- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 01 November 2017 17:48
- Hits: 5786
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตลาดปรับตัวขึ้นทันที ขยับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ทำจุดสูงสุดของวันที่ 1726.52 จุด เพิ่มขึ้น 7.86 จุด ก่อนเผชิญแรงขายกดดัชนีไหลลงมาหลุดเข้าสู่แดนลบเล็กน้อย มีจุดต่ำสุดของวันที่ 1717.63 จุด ลดลง 1.03 จุด พร้อมกับดีดตัวกลับขึ้นได้ทันทีเช่นกัน แกว่งตัวยืนบวกได้ถึงปิดตลาด ทำให้มีกรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันที่ 8.89 จุด ทั้งนี้หุ้นที่มี Impact ต่อการยืนบวกของดัชนีได้แก่ AOT, EA, TOA, TTCL, SCC, BBL ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1721.37 จุด เพิ่มขึ้น 2.71 จุด (+0.16%) มูลค่าการซื้อขาย 55,634 ล้านบาท
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตลาดปรับตัวขึ้นทันที ขยับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ทำจุดสูงสุดของวันที่ 1726.52 จุด เพิ่มขึ้น 7.86 จุด ก่อนเผชิญแรงขายกดดัชนีไหลลงมาหลุดเข้าสู่แดนลบเล็กน้อย มีจุดต่ำสุดของวันที่ 1717.63 จุด ลดลง 1.03 จุด พร้อมกับดีดตัวกลับขึ้นได้ทันทีเช่นกัน แกว่งตัวยืนบวกได้ถึงปิดตลาด ทำให้มีกรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันที่ 8.89 จุด ทั้งนี้หุ้นที่มี Impact ต่อการยืนบวกของดัชนีได้แก่ AOT, EA, TOA, TTCL, SCC, BBL ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1721.37 จุด เพิ่มขึ้น 2.71 จุด (+0.16%) มูลค่าการซื้อขาย 55,634 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
ดัชนีวานนี้มีทิศทางผันผวนเหมือนวันก่อนหน้าแต่ในกรอบที่แคบกว่า ด้วยการเปิดตัวกระโดดขึ้นขยับทำ High ที่ 1726 จุด ก่อนที่จะทิ้งตัวลงทำ Low ที่ 1717 จุด พร้อมกับดีดกลับขึ้นทันทีและทำปิดที่ 1721 จุด จากภาพของดัชนีที่มความผันผวนค่อนข้างแรงต่อเนื่อง 2 วันทำการ ทำ และคาดว่ายังคงมีอยู่ เนื่องจากเข้าใกล้ High เดิม และสัญญาณที่เริ่ม Overbought และ Bearish Divergence ในรายชม.แต่ต้องเพิ่มความระมัดระวังหากหลุดแนวรับสำคัญ (1700) จะทำให้การพักตัวที่ลึก แนวต้าน 1726-1730 จุด แนวรับ 1713-1717 จุด
แกว่งตัวผันผวน - เพิ่มความระมัดระวังต่อความผันผวน หลังจากที่เข้าใกล้ High
Support 1700 // 1690 จุด Resistance 1728 // 1735 จุด
ดัชนีวานนี้มีทิศทางผันผวนเหมือนวันก่อนหน้าแต่ในกรอบที่แคบกว่า ด้วยการเปิดตัวกระโดดขึ้นขยับทำ High ที่ 1726 จุด ก่อนที่จะทิ้งตัวลงทำ Low ที่ 1717 จุด พร้อมกับดีดกลับขึ้นทันทีและทำปิดที่ 1721 จุด จากภาพของดัชนีที่มความผันผวนค่อนข้างแรงต่อเนื่อง 2 วันทำการ ทำ และคาดว่ายังคงมีอยู่ เนื่องจากเข้าใกล้ High เดิม และสัญญาณที่เริ่ม Overbought และ Bearish Divergence ในรายชม.แต่ต้องเพิ่มความระมัดระวังหากหลุดแนวรับสำคัญ (1700) จะทำให้การพักตัวที่ลึก แนวต้าน 1726-1730 จุด แนวรับ 1713-1717 จุด
แกว่งตัวผันผวน - เพิ่มความระมัดระวังต่อความผันผวน หลังจากที่เข้าใกล้ High
Support 1700 // 1690 จุด Resistance 1728 // 1735 จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell 01/11/60
"ปัจจัยในประเทศหนุนตลาด แต่ฝรั่งขายทำดัชนีฯ sideway "
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : คาดดัชนีฯ ปรับตัวขึ้นต่อ แต่จะผันผวนในกรอบแคบ ก่อนทราบผลประชุม Fed …. ปัจจัยในประเทศ โดยเฉพาะ การเตรียมออกมาตรการช้อปช่วยชาติระลอกใหม่ ที่อาจใหญ่กว่าปีที่ผ่านมา รวมไปถึงการเข้ามาเก็งงบ 3Q-17 ที่จะเริ่มมีการคาดการณ์และนำส่งงบกันมากขึ้นในสัปดาห์นี้ เป็นปัจจัยหนุนให้ตลาดเดินหน้าขึ้นไปได้ แม้ตัวแปรในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นรอผลประชุม FOMC ของสหรัฐฯคืนนี้ และชื่อประธาน Fed คนใหม่ ที่คาดว่าจะมีการเผยชื่อในคืนวันหรุ่งนี้ (2) จะทำให้นักลงทุนต่างประเทศชะลอการลงทุนลง ค่าเงินดอลล่าร์อยู่ในระดับที่แข็งค่า (Dollar Index 94.6) อาจทำให้นักลงทุนต่างประเทศยังมีการขายหุ้นไทยเช่นเดียวกับ 4 วันที่ผ่านมา ..... ตัวแปรที่มีผลต่อตลาดระหว่างวัน จะเป็น การรายงานกำไรของ SCC ตัวเลขเงินเฟ้อของไทย (คาด +0.8% YoY)
