- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 07 November 2017 16:10
- Hits: 2196
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: ทดสอบแนวต้านที่ 1720 แนวรับ 1708
SET Index: 1717.65 ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1720 จุด หลังจากฟื้นตัวทะลุผ่านแนวต้านของเส้นค่าเฉลี่ย 10 และ 20 วันที่ 1708-1710 จุดขึ้นไป ซึ่งเราคาดว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะสั้นมีแนวต้านที่ 1720 จุด แต่แนวโน้มหลักยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอแนวรับที่ 1670 จุดเป็นแนวรับสำคัญของการปรับฐาน โดยมีแนวรับในระยะสั้นที่ 1712 และ 1708 จุด
แนวต้าน : 1718 และ 1720
แนวรับ : 1712 และ 1708
PTTEP = 94.00/95.00, PTT = 424/428, BANPU = 17.60/18.00, IVL = 49.50/50.50, AOT = 57.50/58.50
A.J. Plast (AJ TB; THB 14.30) – ซื้อ
แนวต้าน : 14.70 และ 15.00
แนวรับ : 14.30 และ 14.20
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคต่อเนื่อง พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างไปทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 200วัน ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ AJ โดยมีแนวรับที่ 14.30 และ 14.20 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 14.70 และ 15.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 13.50 ลงไป
T.K.S. Technologies (TKS TB; THB 16.90) – ซื้อ
แนวต้าน : 18.00 และ 18.60 / แนวต้านสำคัญ 19.00
แนวรับ : 16.80 และ 16.60
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิคต่อเนื่อง พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐานเหนือจุดสูงสุดเดิม ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลงต่อเนื่อง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ TKS โดยมีแนวรับที่ 16.80 และ 16.60 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 18.00 และ 18.60 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 16.30 ลงไป
SET Index: ทดสอบแนวต้านที่ 1720 แนวรับ 1708
SET Index: 1717.65 ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1720 จุด หลังจากฟื้นตัวทะลุผ่านแนวต้านของเส้นค่าเฉลี่ย 10 และ 20 วันที่ 1708-1710 จุดขึ้นไป ซึ่งเราคาดว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะสั้นมีแนวต้านที่ 1720 จุด แต่แนวโน้มหลักยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอแนวรับที่ 1670 จุดเป็นแนวรับสำคัญของการปรับฐาน โดยมีแนวรับในระยะสั้นที่ 1712 และ 1708 จุด
แนวต้าน : 1718 และ 1720
แนวรับ : 1712 และ 1708
PTTEP = 94.00/95.00, PTT = 424/428, BANPU = 17.60/18.00, IVL = 49.50/50.50, AOT = 57.50/58.50
A.J. Plast (AJ TB; THB 14.30) – ซื้อ
แนวต้าน : 14.70 และ 15.00
แนวรับ : 14.30 และ 14.20
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคต่อเนื่อง พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างไปทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 200วัน ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ AJ โดยมีแนวรับที่ 14.30 และ 14.20 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 14.70 และ 15.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 13.50 ลงไป
T.K.S. Technologies (TKS TB; THB 16.90) – ซื้อ
แนวต้าน : 18.00 และ 18.60 / แนวต้านสำคัญ 19.00
แนวรับ : 16.80 และ 16.60
