- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 06 November 2017 16:55
- Hits: 1011
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวรับ 1700 ถ้าหลุด แนวรับถัดไปที่ 1680
SET Index: 1702.22 เคลื่อนไหวในกรอบแคบเหนือระดับ 1700 จุด หลังจากปรับตัวลดลงต่อเนื่องเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคที่บริเวณจุดสูงสุดที่ 1630 จุด พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลุดแนวรับที่ 1700 จุดลงไป และมีแนวรับถัดไปที่ 1670 และ 1660 จุด เป็นจังหวะในการเข้าซื้อ เนื่องจากแนวโน้มในระยะยาวยังเป็นขาขึ้น
แนวต้าน : 1704 และ 1706
แนวรับ : 1700 และ 169
PTTEP = 91.50/92.50, ADVANC = 186/188, PTT = 418/424, AOT = 57.00/58.00, TRUE = 23.20/23.80
Amata Corporation (AMATA TB; THB 21.60) – ซื้อ
แนวต้าน : 22.40 และ 22.70
แนวรับ : 21.60 และ 21.40
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิ พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรในระยะสั้น ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มลงปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มขึ้น RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 50
แนะนำซื้อ AMATA โดยมีแนวรับที่ 21.60 และ 21.40 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 22.40 และ 22.70 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 21.00 ลงไป
Malee Group (MALEE TB; THB 47.00) – ซื้อ
แนวต้าน : 50.00 และ 51.00
แนวรับ : 47.00 และ 46.00
ราคาหุ้นปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรในระยะสั้น หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่งทะลุผ่านแนวต้านของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันขึ้นไปได้
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 70
แนะนำซื้อ MALEE โดยมีแนวรับที่ 47.00 และ 46.00 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 50.00 และ 51.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 45.50 ลงไป
SET Index: 1702.22 เคลื่อนไหวในกรอบแคบเหนือระดับ 1700 จุด หลังจากปรับตัวลดลงต่อเนื่องเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคที่บริเวณจุดสูงสุดที่ 1630 จุด พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลุดแนวรับที่ 1700 จุดลงไป และมีแนวรับถัดไปที่ 1670 และ 1660 จุด เป็นจังหวะในการเข้าซื้อ เนื่องจากแนวโน้มในระยะยาวยังเป็นขาขึ้น
แนวต้าน : 1704 และ 1706
แนวรับ : 1700 และ 169
PTTEP = 91.50/92.50, ADVANC = 186/188, PTT = 418/424, AOT = 57.00/58.00, TRUE = 23.20/23.80
Amata Corporation (AMATA TB; THB 21.60) – ซื้อ
แนวต้าน : 22.40 และ 22.70
แนวรับ : 21.60 และ 21.40
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิ พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรในระยะสั้น ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มลงปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มขึ้น RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 50
แนะนำซื้อ AMATA โดยมีแนวรับที่ 21.60 และ 21.40 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 22.40 และ 22.70 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 21.00 ลงไป
Malee Group (MALEE TB; THB 47.00) – ซื้อ
แนวต้าน : 50.00 และ 51.00
แนวรับ : 47.00 และ 46.00
ราคาหุ้นปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรในระยะสั้น หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่งทะลุผ่านแนวต้านของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันขึ้นไปได้
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 70
แนะนำซื้อ MALEE โดยมีแนวรับที่ 47.00 และ 46.00 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 50.00 และ 51.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 45.50 ลงไป
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -6 พ.ย. 60 10:11 น.