กลยุทธ์การลงทุน : ตลาดจะเป็น sideway up คือค่อยๆ ขึ้น จุดสำคัญที่จะบอกว่าเพิ่มพอร์ตลงทุนอย่างจริงจัง คือรอให้ดัชนีฯ ผ่าน 1730 จุด ขึ้นไปก่อน .....กลยุทธ์การลงทุน โดยรวม ยังเป็น selective buy สลับกับการเปลี่ยนตัวเล่นหุ้นที่ราคาขึ้นมามากและเริ่มไปต่อไม่ไหว โดยเน้นสองปัจจัยหลัก คือกลุ่มได้ประโยชน์จากมาตรการภาครัฐฯ (เช่น CPALL, MINT, BJC) และหุ้นมีปัจจัยเฉพาะตัว รวมทั้งหุ้นงบ 3Q ที่คาดว่าจะออกมาดี
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน : สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ AAV, JMT, LH*, MAJOR, FN*
หุ้นแนะนำทางเทคนิค : JAS, IFS, PPS
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
"ปัจจัยในประเทศหนุนตลาด แต่ฝรั่งขายทำดัชนีฯ sideway "
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : คาดดัชนีฯ ปรับตัวขึ้นต่อ แต่จะผันผวนในกรอบแคบ ก่อนทราบผลประชุม Fed …. ปัจจัยในประเทศ โดยเฉพาะ การเตรียมออกมาตรการช้อปช่วยชาติระลอกใหม่ ที่อาจใหญ่กว่าปีที่ผ่านมา รวมไปถึงการเข้ามาเก็งงบ 3Q-17 ที่จะเริ่มมีการคาดการณ์และนำส่งงบกันมากขึ้นในสัปดาห์นี้ เป็นปัจจัยหนุนให้ตลาดเดินหน้าขึ้นไปได้ แม้ตัวแปรในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นรอผลประชุม FOMC ของสหรัฐฯคืนนี้ และชื่อประธาน Fed คนใหม่ ที่คาดว่าจะมีการเผยชื่อในคืนวันหรุ่งนี้ (2) จะทำให้นักลงทุนต่างประเทศชะลอการลงทุนลง ค่าเงินดอลล่าร์อยู่ในระดับที่แข็งค่า (Dollar Index 94.6) อาจทำให้นักลงทุนต่างประเทศยังมีการขายหุ้นไทยเช่นเดียวกับ 4 วันที่ผ่านมา ..... ตัวแปรที่มีผลต่อตลาดระหว่างวัน จะเป็น การรายงานกำไรของ SCC ตัวเลขเงินเฟ้อของไทย (คาด +0.8% YoY)
กลยุทธ์การลงทุน : ตลาดจะเป็น sideway up คือค่อยๆ ขึ้น จุดสำคัญที่จะบอกว่าเพิ่มพอร์ตลงทุนอย่างจริงจัง คือรอให้ดัชนีฯ ผ่าน 1730 จุด ขึ้นไปก่อน .....กลยุทธ์การลงทุน โดยรวม ยังเป็น selective buy สลับกับการเปลี่ยนตัวเล่นหุ้นที่ราคาขึ้นมามากและเริ่มไปต่อไม่ไหว โดยเน้นสองปัจจัยหลัก คือกลุ่มได้ประโยชน์จากมาตรการภาครัฐฯ (เช่น CPALL, MINT, BJC) และหุ้นมีปัจจัยเฉพาะตัว รวมทั้งหุ้นงบ 3Q ที่คาดว่าจะออกมาดี
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน : สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ AAV, JMT, LH*, MAJOR, FN*
หุ้นแนะนำทางเทคนิค : JAS, IFS, PPS
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
(+) GFPT : คาดกำไรสุทธิ 3Q17 เติบโตYoY, QoQ จากการส่งออกไก่ที่ดี
(+) MAJOR : คาดกำไรสุทธิ 3Q17 เติบโต +15% YoY, -31% QoQ
(+) SPALI : คาดกำไรปกติ 3Q17 - 4Q17 โดดเด่นต่อเนื่อง
(+) GFPT : คาดกำไรสุทธิ 3Q17 เติบโตYoY, QoQ จากการส่งออกไก่ที่ดี
(+) MAJOR : คาดกำไรสุทธิ 3Q17 เติบโต +15% YoY, -31% QoQ
(+) SPALI : คาดกำไรปกติ 3Q17 - 4Q17 โดดเด่นต่อเนื่อง
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (31 ต.ค.) ปิดที่1,721.37 จุด เพิ่มขึ้น 2.71 จุด หรือ +0.16% มูลค่าการซื้อขาย 55,633.83 ล้านบาท ตลาดสามารถปรับตัวขึ้นได้ โดยได้แรงบวกจากปัจจัยในประเทศ ทั้งจากการส่งสัญญาณการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปีผ่านมาตรการช็อปช่วยชาติและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
ตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,377.24 จุด เพิ่มขึ้น 28.50 จุด หรือ +0.12% ได้แรงหนุนจากการรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาดี แต่นักลงทุนบางส่วนมีการชะลอการลงทุนเพื่อรอผลการเลือกประธาน Fed คนใหม่ .... แต่ด้าน Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น +0.3% ปิดที่ 395.22 จุด