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิคต่อเนื่อง พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐานเหนือจุดสูงสุดเดิม ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลงต่อเนื่อง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ TKS โดยมีแนวรับที่ 16.80 และ 16.60 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 18.00 และ 18.60 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 16.30 ลงไป
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET…ยัง sideway แบบ selective buy ต่อไป
ภาพตลาดเมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างประเทศยังคงเป็นผู้ขายสุทธิต่อเนื่องอีก 271 ล้านบาท รวมตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมาขายสุทธิไปแล้วกว่า 5,233ล้านบาท ส่งผลให้ทั้งปีพลิกกลับมาเป็นขายสุทธิ 2,869 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการขายทำกำไรระยะสั้นหลังตลาดปรับตัวขึ้นมาเร็วในช่วง1-2 เดือนที่ผ่านมา, ผลประกอบการกลุ่มธนาคารออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้จากการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น (แต่ที่จริงแล้วเป็นการตั้งสำรองเผื่อไว้ให้เป็นไปตามมาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS 9 ที่จะเริ่มใช้ในปี 2019) ส่งผลให้นักลงทุนต่างประเทศคาดการณ์ไปว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนนอกกลุ่มธนาคารอาจจะมีแนวโน้มชะลอตัวลงตามไปด้วยเช่นกัน, การขาดปัจจัยหนุนระยะสั้นและการถล่มขายหุ้นกลุ่ม ICT (ADVANC DTAC TRUE) ออกมาหลังจากที่รับทราบระเบียบการเบื้องต้นและกำหนดการจากกสทช. ในการประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz และ 850 MHzในปีหน้า ที่ตลาดกังวลทั้งราคาของใบอนุญาตอาจจะสูงเกินไปและการมีคู่แข่งรายใหม่เข้ามาในอุตสาหกรรมอีก
สำหรับกลุ่ม ICT เรามองว่าการปรับลดลงแรงของราคาหุ้นเป็นโอกาสในการเข้าซื้อลงทุนที่ดี เนื่องจากนักวิเคราะห์กลุ่ม ICT ของเราประเมินว่าการประมูลในครั้งนี้จะไม่มีคู่แข่งรายใหม่เข้ามาประมูล (รวมถึง JAS Mobile ก็จะไม่เข้าประมูล) เนื่องจากความคุ้มค่าในการลงทุนและความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่ไม่สามารถสู้กับผู้เล่นในตลาดเดิมอย่าง ADVANC DTAC TRUE ได้ นอกจากนั้นกฎ n-1 (คือการลดจำนวนใบอนุญาตลง 1 ใบต่อจำนวนผู้เข้าประมูล เพื่อเป็นการดึงราคาใบอนุญาตให้สูงขึ้น เช่น หากมีผู้เข้าร่วมประมูล 3 ราย ก็จะเอาใบอนุญาตออกมาประมูลแค่ 2 ใบ) ก็จะถูกยกเลิกหลังทำประชาพิจารณ์รอบสุดท้ายในปีหน้า ดังนั้นเราแนะนำ ซื้อ ADVANC DTAC และ TRUE โดยมีราคาเป้าหมาย 217 บาท, 53.63 บาทและ 7.49 บาท ตามลำดับ
ส่วนปัจจัยที่ต้องจับตาต่อไปในสัปดาห์นี้ คือ การประชุมครม. เพื่ออนุมัติมาตรการ “ช้อปช่วยชาติ” คือ การซื้อสินค้าและบริการในประเทศในช่วงเวลา 15 พ.ย.-3 ธ.ค. (ตามข่าวจากหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ) แล้วจะได้สิทธิในการลดหย่อนภาษีตามที่กำหนด (คาดว่า 15,000 บาทเหมือนเดิม) โดยครม. อาจจะมีการอนุมัติในวันนี้หรือไม่ก็ในการประชุมในวันที่ 14 พ.ย. ได้ ดังนั้นประเด็นดังกว่าน่าจะเป็นบวกกับหุ้นที่เกี่ยวข้องอย่างกลุ่มค้าปลีก, ร้านอาหารและการท่องเที่ยวในประเทศอย่าง HMPRO ROBINS GLOBAL BJC COM7 CPALL BEAUTY SPA CENTEL MINT AU M AAV BA NOK THAI โดยเราให้ top pick เป็น BEAUTY CENTEL MINT ROBINS และ SPA
สำหรับการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 8 พ.ย. นี้ เราคาดว่า กนง. จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ต่อไปและน่าจะยังคงอยู่ในระดับดังกล่าวไปในตลอดปี 2018 เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) คาดว่าจะมีการปรับขึ้นอีก 1 ครั้งในการประชุมเดือนธันวาคมนี้จาก 1.25% เป็น 1.50% และเฟดคาดการณ์ (Dotplot) ว่าจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น 3 ครั้งในปี 2018 อย่างไรก็ตามการเกินดุลการค้ามาต่อเนื่องกว่า 2 ปีก็จะช่วยหนุนไม่ให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าเร็วเกินไปหากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐเพิ่มขึ้นในปีหน้า ดังนั้นเราคาดว่าผลการประชุมของกนง. ในวันที่ 8 พ.ย. จะไม่มีผลกับตลาดหากออกมาตามที่ตลาดคาดไว้
วันนี้คาดว่าจะมีงบ PLAT (CIMBS แนะนำ ขาย ราคาเป้าหมาย 8.40 บาท) ประกาศออกมา ในขณะที่ วันที่ 8 พ.ย. คาดว่าจะมีงบบริษัท SFPTTGC TVO และ ICHI ส่วนวันที่ 9 พ.ย. คาดว่า BEM GFPT LPN IVL MC MALEE MTLS AAV จะประกาศผลการดำเนินงานออกมา และวันที่ 10 พ.ย. คาดว่าจะมีบริษัท AP QH ERW MAKRO ROBINS MINT CENTEL AMATAV MAJOR STEC SVI TICON WHA WORKSAPPE ประกาศงบออกมา โดยเราให้ IVL, MALEE, AP, ROBINS, MINT และ MAJOR เป็น top pick ของเรา ส่วน Opportunity day สัปดาห์นี้จะมี TISCO, PSL, ADVANC ในวันที่ 7 พ.ย. ส่วนวันที่ 9 พ.ย. มี VGI INOX และวันที่ 10 พ.ย. มี IVL COM7 SELIC MONO
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ยังคงสามารถที่จะซื้อขายเก็งกำไรแบบ Selective buy ได้ โดยกลุ่มที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายการซื้อเก็งกำไรประกอบด้วยกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี (ตามราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นต่อเนื่อง), กลุ่มค้าปลีก (เก็งกำไรมาตรการช้อปช่วยชาติ), กลุ่มโรงแรมและการท่องเที่ยว (เก็งกำไรการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวและมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจากรัฐบาล) และกลุ่ม ICT (คาดฟื้นตัวจากคลายความกังวลการประมูลในปีหน้าหลังราคาหุ้นปรับลงแรงเกินไปในสัปดาห์ก่อน) โดยหุ้นในกลุ่มดังกล่าวที่ยังมี upside และน่าสนใจลงทุนประกอบด้วยPTTEP PTT IVL BJC CPALL SPA MINT CENTEL ADVANC DTAC TRUE วันนี้คาดตลาดฟื้นตัวต่อเนื่องหลังแรงขายต่างชาติชะลอตัวลงแนะนำ ซื้อ ADVANC BJC HANA IVL เราให้แนวรับที่ 1708-1700 จุด และแนวต้านที่ 1715-1723 จุด
SET…ยัง sideway แบบ selective buy ต่อไป
ภาพตลาดเมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างประเทศยังคงเป็นผู้ขายสุทธิต่อเนื่องอีก 271 ล้านบาท รวมตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมาขายสุทธิไปแล้วกว่า 5,233ล้านบาท ส่งผลให้ทั้งปีพลิกกลับมาเป็นขายสุทธิ 2,869 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการขายทำกำไรระยะสั้นหลังตลาดปรับตัวขึ้นมาเร็วในช่วง1-2 เดือนที่ผ่านมา, ผลประกอบการกลุ่มธนาคารออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้จากการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น (แต่ที่จริงแล้วเป็นการตั้งสำรองเผื่อไว้ให้เป็นไปตามมาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS 9 ที่จะเริ่มใช้ในปี 2019) ส่งผลให้นักลงทุนต่างประเทศคาดการณ์ไปว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนนอกกลุ่มธนาคารอาจจะมีแนวโน้มชะลอตัวลงตามไปด้วยเช่นกัน, การขาดปัจจัยหนุนระยะสั้นและการถล่มขายหุ้นกลุ่ม ICT (ADVANC DTAC TRUE) ออกมาหลังจากที่รับทราบระเบียบการเบื้องต้นและกำหนดการจากกสทช. ในการประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz และ 850 MHzในปีหน้า ที่ตลาดกังวลทั้งราคาของใบอนุญาตอาจจะสูงเกินไปและการมีคู่แข่งรายใหม่เข้ามาในอุตสาหกรรมอีก