SET…วัดใจกันในอาทิตย์นี้
ดัชนี SET ที่ปรับตัวลง ถือเป็นการตอบรับผลการดำเนินงาน Q3/17 ของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาในเชิงไม่ดีอย่างคาด แต่ก็ถือว่าไม่เลวร้ายอย่างไรก็ตามหากดูแนวโน้มของบริษัทที่นักวิเคราะห์ปรับเพิ่มกำไรต่อหุ้น (EPS) หรือ Earning momentum ratio (จำนวนบริษัทที่ถูกปรับเพิ่มEPS ลบด้วยจำนวนที่ถูกปรับลง หารด้วยจำนวนที่ถูกปรับเพิ่มและลง) ของตลาดหุ้นไทยผ่าน (IBES MSCI Thailand) จากรูปด้านซ้าย จะพบว่าเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับ เพียงแต่ยังช้ากว่าภูมิภาค ที่ตอนนี้ขึ้นไปในแดนบวกแล้ว เรามองว่าสัดส่วนดังกล่าวจะเป็นอย่างไร คงต้องรอให้งบออกหมดในช่วงกลาง พ.ย. ซึ่งเรามองว่ารอบนี้น่าจะค่อยๆ ดีดตัวขึ้นไปยืนอยู่ในแดนบวกได้
หากสัดส่วน Earning momentum ratio ดีดขึ้นไปในแดนบวก ก็สะท้อนให้เห็นภาพชัดขึ้นว่า แนวโน้มกำไรของตลาดจะเริ่มฟื้นกลับ แต่จะเร็วขนาดไหน ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจภายใน ส่วนภาคเศรษฐกิจที่อิงกับภายนอกตอนนี้ฟื้นตัวแล้ว หากอัตราการทำของกำไรของตลาดฟื้นตัวขึ้น ก็จะส่งผลให้ค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าของไทยปรับตัวลงมาเล่นในระดับที่เหมาะสมขึ้น รูปด้านขวา เราแสดงค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าของตลาดหุ้นไทยเทียบภูมิภาค พบว่า ค่า P/E ขึ้นสร้างสถิติทั้งหมด คือ ขึ้นไปเล่นที่ค่า P/E สูงกว่าที่ผ่านมา สะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เพียงแต่ช่วงสั้นๆ นี้ ตลาดอาจต้องย่อตัวลงมาก่อน เพื่อรอปัจจัยหนุนใหม่ๆ
ประเด็นที่เรากังวลในอาทิตย์นี้ไม่ได้มาจากงบของบ้านเรา แต่มาจากความรู้สึกของตลาดหุ้นสหรัฐ ว่านักลงทุนจะมองอย่างไร หลังรับข่าวในเชิงบวกในสหรัฐไปเกือบหมดแล้ว อย่างล่าสุด คือ การแต่งตั้งประธาน FED คนใหม่และร่างแผนปฎิรูปโครงสร้างภาษี ที่ตลาดกลับตอบรับไม่มากมองกันว่าหากจะขึ้นต่อก็คงไม่แรงแล้ว แต่หากเริ่มมีแรงขายทำกำไรออก มองกันว่าดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐจะลงได้ลึกและเร็ว จากการหมดข่าวสนับสนุน อย่างไรก็ตามหากดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐยัง sideway ตลาดหุ้นอื่นๆ น่าจะ sideway ตาม
ประเด็นที่ถือว่าสำคัญที่สุดและมีผลต่อทิศทางตลาดหุ้นไทย น่าจะอยู่ที่การประกาศน้ำหนักการลงทุนของ MSCI ที่จะประกาศในวันที่ 14 พ.ย.หากได้ปรับเพิ่มน้ำหนักตลาดรวม ดัชนี SET จะดีดตัวกลับขึ้นแรง แต่หากถูกลดน้ำหนัก ดัชนี SET จะปรับตัวลงแรงเช่นกัน โดยมีประเด็นที่ต้องพิจารณา 3 ระดับ คือ 1. น้ำหนักรวมของตลาด 2. น้ำหนักหุ้นแต่ละตัวในดัชนี MSCI Thailand 34 บริษัท และ 3. หุ้นที่จะถูกถอนออกและได้เข้าไปคำนวณใน Global standard และ Small Cap.