ปัจจัยต่างประเทศ : ติดตามการเลือกประธาน Fed คนใหม่ แม้ปัจจุบันกระแสตัวเต็งของประธาน Fed คนใหม่จะเป็น พาวเวลและเทย์เลอร์ อย่างไรก็ตามผลสำรวจจาก Bloomberg ยังระบุว่าคาดการณ์ตัวเต็งอันดับหนึ่งยังคงเป็น เควิน วอร์ช ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของทาง KTBST ซึ่งหากนายเควิน วอร์ชได้เป็นประธาน Fed คนใหม่ คาดการณ์ว่าจะเกิดผลกระทบโดยตรงต่อ Fund Flow เนื่องจาก นโยบายที่ Aggressive เป็นบวกต่อดอลล่าร์ แต่กระตุ้นให้นักลงทุนต่างประเทศลดพอร์ตหุ้นที่ค่าเงินอ่อนลง
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ราคาน้ำมันดิบปิดที่ 54.38 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ +0.4% ยังคงได้รับผลบวกต่อเนื่องจากการที่ OPEC ขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตออกไปจนถึงสิ้นปีหน้า ประเด็นดังกล่าวเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันของไทย .... ติดตามการประชุมโอเปกในวันที่ 30 พ.ย.นี้ที่กรุงเวียนนา
ปัจจัยในประเทศ : มุมมองภาพเศรษฐกิจเป็นบวกมากขึ้น, ติดตามการรายงานผลประกอบการ Q3 ของหุ้นขนาดใหญ่ในวันนี้ ภาพเศรษฐกิจไทยเป็นบวกมากขึ้นจากการที่ภาครัฐเริ่มส่งสัญญาณการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีได้แก่การส่งสัญญาณมาตรการช็อปช่วยชาติในช่วงปลายปี, การติดตามแผน Action Plan ของกระทรวงคมนาคมจำนวน 36 โครงการ วงเงินเกือบ 900,000 ล้านบาท นอกจากนี้ธปท.ยัง ระบุว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนก.ย. 60 ขยายตัวดีต่อเนื่อง .... ในวันนี้หุ้นขนาดใหญ่ที่จะประกาศผลการดำเนินงาน 3Q17 ได้แก่ SCC (Bloomberg คาดกำไรสุทธิช่วง 3Q17 ที่ 13,502 ล้านบาท -4% YoY, +2% QoQ)
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (31 ต.ค.) ปิดที่1,721.37 จุด เพิ่มขึ้น 2.71 จุด หรือ +0.16% มูลค่าการซื้อขาย 55,633.83 ล้านบาท ตลาดสามารถปรับตัวขึ้นได้ โดยได้แรงบวกจากปัจจัยในประเทศ ทั้งจากการส่งสัญญาณการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปีผ่านมาตรการช็อปช่วยชาติและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
ตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,377.24 จุด เพิ่มขึ้น 28.50 จุด หรือ +0.12% ได้แรงหนุนจากการรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาดี แต่นักลงทุนบางส่วนมีการชะลอการลงทุนเพื่อรอผลการเลือกประธาน Fed คนใหม่ .... แต่ด้าน Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น +0.3% ปิดที่ 395.22 จุด
ปัจจัยต่างประเทศ : ติดตามการเลือกประธาน Fed คนใหม่ แม้ปัจจุบันกระแสตัวเต็งของประธาน Fed คนใหม่จะเป็น พาวเวลและเทย์เลอร์ อย่างไรก็ตามผลสำรวจจาก Bloomberg ยังระบุว่าคาดการณ์ตัวเต็งอันดับหนึ่งยังคงเป็น เควิน วอร์ช ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของทาง KTBST ซึ่งหากนายเควิน วอร์ชได้เป็นประธาน Fed คนใหม่ คาดการณ์ว่าจะเกิดผลกระทบโดยตรงต่อ Fund Flow เนื่องจาก นโยบายที่ Aggressive เป็นบวกต่อดอลล่าร์ แต่กระตุ้นให้นักลงทุนต่างประเทศลดพอร์ตหุ้นที่ค่าเงินอ่อนลง
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ราคาน้ำมันดิบปิดที่ 54.38 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ +0.4% ยังคงได้รับผลบวกต่อเนื่องจากการที่ OPEC ขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตออกไปจนถึงสิ้นปีหน้า ประเด็นดังกล่าวเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันของไทย .... ติดตามการประชุมโอเปกในวันที่ 30 พ.ย.นี้ที่กรุงเวียนนา