สำหรับกลุ่ม ICT เรามองว่าการปรับลดลงแรงของราคาหุ้นเป็นโอกาสในการเข้าซื้อลงทุนที่ดี เนื่องจากนักวิเคราะห์กลุ่ม ICT ของเราประเมินว่าการประมูลในครั้งนี้จะไม่มีคู่แข่งรายใหม่เข้ามาประมูล (รวมถึง JAS Mobile ก็จะไม่เข้าประมูล) เนื่องจากความคุ้มค่าในการลงทุนและความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่ไม่สามารถสู้กับผู้เล่นในตลาดเดิมอย่าง ADVANC DTAC TRUE ได้ นอกจากนั้นกฎ n-1 (คือการลดจำนวนใบอนุญาตลง 1 ใบต่อจำนวนผู้เข้าประมูล เพื่อเป็นการดึงราคาใบอนุญาตให้สูงขึ้น เช่น หากมีผู้เข้าร่วมประมูล 3 ราย ก็จะเอาใบอนุญาตออกมาประมูลแค่ 2 ใบ) ก็จะถูกยกเลิกหลังทำประชาพิจารณ์รอบสุดท้ายในปีหน้า ดังนั้นเราแนะนำ ซื้อ ADVANC DTAC และ TRUE โดยมีราคาเป้าหมาย 217 บาท, 53.63 บาทและ 7.49 บาท ตามลำดับ
ส่วนปัจจัยที่ต้องจับตาต่อไปในสัปดาห์นี้ คือ การประชุมครม. เพื่ออนุมัติมาตรการ “ช้อปช่วยชาติ” คือ การซื้อสินค้าและบริการในประเทศในช่วงเวลา 15 พ.ย.-3 ธ.ค. (ตามข่าวจากหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ) แล้วจะได้สิทธิในการลดหย่อนภาษีตามที่กำหนด (คาดว่า 15,000 บาทเหมือนเดิม) โดยครม. อาจจะมีการอนุมัติในวันนี้หรือไม่ก็ในการประชุมในวันที่ 14 พ.ย. ได้ ดังนั้นประเด็นดังกว่าน่าจะเป็นบวกกับหุ้นที่เกี่ยวข้องอย่างกลุ่มค้าปลีก, ร้านอาหารและการท่องเที่ยวในประเทศอย่าง HMPRO ROBINS GLOBAL BJC COM7 CPALL BEAUTY SPA CENTEL MINT AU M AAV BA NOK THAI โดยเราให้ top pick เป็น BEAUTY CENTEL MINT ROBINS และ SPA
สำหรับการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 8 พ.ย. นี้ เราคาดว่า กนง. จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ต่อไปและน่าจะยังคงอยู่ในระดับดังกล่าวไปในตลอดปี 2018 เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) คาดว่าจะมีการปรับขึ้นอีก 1 ครั้งในการประชุมเดือนธันวาคมนี้จาก 1.25% เป็น 1.50% และเฟดคาดการณ์ (Dotplot) ว่าจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น 3 ครั้งในปี 2018 อย่างไรก็ตามการเกินดุลการค้ามาต่อเนื่องกว่า 2 ปีก็จะช่วยหนุนไม่ให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าเร็วเกินไปหากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐเพิ่มขึ้นในปีหน้า ดังนั้นเราคาดว่าผลการประชุมของกนง. ในวันที่ 8 พ.ย. จะไม่มีผลกับตลาดหากออกมาตามที่ตลาดคาดไว้
วันนี้คาดว่าจะมีงบ PLAT (CIMBS แนะนำ ขาย ราคาเป้าหมาย 8.40 บาท) ประกาศออกมา ในขณะที่ วันที่ 8 พ.ย. คาดว่าจะมีงบบริษัท SFPTTGC TVO และ ICHI ส่วนวันที่ 9 พ.ย. คาดว่า BEM GFPT LPN IVL MC MALEE MTLS AAV จะประกาศผลการดำเนินงานออกมา และวันที่ 10 พ.ย. คาดว่าจะมีบริษัท AP QH ERW MAKRO ROBINS MINT CENTEL AMATAV MAJOR STEC SVI TICON WHA WORKSAPPE ประกาศงบออกมา โดยเราให้ IVL, MALEE, AP, ROBINS, MINT และ MAJOR เป็น top pick ของเรา ส่วน Opportunity day สัปดาห์นี้จะมี TISCO, PSL, ADVANC ในวันที่ 7 พ.ย. ส่วนวันที่ 9 พ.ย. มี VGI INOX และวันที่ 10 พ.ย. มี IVL COM7 SELIC MONO