ดังนั้นทิศทางดัชนี SET ในอาทิตย์นี้ยังสุ่มเสี่ยง กับการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นสหรัฐและผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน โดยยังมีแนวโน้มซึมตัวลง ท่ามกลางการขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ คาดตลาดจะฟื้นตัวจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีตามราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ปี วันนี้เราให้แนวรับที่ 1690-1697 จุด แนวต้านที่ 1707-1715 จุด แนะนำ ซื้อ CPN HMPRO IRPC PTTEP
ดัชนี SET ที่ปรับตัวลง ถือเป็นการตอบรับผลการดำเนินงาน Q3/17 ของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาในเชิงไม่ดีอย่างคาด แต่ก็ถือว่าไม่เลวร้ายอย่างไรก็ตามหากดูแนวโน้มของบริษัทที่นักวิเคราะห์ปรับเพิ่มกำไรต่อหุ้น (EPS) หรือ Earning momentum ratio (จำนวนบริษัทที่ถูกปรับเพิ่มEPS ลบด้วยจำนวนที่ถูกปรับลง หารด้วยจำนวนที่ถูกปรับเพิ่มและลง) ของตลาดหุ้นไทยผ่าน (IBES MSCI Thailand) จากรูปด้านซ้าย จะพบว่าเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับ เพียงแต่ยังช้ากว่าภูมิภาค ที่ตอนนี้ขึ้นไปในแดนบวกแล้ว เรามองว่าสัดส่วนดังกล่าวจะเป็นอย่างไร คงต้องรอให้งบออกหมดในช่วงกลาง พ.ย. ซึ่งเรามองว่ารอบนี้น่าจะค่อยๆ ดีดตัวขึ้นไปยืนอยู่ในแดนบวกได้
หากสัดส่วน Earning momentum ratio ดีดขึ้นไปในแดนบวก ก็สะท้อนให้เห็นภาพชัดขึ้นว่า แนวโน้มกำไรของตลาดจะเริ่มฟื้นกลับ แต่จะเร็วขนาดไหน ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจภายใน ส่วนภาคเศรษฐกิจที่อิงกับภายนอกตอนนี้ฟื้นตัวแล้ว หากอัตราการทำของกำไรของตลาดฟื้นตัวขึ้น ก็จะส่งผลให้ค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าของไทยปรับตัวลงมาเล่นในระดับที่เหมาะสมขึ้น รูปด้านขวา เราแสดงค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าของตลาดหุ้นไทยเทียบภูมิภาค พบว่า ค่า P/E ขึ้นสร้างสถิติทั้งหมด คือ ขึ้นไปเล่นที่ค่า P/E สูงกว่าที่ผ่านมา สะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เพียงแต่ช่วงสั้นๆ นี้ ตลาดอาจต้องย่อตัวลงมาก่อน เพื่อรอปัจจัยหนุนใหม่ๆ
ประเด็นที่เรากังวลในอาทิตย์นี้ไม่ได้มาจากงบของบ้านเรา แต่มาจากความรู้สึกของตลาดหุ้นสหรัฐ ว่านักลงทุนจะมองอย่างไร หลังรับข่าวในเชิงบวกในสหรัฐไปเกือบหมดแล้ว อย่างล่าสุด คือ การแต่งตั้งประธาน FED คนใหม่และร่างแผนปฎิรูปโครงสร้างภาษี ที่ตลาดกลับตอบรับไม่มากมองกันว่าหากจะขึ้นต่อก็คงไม่แรงแล้ว แต่หากเริ่มมีแรงขายทำกำไรออก มองกันว่าดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐจะลงได้ลึกและเร็ว จากการหมดข่าวสนับสนุน อย่างไรก็ตามหากดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐยัง sideway ตลาดหุ้นอื่นๆ น่าจะ sideway ตาม
ประเด็นที่ถือว่าสำคัญที่สุดและมีผลต่อทิศทางตลาดหุ้นไทย น่าจะอยู่ที่การประกาศน้ำหนักการลงทุนของ MSCI ที่จะประกาศในวันที่ 14 พ.ย.หากได้ปรับเพิ่มน้ำหนักตลาดรวม ดัชนี SET จะดีดตัวกลับขึ้นแรง แต่หากถูกลดน้ำหนัก ดัชนี SET จะปรับตัวลงแรงเช่นกัน โดยมีประเด็นที่ต้องพิจารณา 3 ระดับ คือ 1. น้ำหนักรวมของตลาด 2. น้ำหนักหุ้นแต่ละตัวในดัชนี MSCI Thailand 34 บริษัท และ 3. หุ้นที่จะถูกถอนออกและได้เข้าไปคำนวณใน Global standard และ Small Cap.