ปัจจัยในประเทศ : มุมมองภาพเศรษฐกิจเป็นบวกมากขึ้น, ติดตามการรายงานผลประกอบการ Q3 ของหุ้นขนาดใหญ่ในวันนี้ ภาพเศรษฐกิจไทยเป็นบวกมากขึ้นจากการที่ภาครัฐเริ่มส่งสัญญาณการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีได้แก่การส่งสัญญาณมาตรการช็อปช่วยชาติในช่วงปลายปี, การติดตามแผน Action Plan ของกระทรวงคมนาคมจำนวน 36 โครงการ วงเงินเกือบ 900,000 ล้านบาท นอกจากนี้ธปท.ยัง ระบุว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนก.ย. 60 ขยายตัวดีต่อเนื่อง .... ในวันนี้หุ้นขนาดใหญ่ที่จะประกาศผลการดำเนินงาน 3Q17 ได้แก่ SCC (Bloomberg คาดกำไรสุทธิช่วง 3Q17 ที่ 13,502 ล้านบาท -4% YoY, +2% QoQ)
Stock in Focus
หุ้น เหตุผล
AAV(ราคาปิด 6.40) หากรัฐฯมีการออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว AAV จะเป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการนี้ด้วย ... นอกจากนี้ กระแสการท่องเที่ยวของไทยที่เติบโต และการท่องเที่ยวไปยังต่างประเทศของคนไทยที่เพิ่มสูงขึ้น ประเด็นดังกล่าวเป็นบวกต่อ AAV …. KTBST คาดกำไรสุทธิช่วง 3Q17 ที่ 206 ล้านบาท (-48.1% YoY, +20.7% QoQ) แต่คาดว่าช่วง 4Q17 จะกลับมาเติบโตได้สูงจากฐานต่ำในปีก่อนจากเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญ KTBST คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2017 ที่ 1,566 ล้านบาท (-16% YoY) แต่คาดจะเติบโตได้ดีในปี 2018 ที่ 1,837 ล้านบาท (+18% YoY) …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 7.40 บาท)
JMT(ราคาปิด 32.50) มองว่า JMT เป็นอีกหนึ่งตัวที่คาดว่าผลประกอบการจะออกมาดีในช่วง 3Q17 คาดบริษัทจะประกาศผลประกอบการในวันที่ 10/11/2017 โดยคาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิ 3Q17 อยู่ที่ 105 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 103.0% YoY ตามมูลหนี้ที่บริษัทซื้อมาบริหารเพิ่ม JMT มีผลการดำเนินงานดีขึ้นจากแนวโน้มอัตราความสำเร็จ, อัตราค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น, รายได้จากการบริหารลูกหนี้ที่เพิ่มขึ้นตามมูลหนี้ที่บริหารสูงขึ้น และอัตราส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยที่ลดลง และการย้าย J Fintech ซึ่งมีผลขาดทุนไปอยู่ใต้ JMART จะช่วยให้ JMT มีผลประกอบการที่ดีขึ้นมาก .... KTBST คาดผลประกอบการปี 2017 ที่ 420 ล้านบาท (+42% YoY) และคาดจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2018 ที่ 555 ล้านบาท (+13% YoY) .... (ราคาพื้นฐานโดย KTBST ที่ 38.00 บาท)
LH*(ราคาปิด 10.90) มองนักลงทุนจะเข้ามาเก็งกำไรจากการคาดการณ์ว่าช่วงครึ่งปีหลังจะสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง จากการเปิดโครงการใหม่โดยมูลค่า Backlog ปัจจุบันอยู่ที่ 1.47 หมื่นล้านบาท (รองรับรายได้ประมาณ 6 เดือน) .... Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 8,989 ล้านบาท เติบโต +4% YoY และปี 2018 ที่ 8,855 ล้านบาท ลดลง -1% YoY …. (ราคาที่เหมาะสม โดย Bloomberg ที่ 11.58 บาท)
MAJOR(ราคาปิด 32.50) เลือก MAJOR จากกระแสภาพยนต์เรื่อง Thor Ragnarok ที่มีกระแสตอบรับที่ดี อีกทั้ง บริษัทยังออกมากล่าวว่า ภาพรวมตลาดหนังตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเติบโตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน และช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้จะยังเติบโตต่อเนื่อง .... คาดกำไรสุทธิ 3Q17 ที่ 382 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +15% YoY แต่ -31% QoQ กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกคิดเป็น 77% คาดการณ์บริษัทจะเติบโตได้ดีในช่วง 4Q17 จากการเข้าสู่ช่วงเฉลิมฉลองของประเทศไทย และจากภาพยนตร์ที่คาดว่าจะได้รับกระแสความนิยมสูงเช่น Thor Ragnarok, Justice League, Star War .... KTBST คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2017 ของ MAJOR ที่ระดับ 1,443 ล้านบาท (+21% YoY) และปี 2018 ที่ 1,480 ล้านบาท (+3% YoY) …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 36.00 บาท)
