WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

KTBล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily 

ภาพตลาดวันวาน
  ดัชนีเปิดตลาดปรับตัวขึ้นเล็กน้อย แกว่งสลับขึ้นลงยืนทั้งแดนบวกและลบ มีแรงขายหลักจาก SCC, PTT, ADVANC, KCE, CHG ลงทำจุดต่ำสุดของวันที่ 1709.81 จุด ลดลง 2.94 จุด ก่อนที่ช่วงบ่ายจะมีแรงซื้อกลับนำโดย PTTGC, SCB, BCPG, EA, KBANK เข้ามาดันดัชนียืนบวกได้อย่างต่อเนื่องขึ้นทำจุดสูงสุดของวันที่ 1718.70 จุด เพิ่มขึ้น 5.95 จุด ทำให้ทั้งวันมีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 8.89 จุด ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1714.65 จุด เพิ่มขึ้น 1.90 จุด  (+0.11%) มูลค่าการซื้อขาย 59,447 ล้านบาท
 
ภาพตลาดวันนี้
  ดัชนีวานนี้มีทิศทางผันผวนในกรอบแคบ ที่ยังไม่เลือกทาง และสามารถทรงตัวยืนกลุ่มเส้นค่าเฉลี่ยได้ ขณะที่การเคลื่อนไหวทั้งวันส่วนใหญ่ที่ยืนบวก พร้อมกับทำปิดจุดเดียวกับเปิดที่ 1714 จุด ส่งผลให้กราฟแท่งเทียนมีรูปแบบที่เป็น Doji ซึ่งหมายถึงกำลังรอเลือกทาง แต่เราให้น้ำหนักอิงทางบวก ที่คาดหวังยืน 1700 จุดได้อย่างมั่นคง หากหลุดจะเป็นการเปิดความเสี่ยงด้านล่าง แนวต้านกรอบเดิม 1719-1723 จุด แนวรับ 1705-1710 จุด

   แกว่งตัวผันผวน  -  รอเลือกทาง  ที่ไม่ควรหลุด 1700 จุด
  Support  1690 // 1670  จุด        Resistance 1728 // 1735  จุด
 
พรรณนภา เขมะสุรัตน์
Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110
Tel  02- 6481124
Email: [email protected] 
 
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell

" รอปัจจัยใหม่ๆ "
          ทิศทางตลาดหุ้นไทย : คาดดัชนีฯ  ยังมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นต่อ แต่จะแกว่งตัวในกรอบแคบๆ นักลงทุนต่างประเทศซื้อเป็นวันที่สองติดต่อกัน แต่แรงขายทำกำไรที่มีเข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ดัชนีฯผันผวนและไปไม่ได้ไกลนัก  ...... เรายังมองว่า   ด้วยเม็ดเงินในตลาดที่มีจำกัด เพราะนักลงทุนต่างประเทศยังไม่ซื้อหุ้นจริงจัง และราคาหุ้นขนาดใหญ่ปรับตัวขึ้นมามาก  อีกทั้งรอปัจจัยใหม่ๆ .........  ปัจจัยต่างประเทศ วันนี้  ตลาดกำลังรอดูความคืบหน้าของแผนปฎิรูปภาษีของสหรัฐฯ ที่คาดว่าอาจมีการเปิดร่างกฎมายฉบับดังกล่าวในวันนี้  และเป็นช่วงของการรายงานผลประกอบการของเกือบทุกตลาด   ราคาน้ำมันดิบทรงๆตัว  (WTI=$56)   ปัจจัยต่างประเทศ  ไม่ได้หนุนตลาดหุ้นไทยได้มากนัก ......  ด้านปัจจัยในประเทศเอง มาตรการช้อปช่วยชาติรับรู้ไปค่อนข้างมาก วันนี้  อาจต้องไปจับตาดูการรายงานผลประกอบการที่จะออกมามากขึ้นตามลำดับ และการแถลงข่าวของกระทรวงคมนาคม อาจมีการพูดถึงความคืบหน้าของโครงการลงทุนต่างๆ ของภาครัฐฯ ทั้ง EEC และการลงทุนที่ไม่ได้อยู่ในโซน EEC
          กลยุทธ์การลงทุน : ดัชนีฯ ยังมีแนวโน้มกลับขึ้นไปทดสอบ 1730 จุดอีกครั้งแต่จะค่อยๆไต่ระดับ เนื่องจากมีแรงขายทำกำไรเข้ามาตลอดเวลา   ...  กลยุทธ์ลงทุนในช่วงนี้ ภาพยาวๆยังแนะนำถือหุ้น แต่การเข้าเก็งกำไรช่วงสั้น ควรสลับตัวเล่นไปมา  หรือเข้าลงทุนต่อเนื่องในหุ้นใหญ่ที่มีปัจจัยเฉพาะตัว เช่น CPALL, PTTGC  หรือหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ที่กลัมามีแรงซื้ออีกครั้ง    นอกจากนี้ หุ้นที่มีการรายงานผลประกอบการในระหว่างวัน จะมีความคึกคักขึ้นด้วย ..สำหรับหุ้นที่มีกำไรโตมาก อาทิ SGP , MONO, PLANB  และ SF ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมามากในช่วงก่อนหน้านี้แล้ว จึงควรเน้นเป็นเก็งกำไรช่วงสั้นๆไว้ก่อน
          หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน :  สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ  SEAFCO*, ASAP, GFPT, CCET*
          หุ้นแนะนำทางเทคนิค :  BCPG, SAT, STAR
          * เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
 
บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
(+) BCH : รายงานกำไรสุทธิ 3Q17 ตามคาด อนาคตข้างหน้าสดใส
(+) TFG : รายงานกำไรสุทธิ 3Q17 ตามคาด ขยายกำลังผลิตป้อนความต้องการที่มากขึ้น
(+) TVO : รายงานกำไรสุทธิ 3Q17 ดีกว่าคาด แต่กำไรเป็นเพียง 60%ของทั้งปี
 
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด                                                                 
          ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (08 พ.ย.) - ปิดที่ระดับ 1,714.65 จุด เพิ่มขึ้น 1.90 จุด หรือ +0.11% มูลค่าการซื้อขาย 59,447.37 ล้านบาท ตลาดแกว่งตัวในกรอบแคบ มองว่าตลาดได้รับรู้ปัจจัยบวกต่างๆไปมากแล้ว ในขณะที่นักลงทุนบางส่วนติดตามการประกาศผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 3
          ตลาดหุ้นต่างประเทศ - ดัชนี  Dow Jones  ปิดที่  23,563.36 จุด เพิ่มขึ้น 6.13 จุด หรือ +0.03%  ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดเป็นวันที่ 5 ภาพเศรษฐกิจยังคงไม่ดีนักจากความวิตกกังวลที่ว่าร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันอาจจะเผชิญกับความยากลำบากในการผ่านมติสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ แต่ตลาดได้รับปัจจัยบวกเฉพาะตัวจากผลประกอบการที่ออกมาดีของบริษัทในตลาด....  ด้าน Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง -0.05% ปิดที่ 394.45 จุด จากแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังผลประกอบการออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ก่อนหน้านี้
          ราคาน้ำมันดิบ - WTI  39 เซนต์ หรือ -0.7% ปิดที่ 56.81 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง .... จับตาดูการประชุมโอเปกในวันที่ 30 พ.ย. นี้ คาดว่าจะมีการปรับลดกำลังการผลิต
          ปัจจัยต่างประเทศ การร่างกฏหมายปฏิรูปภาษี - นักลงทุนจับตารอการเปิดเผยร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีในฉบับของวุฒิสภา ซึ่งคาดว่าจะประกาศภายในสัปดาห์นี้ โดยสภาผู้แทนถาษฎรได้เปิดเผยแผนการปฏิรูปในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ซึ่งภาษีเงินได้นิติบุคคลลดลงสู่ระดับ 20% จากปัจจุบันที่ 35%
          กนง. คงดอกเบี้ยที่ 1.50% ตามที่ตลาดคาด - ที่ประชุม กนง.วานนี้ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปี โดยระบุว่าเศรษฐกิจไทยมีทิศทางที่ดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ และอัตราเงินเฟ้อยังปรับตัวสูงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
          การประกาศงบการเงินไตรมาส 3 - นักลงทุนยังเดินหน้าเข้าเก็งกำไร ผลประกอบการ 3Q17  ที่เข้าสู่ช่วงสองสัปดาห์สุดท้าย (วันสุดท้ายส่งงบ 14 พ.ย.) ผลประกอบการหุ้นธนาคาร น้ำมัน ปิโตรเคมี น่าจะเป็นที่รับรู้ของตลาดไปแล้ว แต่หุ้นขนาดกลาง-เล็ก ที่จะทยอยรายงาน หุ้นเหล่านี้ ถูกเข้ามาเก็งกำไรกันมากขึ้น หุ้นขนาดใหญ่ที่จะประกาศผลการดำเนินงานในวันนี้ได้แก่ ได้แก่ AAV (KTBST คาดกำไรสุทธิช่วง 3Q17 ที่ 206 ล้านบาท -48% YoY, +21% QoQ), BEM (Bloomberg คาดกำไรสุทธิช่วง 3Q17 ที่ 849 ล้านบาท +5% YoY, +20% QoQ), GFPT (KTBST คาดกำไรสุทธิช่วง 3Q17 ที่ 517 ล้านบาท +4% YoY, +5% QoQ), MTLS (KTBST คาดกำไรสุทธิช่วง 3Q17 ที่ 606 ล้านบาท +51% YoY, +6% QoQ), และ IVL (Bloomberg คาดกำไรสุทธิช่วง 3Q17 ที่ 4,337 ล้านบาท +61% YoY, +46% QoQ)
 