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ยังคงสามารถที่จะซื้อขายเก็งกำไรแบบ Selective buy ได้ โดยกลุ่มที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายการซื้อเก็งกำไรประกอบด้วยกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี (ตามราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นต่อเนื่อง), กลุ่มค้าปลีก (เก็งกำไรมาตรการช้อปช่วยชาติ), กลุ่มโรงแรมและการท่องเที่ยว (เก็งกำไรการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวและมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจากรัฐบาล) และกลุ่ม ICT (คาดฟื้นตัวจากคลายความกังวลการประมูลในปีหน้าหลังราคาหุ้นปรับลงแรงเกินไปในสัปดาห์ก่อน) โดยหุ้นในกลุ่มดังกล่าวที่ยังมี upside และน่าสนใจลงทุนประกอบด้วยPTTEP PTT IVL BJC CPALL SPA MINT CENTEL ADVANC DTAC TRUE วันนี้คาดตลาดฟื้นตัวต่อเนื่องหลังแรงขายต่างชาติชะลอตัวลงแนะนำ ซื้อ ADVANC BJC HANA IVL เราให้แนวรับที่ 1708-1700 จุด และแนวต้านที่ 1715-1723 จุด
Analysts : Kiatkong Decho +662 761-9236 [email protected]
Line ID : @CIMBS Youtube : CIMBS
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,717.65 จุด เพิ่มขึ้น 5.91 จุด (+0.35%) มูลค่าการซื้อขาย29,389.26 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้นต่อเนื่องตามตลาดภูมิภาคที่ส่วนใหญ่เป็นบวกหลังราคาน้ำมันยังปรับขึ้น หนุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน และส่งผลให้ SET ทดสอบแนวต้านที่ระดับ 1720 จุดในช่วงเช้า ติดตามการประชุมกนง. (พรุ่งนี้)
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย ลุ้นทะลุ 1720 จุด เพื่อสร้างสัญญาณการเก็งกำไรต่อเนื่องภาพรวมตลาดได้ปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยหากกลับไปยืนเหนือระดับ 1720 จุดได้ จะมีสัญญาณการเก็งกำไรต่อเนื่อง และสามารถมองเป้าเก่าที่ 1730 จุด แต่หากไม่ผ่าน 1720 จุด อาจจะเกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมามองแนวรับที่ 1713 จุด อย่างไรก็ตาม เรายังมองโอกาสในการขึ้นต่อมีสูงกว่า โดยเชื่อว่ากลุ่มพลังงานน่าจะเป็นตัวผลักดันตลาดในรอบนี้ แนะนำ PTTEP PTT PTTGC
Technical Pick (PM) ...
A.J. Plast (AJ TB; THB 14.30) – ซื้อ
T.K.S. Technologies (TKS TB; THB 16.90) – ซื้อ
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,717.65 จุด เพิ่มขึ้น 5.91 จุด (+0.35%) มูลค่าการซื้อขาย29,389.26 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้นต่อเนื่องตามตลาดภูมิภาคที่ส่วนใหญ่เป็นบวกหลังราคาน้ำมันยังปรับขึ้น หนุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน และส่งผลให้ SET ทดสอบแนวต้านที่ระดับ 1720 จุดในช่วงเช้า ติดตามการประชุมกนง. (พรุ่งนี้)
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย ลุ้นทะลุ 1720 จุด เพื่อสร้างสัญญาณการเก็งกำไรต่อเนื่องภาพรวมตลาดได้ปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยหากกลับไปยืนเหนือระดับ 1720 จุดได้ จะมีสัญญาณการเก็งกำไรต่อเนื่อง และสามารถมองเป้าเก่าที่ 1730 จุด แต่หากไม่ผ่าน 1720 จุด อาจจะเกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมามองแนวรับที่ 1713 จุด อย่างไรก็ตาม เรายังมองโอกาสในการขึ้นต่อมีสูงกว่า โดยเชื่อว่ากลุ่มพลังงานน่าจะเป็นตัวผลักดันตลาดในรอบนี้ แนะนำ PTTEP PTT PTTGC
Technical Pick (PM) ...
A.J. Plast (AJ TB; THB 14.30) – ซื้อ
T.K.S. Technologies (TKS TB; THB 16.90) – ซื้อ
Analysts : Kitichan Sirisukarcha +66(2) 761 9232 – [email protected]
Teerawut Kanniphakul +66(2) 761 9233 – [email protected]
Line ID : @CIMBS Youtube : CIMBS
Teerawut Kanniphakul +66(2) 761 9233 – [email protected]
Line ID : @CIMBS Youtube : CIMBS
OO2063