FN*(ราคาปิด 6.25) ราคาหุ้น FN ปรับลงมาค่อนข้างมากก่อนหน้านี้ และเริ่มส่งสัญญาณการฟิ้นตัวกลับ ..... บริษัทมีแผนที่จะเตรียมเพิ่มช่องทางรายได้ให้กับสาขาแต่ละแห่ง โดยบริษัทได้เจรจาให้ผู้ประกอบการในการเข้ามาเปิดกิจการในพื้นที่ของบริษัท เช่น ร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม .... มองว่าบริษัทจะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอีกครั้งหลังช่วง 4Q17 จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านช็อปช่วยชาติที่จะเข้ามาในช่วงปลายปี ….. Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 122 ล้านบาท (-17% YoY), ปี 2018 ที่ 165 ล้านบาท (-35% YoY) …. (ราคาที่เหมาะสม รวบรวมโดย Bloomberg 4.90 บาท)
AAV(ราคาปิด 6.40) หากรัฐฯมีการออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว AAV จะเป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการนี้ด้วย ... นอกจากนี้ กระแสการท่องเที่ยวของไทยที่เติบโต และการท่องเที่ยวไปยังต่างประเทศของคนไทยที่เพิ่มสูงขึ้น ประเด็นดังกล่าวเป็นบวกต่อ AAV …. KTBST คาดกำไรสุทธิช่วง 3Q17 ที่ 206 ล้านบาท (-48.1% YoY, +20.7% QoQ) แต่คาดว่าช่วง 4Q17 จะกลับมาเติบโตได้สูงจากฐานต่ำในปีก่อนจากเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญ KTBST คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2017 ที่ 1,566 ล้านบาท (-16% YoY) แต่คาดจะเติบโตได้ดีในปี 2018 ที่ 1,837 ล้านบาท (+18% YoY) …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 7.40 บาท)
หุ้น เหตุผล
AAV(ราคาปิด 6.40) หากรัฐฯมีการออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว AAV จะเป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการนี้ด้วย ... นอกจากนี้ กระแสการท่องเที่ยวของไทยที่เติบโต และการท่องเที่ยวไปยังต่างประเทศของคนไทยที่เพิ่มสูงขึ้น ประเด็นดังกล่าวเป็นบวกต่อ AAV …. KTBST คาดกำไรสุทธิช่วง 3Q17 ที่ 206 ล้านบาท (-48.1% YoY, +20.7% QoQ) แต่คาดว่าช่วง 4Q17 จะกลับมาเติบโตได้สูงจากฐานต่ำในปีก่อนจากเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญ KTBST คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2017 ที่ 1,566 ล้านบาท (-16% YoY) แต่คาดจะเติบโตได้ดีในปี 2018 ที่ 1,837 ล้านบาท (+18% YoY) …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 7.40 บาท)
JMT(ราคาปิด 32.50) มองว่า JMT เป็นอีกหนึ่งตัวที่คาดว่าผลประกอบการจะออกมาดีในช่วง 3Q17 คาดบริษัทจะประกาศผลประกอบการในวันที่ 10/11/2017 โดยคาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิ 3Q17 อยู่ที่ 105 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 103.0% YoY ตามมูลหนี้ที่บริษัทซื้อมาบริหารเพิ่ม JMT มีผลการดำเนินงานดีขึ้นจากแนวโน้มอัตราความสำเร็จ, อัตราค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น, รายได้จากการบริหารลูกหนี้ที่เพิ่มขึ้นตามมูลหนี้ที่บริหารสูงขึ้น และอัตราส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยที่ลดลง และการย้าย J Fintech ซึ่งมีผลขาดทุนไปอยู่ใต้ JMART จะช่วยให้ JMT มีผลประกอบการที่ดีขึ้นมาก .... KTBST คาดผลประกอบการปี 2017 ที่ 420 ล้านบาท (+42% YoY) และคาดจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2018 ที่ 555 ล้านบาท (+13% YoY) .... (ราคาพื้นฐานโดย KTBST ที่ 38.00 บาท)
LH*(ราคาปิด 10.90) มองนักลงทุนจะเข้ามาเก็งกำไรจากการคาดการณ์ว่าช่วงครึ่งปีหลังจะสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง จากการเปิดโครงการใหม่โดยมูลค่า Backlog ปัจจุบันอยู่ที่ 1.47 หมื่นล้านบาท (รองรับรายได้ประมาณ 6 เดือน) .... Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 8,989 ล้านบาท เติบโต +4% YoY และปี 2018 ที่ 8,855 ล้านบาท ลดลง -1% YoY …. (ราคาที่เหมาะสม โดย Bloomberg ที่ 11.58 บาท)