ดังนั้นทิศทางดัชนี SET ในอาทิตย์นี้ยังสุ่มเสี่ยง กับการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นสหรัฐและผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน โดยยังมีแนวโน้มซึมตัวลง ท่ามกลางการขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ คาดตลาดจะฟื้นตัวจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีตามราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ปี วันนี้เราให้แนวรับที่ 1690-1697 จุด แนวต้านที่ 1707-1715 จุด แนะนำ ซื้อ CPN HMPRO IRPC PTTEP
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,702.22 จุด เพิ่มขึ้น 0.75 จุด (+0.04%) มูลค่าการซื้อขาย25,930.05 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้แกว่งแคบ โดยมีแรงหนุนในกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันปรับขึ้น และกลุ่มสื่อสาร ขณะที่ถูกกดดันจากกลุ่มธนาคาร ติดตามการประชุมกนง.(พุธนี้) และผลประกอบการ Q3/60 ของบริษัทจดทะเบียนที่จะทยอยประกาศในช่วงนี้
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,702.22 จุด เพิ่มขึ้น 0.75 จุด (+0.04%) มูลค่าการซื้อขาย25,930.05 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้แกว่งแคบ โดยมีแรงหนุนในกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันปรับขึ้น และกลุ่มสื่อสาร ขณะที่ถูกกดดันจากกลุ่มธนาคาร ติดตามการประชุมกนง.(พุธนี้) และผลประกอบการ Q3/60 ของบริษัทจดทะเบียนที่จะทยอยประกาศในช่วงนี้
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย หากกลับไปยืนเหนือระดับ 1705 จุดได้ สัญญาณการเก็งกำไรจะฟื้นตัวกลับมาดูดีอีกครั้ง ภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังขาดปัจจัยหนุนที่เด่นชัดเพื่อจะผลักดันให้เกิดขาขึ้นรอบใหม่ ระยะสั้นตลาดน่าจะแกว่งตัวออกด้านข้างไปก่อน เพื่อรอดูการตอบสนองของนักลงทุนต่อผลการดำเนินงานที่ทยอยออกมาก่อน เรามองกรอบแนวต้านที่ 1705 จุด หากทะลุไปได้จะมองกรอบการฟื้นตัวต่อที่ 1720 จุด ส่วนแนวรับที่ 1695 จุดหากหลุดต่ำกว่าจะเป็นสัญญาณขาย เพราะมีโอกาสที่ SET จะปรับตัวลงไปที่ระดับ 1670จุด กลยุทธ์ยังเก็งกำไรแบบวงเงินจำกัด เน้นกลุ่มที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาลึกเพื่อลุ้นรีบาวน์แนะนำ ADVANC PTTEP BDMS BPCG
แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย หากกลับไปยืนเหนือระดับ 1705 จุดได้ สัญญาณการเก็งกำไรจะฟื้นตัวกลับมาดูดีอีกครั้ง ภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังขาดปัจจัยหนุนที่เด่นชัดเพื่อจะผลักดันให้เกิดขาขึ้นรอบใหม่ ระยะสั้นตลาดน่าจะแกว่งตัวออกด้านข้างไปก่อน เพื่อรอดูการตอบสนองของนักลงทุนต่อผลการดำเนินงานที่ทยอยออกมาก่อน เรามองกรอบแนวต้านที่ 1705 จุด หากทะลุไปได้จะมองกรอบการฟื้นตัวต่อที่ 1720 จุด ส่วนแนวรับที่ 1695 จุดหากหลุดต่ำกว่าจะเป็นสัญญาณขาย เพราะมีโอกาสที่ SET จะปรับตัวลงไปที่ระดับ 1670จุด กลยุทธ์ยังเก็งกำไรแบบวงเงินจำกัด เน้นกลุ่มที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาลึกเพื่อลุ้นรีบาวน์แนะนำ ADVANC PTTEP BDMS BPCG
Technical Pick (PM) ...
Amata Corporation (AMATA TB; THB 21.60) – ซื้อ
Malee Group (MALEE TB; THB 47.00) – ซื้อ
Amata Corporation (AMATA TB; THB 21.60) – ซื้อ
Malee Group (MALEE TB; THB 47.00) – ซื้อ
Analysts :
Kitichan Sirisukarcha +66(2) 761 9232 – [email protected]
Teerawut Kanniphakul +66(2) 761 9233 – [email protected]
Line ID : @CIMBS Youtube : CIMBS
Kitichan Sirisukarcha +66(2) 761 9232 – [email protected]
Teerawut Kanniphakul +66(2) 761 9233 – [email protected]
Line ID : @CIMBS Youtube : CIMBS
OO1993