Stock in Focus
หุ้น                    เหตุผล
SEAFCO*(ราคาปิด 9.55)         เริ่มเห็นแรงซื้อเข้ามาในหุ้น SEAFCO คาดเป็นการเก็งกำไรสำหรับงบการเงินไตรมาส 3 โดย Bloomberg คาดกำไรสุทธิช่วง 3Q17 ที่ 43 ล้านบาท (+239% YoY, +41% QoQ) … Bloomberg คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2017 เติบโต 34% YoY ที่ 209 ล้านบาท และคาดการณ์เติบโตต่อเนื่องในปี 2018 ที่ 29% YoY ที่ 270 ล้านบาท  …. (ราคาที่เหมาะสม โดย Bloomberg ที่ 8.54 บาท)
ASAP(ราคาปิด  8.45)         เรามองว่า ASAP เป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่จะประกาศผลการดำเนินงาน 3Q17 ออกมาดี คาดกำไรสุทธิ 3Q17 ยังคงขยายตัวต่อเนื่องตามยอดซื้อรถยนต์ให้เช่าที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยไตรมาส ละ 800 - 1,000 คัน .... กำไรสุทธิ ปี 2017 เราคาดไว้ที่ 122 ล้านบาท (+74.4%YoY) และปี 2018 ที่ 187 ล้านบาท (+53.3%YoY) มาจาก คาดจำนวนรถให้เช่า อยู่ที่ 9.7 พันคัน +29% YoY   ราคารถยนต์มือสองสูงขึ้น เพิ่มกำไรจากการขายรถ (ปี 2017  เพิ่มจาก 8.0% เป็น 8.5%) แผนงานขายรถยนต์มือสอง ทางออนไลน์ และลงทุนระบบ CarPro System เพื่อบริหารจัดการการจองรถให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น … (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 9.00 บาท)
GFPT(ราคาปิด  18.10)        คาดว่า GFPT จะประกาศงบ 3Q17 ภายในวันนี้ KTBST คาดว่าผลประกอบการ 3Q17 จะออกมาดีที่ 517 ล้านบาท +4%YoY และ+5%QoQ .... คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2017 ที่ 1,930 ล้านบาท (+17% YoY) จากความต้องการสินค้าที่สูงขึ้นและคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2018 ที่ 2,080 ล้านบาท (+8% YoY) …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 22.00 บาท)
CCET*(ราคาปิด  3.44)         เลือก CCET จากปัจจัยบวกหลังจากที่ CCET ประกาศยอดขายประจำเดือน ต.ค. 2017 ออกมาในระดับสูงที่ 9.82 พันล้าน +8.8% YoY, +6.4% MoM เติบโตครั้งแรกในรอบหลายเดือน นอกจากนี้ราคา semi-conductor ของโลกยังปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องอีกด้วย ....  Bloomberg คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2017 เติบโต 45% YoY ที่ 1,691 ล้านบาท และคาดการณ์เติบโตต่อเนื่องในปี 2018 ที่ 16% YoY ที่ 1,968 ล้านบาท  .... (ราคาที่เหมาะสมโดย Bloomberg ที่ 4.90 บาท)
Source: KTBST Research
Sector / Stock Updates