MAJOR(ราคาปิด 32.50) เลือก MAJOR จากกระแสภาพยนต์เรื่อง Thor Ragnarok ที่มีกระแสตอบรับที่ดี อีกทั้ง บริษัทยังออกมากล่าวว่า ภาพรวมตลาดหนังตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเติบโตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน และช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้จะยังเติบโตต่อเนื่อง .... คาดกำไรสุทธิ 3Q17 ที่ 382 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +15% YoY แต่ -31% QoQ กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกคิดเป็น 77% คาดการณ์บริษัทจะเติบโตได้ดีในช่วง 4Q17 จากการเข้าสู่ช่วงเฉลิมฉลองของประเทศไทย และจากภาพยนตร์ที่คาดว่าจะได้รับกระแสความนิยมสูงเช่น Thor Ragnarok, Justice League, Star War .... KTBST คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2017 ของ MAJOR ที่ระดับ 1,443 ล้านบาท (+21% YoY) และปี 2018 ที่ 1,480 ล้านบาท (+3% YoY) …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 36.00 บาท)
FN*(ราคาปิด 6.25) ราคาหุ้น FN ปรับลงมาค่อนข้างมากก่อนหน้านี้ และเริ่มส่งสัญญาณการฟิ้นตัวกลับ ..... บริษัทมีแผนที่จะเตรียมเพิ่มช่องทางรายได้ให้กับสาขาแต่ละแห่ง โดยบริษัทได้เจรจาให้ผู้ประกอบการในการเข้ามาเปิดกิจการในพื้นที่ของบริษัท เช่น ร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม .... มองว่าบริษัทจะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอีกครั้งหลังช่วง 4Q17 จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านช็อปช่วยชาติที่จะเข้ามาในช่วงปลายปี ….. Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 122 ล้านบาท (-17% YoY), ปี 2018 ที่ 165 ล้านบาท (-35% YoY) …. (ราคาที่เหมาะสม รวบรวมโดย Bloomberg 4.90 บาท)
AAV(ราคาปิด 6.40) หากรัฐฯมีการออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว AAV จะเป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการนี้ด้วย ... นอกจากนี้ กระแสการท่องเที่ยวของไทยที่เติบโต และการท่องเที่ยวไปยังต่างประเทศของคนไทยที่เพิ่มสูงขึ้น ประเด็นดังกล่าวเป็นบวกต่อ AAV …. KTBST คาดกำไรสุทธิช่วง 3Q17 ที่ 206 ล้านบาท (-48.1% YoY, +20.7% QoQ) แต่คาดว่าช่วง 4Q17 จะกลับมาเติบโตได้สูงจากฐานต่ำในปีก่อนจากเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญ KTBST คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2017 ที่ 1,566 ล้านบาท (-16% YoY) แต่คาดจะเติบโตได้ดีในปี 2018 ที่ 1,837 ล้านบาท (+18% YoY) …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 7.40 บาท)
Source: KTBST Research
Sector / Stock Updates
(+) COMM, TOURISM นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงการคลังไปพิจารณาแนวทางการดำเนินโครงการช็อปช่วยชาติปลายปี กระตุ้นการใช้จ่ายและหมุนเงินสู่เศรษฐกิจเพิ่ม โดยอาจยืดเวลาให้ยาวกว่าปีที่ผ่านมา โดยเราเห็นว่าจะส่งผลดีต่อภาคค้าปลีกและการท่องเที่ยว ทำให้เศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่องเพิ่มเติมจากที่คาดว่า ภาวะจะกลับมาช่วงปลายปี แต่มาตรการที่ออกมาน่าจะช่วยให้การจับจ่ายใช้สอยและท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่องตลอด 1Q18 หุ้นที่จะได้รับผลดีแนะนำ ซื้อ CPALL, ROBINS, MINT, CENTEL
(+) SPALI คาดผลการดำเนินงาน 3Q17 โดดเด่นทำสถิติสูงสุดใหม่ทั้ง Presales, รายได้ และกำไรปกติ โดยในด้าน Presales อยู่ที่ 11,776 ล้านบาท (+65% YoY, +104% QoQ) ส่วนยอดรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์คาดว่าจะอยู่ที่ 7,208 ล้านบาท (+59% YoY, +22% QoQ) เนื่องจากมีโครงการคอนโดขนาดใหญ่เริ่มโอน และคาดกำไรปกติที่ 1,600 ล้านบาท (+89% YoY, +20% QoQ) นอกจากนั้น คาดจะมีกำไรพิเศษจากการขายอาคารสำนักงานหลังภาษีราว 300 ล้านบาท ส่งผลให้คาดกำไรสุทธิ 3Q17 ที่ 1,900 ล้านบาท (+124% YoY, +43% QoQ) แนวโน้ม 4Q17 ยังดีต่อเนื่องจากยอด Backlog ที่สูง คำคงแนะนำ ซื้อ เป้าหมาย 27.50 บาท
