q17 ที่ 225 ล้านบาท ดีกว่าคาด เพิ่มขึ้น 34% YoY และ 67% QoQ จากอัตรากำไรขั้นต้นและรายได้ที่ดีกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ เรามีการปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรปกติปี 2017 - 2018 ขึ้นจากเดิมราว 4% เป็น 692 ล้านบาท และ 777 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% YoY และ 12% YoY ตามลำดับ จากแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าที่เคยคาดเดิม จากแผนการควบคุมต้นทุนการผลิตได้ดีขึ้น นอกจากนั้น ในแง่ของกำไรสุทธิในงวด 4Q17 คาดว่าจะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายที่ดิน และการโอนกิจการ BSK ไปยังบริษัทร่วมทุน ทั้งนี้ เราปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 23 บาท จากเดิม 21 บาท ยังแนะนำ ซื้อ
          (+) AAV AAV รายงานกำไรสุทธิ 3Q17 ที่ 261 ล้านบาท ลดลง 34% YoY แต่เพิ่มขึ้น 53% QoQ สูงกว่าที่เราคาดไว้ 27% จากกำไรพิเศษจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งหากไม่รวมรายการดังกล่าว กำไรปกติจะอยู่ที่ 189 ล้านบาท ลดลง 14% YoY และ 34% QoQ ใกล้เคียงกับที่เราคาดไว้ ซึ่งจัดว่าเป็นกำไรในระดับที่ดี และคาดว่ากำไรสุทธิ 4Q17 จะกลับมาเติบโตได้โดดเด่นทั้ง YoY และ QoQ จากการท่องเที่ยวที่เติบโต และจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาก เรายังคงคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2017 และ 2018 ที่ 1,566 ล้านบาท และ 1,884 ล้านบาท ลดลง 16% แต่เพิ่มขึ้น 20% ตามลำดับ โดยยังคงคำแนะนำ ซื้อ เป้าหมาย 7.40 บาท
Source: KTBST Research
         
Analyst :  Mongkol Puangpetra
          License No: 001937  
          +662 648 1123
          [email protected]
          Nontapat Rushtasomboon
          License No: 081447  
          +662 648 1127
          [email protected]
OO2227

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!