          (+) BCH BCH รายงานกำไรสุทธิ 3Q17 ที่ 303 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24%YoY และ 76%QoQ ตามที่ตลาดและเราคาด ทั้งนี้เป็นผลมาจากรายได้ในคนไข้ทุกกลุ่มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะรายได้กลุ่มคนไข้ประกันสังคม ทำให้ 3Q17 อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นมาก คงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเหมาะสม 18.50 บาท
          (0) TVO TVO มีกำไรสุทธิ 343 ล้านบาท ลดลง 67.5%YoY เพิ่มขึ้น 64.8%QoQ มากกว่าที่คาดไว้ที่ 310 ล้านบาท โดยกำไรใน 3Q17 ปรับลดลงมาก YoY เนื่องจากฐานที่สูงในปีที่แล้ว แต่ในปีนี้ ปริมาณผลผลิตกากถั่วเหลืองที่ออกสู่ตลาดโลกมีมากขึ้น ทำให้ยอดขายอาหารสัตว์ปรับตัวและกำไรลดลง YoY แต่บริหารอัตรากำไรขั้นต้นได้มากขึ้นจาก 8% ใน 2Q17 มาเป็น 10.3% ใน 3Q17 ทำให้กำไรดีขึ้น QoQ แต่กำไร 9 เดือน ยังคิดเป็นเพียง 60%ของที่คาด  เราประมาณการณ์ว่า TVO จะมีกำไร 1.36 พันล้านบาทลดลง 50% ในปี 2017 จากฐานที่สูงในปีก่อน เราประเมินมูลค่า โดยอิง PER เฉลี่ยที่ 13.5 เท่าของกำไรปี 2017 ได้ราคาเหมาะสมที่ 23 บาท อาจมีแรงเก็งกำไรที่ราคาลงมาลึก แต่โอกาสที่กำไรจะไม่ถึงเป้ายังมีมาก ให้คำแนะนำ "ขาย"
          (-) KCE  ปรับประมาณการกำไรปกติในปี 2017 ลงเหลือ 2,334 ล้านบาท ลดลง 14% จากประมาณการเดิม ทำให้กำไรปกติในปีนี้จะลดลง 20% YoY รวมทั้งปรับกำไรปกติปี 2018 - 2022 ลงประมาณ 10% เพื่อสะท้อนค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และต้นทุนวัตถุดิบที่แพงขึ้น คาดกำไรปกติ 4Q17 จะออกมาที่ประมาณ 528 ล้านบาท ลดลง 16% YoY และ 6% QoQ จากปริมาณการขาย PCB ลดลง QoQ แต่เติบโตได้ YoY ด้วย Capacity  ที่เพิ่มขึ้น บวกกับปัจจัยกดดันเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน อีกทั้งราคาต้นทุนวัตถุดิบทองแดงที่คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูง มอง KCE จะกลับมาเติบโตได้โดดเด่นอีกครั้งในปี 2019 จากงานที่บิทได้ในปีนี้ และการขยายโรงงานใหม่ โดยเราปรับคำแนะนำลงเป็น "ขาย" ที่ราคาเหมาะสม 85.50 บาท
Source: KTBST Research
         
Analyst : Mongkol Puangpetra
          License No: 001937  
          +662 648 1123
          [email protected]
          Nontapat Rushtasomboon
          License No: 081447  
          +662 648 1127
          [email protected]
OO2167

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!