(+) MAJOR คาดกำไรสุทธิ 3Q17 ที่ 382 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +15% YoY และ -31% QoQ เติบโต YoY จาก การประหยัดค่าใช้จ่าย SG&A ส่งผลให้ SG&A to sales ลดลงจากช่วง 3Q16 ที่ 30% เป็น 23% การลดลง QoQ เป็นผลมาจากปัจจัยฤดูกาล นักเรียนเปิดเทอมและหนังฮอลลีวูดเข้าฉายน้อย ประมาณการกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 1,443 ล้านบาท (+66% YoY) โดยกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกคิดเป็น 77% ของประมาณการทั้งปี คาดการณ์บริษัทจะเติบโตได้ดีในช่วง 4Q17 จากกระแสภาพยนตร์ที่คาดว่าจะได้รับผลตอบรับดี อย่าง Thor Ragnarok, Justice League, Star War คงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยราคาเหมาะสมเดิมที่ 36.00 บาท เทียบ PER ย้อนหลัง 3 ปี ที่ประมาณ 24 เท่า
(+) GFPT เราคาดว่า GFPT จะมีกำไรสุทธิใน 3Q17 อยู่ที่ประมาณ 517 ล้านบาท เติบโตขึ้น 4.3% YoY และ 4.7% QoQ เนื่องจากการส่งออกที่สูงขึ้นประมาณ 8,500 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ +7%YoY และ+13% QoQ โดยตลาดส่งออกสามารถชดเชยราคาไก่ที่อ่อนตัวลงในประเทศได้ ซึ่งการอ่อนตัวลงมาจากภาวะฝนตกหนักและการเข้าสู่ช่วงปิดภาคเรียน อย่างไรก็ตาม คาดว่า จะเป็นผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น อนึ่งคาดว่า อัตรากำไรขั้นต้นจะยังอยู่ในระดับสูงที่ 17%ได้เนื่องจากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ต่ำ เราประมาณการณ์ว่า GFPT จะมีกำไรเติบโตขึ้น 17% ในปี 2017 เราประเมินมูลค่าของ GFPT โดยอิง PER ที่ 14 เท่า สะท้อนธุรกิจส่งออกไก่ที่ยังไปได้ดี และคาดหวังที่จะเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้นในช่วงเทศกาลปลายปี ได้ราคาเหมาะสมที่ 22 บาท คงคำแนะนำ "ซื้อ"
(+) WICE WICE) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ (31 ต.ค.) อนุมัติการทำสัญญาเข้าซื้อหุ้นสามัญของ Universal Worldwide Transportation Limited (UWT) จำนวน 80,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 เหรียญดอลลาร์ฮ่องกง คิดเป็น 80% ของหุ้นสามัญทั้งหมด คิดเป็นมูลค่า 3.38 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า 115.03 ล้านบาท …. ทั้งนี้ UWT ดำเนินธุรกิจอยู่ในเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ทั้งการนำเข้าและส่งออก โดยการขนส่งทั้งทางอากาศ และทางทะเล รวมถึงให้บริการรับจัดการขนส่งทางบกด้วยรถบรรทุก ซึ่งกลุ่มลูกค้าสำคัญของ UWT ได้แก่ กลุ่มผู้ผลิตในอุตสาหกรรมต่าง ๆ และกลุ่มผู้ค้าปลีก
ความเห็นของเราต่อข่าวนี้ ธุรกิจที่ WICE เข้าไปถือหุ้นแห่งนี้ ทำธุรกิจคล้ายๆ WICE แต่ฐานลูกค้าอยู่ในฮ่องกงและจีน .... ผลประโยชน์ในตัวเงินที่ WICE จะได้ในวันที่ซื่อหุ้น จะน้อย เนื่องจากเป็นบริษัทขนาดเล็กกำไรอาจยังไม่มาก แต่อนาคตจะดี เพราะ WICE จะใช้เป็นตัวช่วยในการขนส่งสินค้าให้กับลูกค้า ในฮ่องกงและจีน ...... ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST 5.30 บาท
Source: KTBST Research
Analyst : Mongkol Puangpetra
License No: 001937
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
License No: 081447
+662 648 1127
[email protected]
Sector / Stock Updates
(+) COMM, TOURISM นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงการคลังไปพิจารณาแนวทางการดำเนินโครงการช็อปช่วยชาติปลายปี กระตุ้นการใช้จ่ายและหมุนเงินสู่เศรษฐกิจเพิ่ม โดยอาจยืดเวลาให้ยาวกว่าปีที่ผ่านมา โดยเราเห็นว่าจะส่งผลดีต่อภาคค้าปลีกและการท่องเที่ยว ทำให้เศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่องเพิ่มเติมจากที่คาดว่า ภาวะจะกลับมาช่วงปลายปี แต่มาตรการที่ออกมาน่าจะช่วยให้การจับจ่ายใช้สอยและท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่องตลอด 1Q18 หุ้นที่จะได้รับผลดีแนะนำ ซื้อ CPALL, ROBINS, MINT, CENTEL
(+) SPALI คาดผลการดำเนินงาน 3Q17 โดดเด่นทำสถิติสูงสุดใหม่ทั้ง Presales, รายได้ และกำไรปกติ โดยในด้าน Presales อยู่ที่ 11,776 ล้านบาท (+65% YoY, +104% QoQ) ส่วนยอดรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์คาดว่าจะอยู่ที่ 7,208 ล้านบาท (+59% YoY, +22% QoQ) เนื่องจากมีโครงการคอนโดขนาดใหญ่เริ่มโอน และคาดกำไรปกติที่ 1,600 ล้านบาท (+89% YoY, +20% QoQ) นอกจากนั้น คาดจะมีกำไรพิเศษจากการขายอาคารสำนักงานหลังภาษีราว 300 ล้านบาท ส่งผลให้คาดกำไรสุทธิ 3Q17 ที่ 1,900 ล้านบาท (+124% YoY, +43% QoQ) แนวโน้ม 4Q17 ยังดีต่อเนื่องจากยอด Backlog ที่สูง คำคงแนะนำ ซื้อ เป้าหมาย 27.50 บาท
(+) MAJOR คาดกำไรสุทธิ 3Q17 ที่ 382 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +15% YoY และ -31% QoQ เติบโต YoY จาก การประหยัดค่าใช้จ่าย SG&A ส่งผลให้ SG&A to sales ลดลงจากช่วง 3Q16 ที่ 30% เป็น 23% การลดลง QoQ เป็นผลมาจากปัจจัยฤดูกาล นักเรียนเปิดเทอมและหนังฮอลลีวูดเข้าฉายน้อย ประมาณการกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 1,443 ล้านบาท (+66% YoY) โดยกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกคิดเป็น 77% ของประมาณการทั้งปี คาดการณ์บริษัทจะเติบโตได้ดีในช่วง 4Q17 จากกระแสภาพยนตร์ที่คาดว่าจะได้รับผลตอบรับดี อย่าง Thor Ragnarok, Justice League, Star War คงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยราคาเหมาะสมเดิมที่ 36.00 บาท เทียบ PER ย้อนหลัง 3 ปี ที่ประมาณ 24 เท่า
(+) GFPT เราคาดว่า GFPT จะมีกำไรสุทธิใน 3Q17 อยู่ที่ประมาณ 517 ล้านบาท เติบโตขึ้น 4.3% YoY และ 4.7% QoQ เนื่องจากการส่งออกที่สูงขึ้นประมาณ 8,500 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ +7%YoY และ+13% QoQ โดยตลาดส่งออกสามารถชดเชยราคาไก่ที่อ่อนตัวลงในประเทศได้ ซึ่งการอ่อนตัวลงมาจากภาวะฝนตกหนักและการเข้าสู่ช่วงปิดภาคเรียน อย่างไรก็ตาม คาดว่า จะเป็นผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น อนึ่งคาดว่า อัตรากำไรขั้นต้นจะยังอยู่ในระดับสูงที่ 17%ได้เนื่องจากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ต่ำ เราประมาณการณ์ว่า GFPT จะมีกำไรเติบโตขึ้น 17% ในปี 2017 เราประเมินมูลค่าของ GFPT โดยอิง PER ที่ 14 เท่า สะท้อนธุรกิจส่งออกไก่ที่ยังไปได้ดี และคาดหวังที่จะเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้นในช่วงเทศกาลปลายปี ได้ราคาเหมาะสมที่ 22 บาท คงคำแนะนำ "ซื้อ"
(+) WICE WICE) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ (31 ต.ค.) อนุมัติการทำสัญญาเข้าซื้อหุ้นสามัญของ Universal Worldwide Transportation Limited (UWT) จำนวน 80,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 เหรียญดอลลาร์ฮ่องกง คิดเป็น 80% ของหุ้นสามัญทั้งหมด คิดเป็นมูลค่า 3.38 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า 115.03 ล้านบาท …. ทั้งนี้ UWT ดำเนินธุรกิจอยู่ในเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ทั้งการนำเข้าและส่งออก โดยการขนส่งทั้งทางอากาศ และทางทะเล รวมถึงให้บริการรับจัดการขนส่งทางบกด้วยรถบรรทุก ซึ่งกลุ่มลูกค้าสำคัญของ UWT ได้แก่ กลุ่มผู้ผลิตในอุตสาหกรรมต่าง ๆ และกลุ่มผู้ค้าปลีก
ความเห็นของเราต่อข่าวนี้ ธุรกิจที่ WICE เข้าไปถือหุ้นแห่งนี้ ทำธุรกิจคล้ายๆ WICE แต่ฐานลูกค้าอยู่ในฮ่องกงและจีน .... ผลประโยชน์ในตัวเงินที่ WICE จะได้ในวันที่ซื่อหุ้น จะน้อย เนื่องจากเป็นบริษัทขนาดเล็กกำไรอาจยังไม่มาก แต่อนาคตจะดี เพราะ WICE จะใช้เป็นตัวช่วยในการขนส่งสินค้าให้กับลูกค้า ในฮ่องกงและจีน ...... ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST 5.30 บาท
Source: KTBST Research
Analyst : Mongkol Puangpetra
License No: 001937
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
License No: 081447
+662 648 1127
[email protected]
OO1781