- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 31 October 2017 17:33
- Hits: 3408
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(AM)
Technical highlights
SET Index : แนวต้าน 1720 แนวรับ 1708 และ 1700
ทิศทางตลาด : SET Index ปิดที่ 1718.66 จุด เพิ่มขึ้น 2.63 จุด มูลค่าการซื้อขาย 63,224 ล้านบาทตลาดเมื่อวานเคลื่อนไหวค่อนข้างผันผวนหลังจากปรับตัวลดลงเข้าใกล้ระดับ 1700 จุด แต่ยังสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ โดยมีแนวต้านที่ 1720 จุด
Daily: ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้แนวต้านสำคัญที่ 1720 จุด พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นหลังจากปรับตัวลดลงเข้าใกล้ระดับ 1700 จุด ซึ่งเราคาดว่า การปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 1700 จุดลงไปแนวโน้มในระยะสั้นจะมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1670 จุด แต่เป็นจังหวะในการเข้าซื้อหุ้น และมีแนวต้านที่ 1720 จุดเป็นแนวต้านสำคัญ
กลยุทธ์ : SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ที่ 1720 จุด หลังจากถูกขายทำกำไรค่อนข้างแรง ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1670 จุด โดยมีแนวรับที่ 1708 และ 1700 จุด ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขายทางเทคนิคต่อเนื่อง
Technical highlights
SET Index : แนวต้าน 1720 แนวรับ 1708 และ 1700
ทิศทางตลาด : SET Index ปิดที่ 1718.66 จุด เพิ่มขึ้น 2.63 จุด มูลค่าการซื้อขาย 63,224 ล้านบาทตลาดเมื่อวานเคลื่อนไหวค่อนข้างผันผวนหลังจากปรับตัวลดลงเข้าใกล้ระดับ 1700 จุด แต่ยังสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ โดยมีแนวต้านที่ 1720 จุด
Daily: ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้แนวต้านสำคัญที่ 1720 จุด พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นหลังจากปรับตัวลดลงเข้าใกล้ระดับ 1700 จุด ซึ่งเราคาดว่า การปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 1700 จุดลงไปแนวโน้มในระยะสั้นจะมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1670 จุด แต่เป็นจังหวะในการเข้าซื้อหุ้น และมีแนวต้านที่ 1720 จุดเป็นแนวต้านสำคัญ
กลยุทธ์ : SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ที่ 1720 จุด หลังจากถูกขายทำกำไรค่อนข้างแรง ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1670 จุด โดยมีแนวรับที่ 1708 และ 1700 จุด ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขายทางเทคนิคต่อเนื่อง
Most Active Value: แนวรับ แนวต้าน
PTT แนวโน้มขึ้นทดสอบ 420 และ 428 แนวรับสำคัญ 408 416 / 414 424 / 428
KBANK สัญญาณซื้อ แนวโน้มขึ้นทดสอบ 225 และ 227 แนวรับ 218 220 / 218 222 / 224
TTCL มีโอกาสฟื้นตัวที่แนวรับ 19.00-19.20 แนวต้าน 20.50 และ 20.80 19.20 / 19.00** 20.00 / 20.50
AOT แนวโน้มลงทดสอบ 56.00 แนวต้าน 58.50-59.00 57.50 / 57.00 58.50 / 59.00
BCPG แนวต้าน 24.00 แนวรับ 23.00 และ 22.50 23.20 / 23.0 23.80 / 24.00
ADVANC แนวโน้มลงทดสอบ 192 และ 190 แนวต้าน 195 192 / 190 194 / 195
BANPU สัญญาณฟื้นตัว แนวโน้มขึ้นทดสอบ 18.20 แนวรับ 17.40 17.40 / 17.20 18.00 / 18.20
BGRIM ขายที่แนวต้าน 29.00-29.50 แนวรับ 27.00 27.50 / 27.00 29.00 / 29.50
PTTEP สัญญาณฟื้นตัว แนวโน้มขึ้นทดสอบ 89.00 และ 90.00 แนวรับ 86.50 86.75 / 86.50 88.00 / 89.00
CPALL สัญญาณฟื้นตัว แนวต้าน 72.00 แนวรับ 70.00 70.50 / 70.00 71.50 / 72.00
PTT Exploration & Production (PTTEP TB; THB 86.75) – ซื้อ
แนวต้าน : 89.00 และ 90.00
แนวรับ : 86.75 และ 86.50
PTT แนวโน้มขึ้นทดสอบ 420 และ 428 แนวรับสำคัญ 408 416 / 414 424 / 428
KBANK สัญญาณซื้อ แนวโน้มขึ้นทดสอบ 225 และ 227 แนวรับ 218 220 / 218 222 / 224
TTCL มีโอกาสฟื้นตัวที่แนวรับ 19.00-19.20 แนวต้าน 20.50 และ 20.80 19.20 / 19.00** 20.00 / 20.50
AOT แนวโน้มลงทดสอบ 56.00 แนวต้าน 58.50-59.00 57.50 / 57.00 58.50 / 59.00
BCPG แนวต้าน 24.00 แนวรับ 23.00 และ 22.50 23.20 / 23.0 23.80 / 24.00
ADVANC แนวโน้มลงทดสอบ 192 และ 190 แนวต้าน 195 192 / 190 194 / 195
BANPU สัญญาณฟื้นตัว แนวโน้มขึ้นทดสอบ 18.20 แนวรับ 17.40 17.40 / 17.20 18.00 / 18.20
BGRIM ขายที่แนวต้าน 29.00-29.50 แนวรับ 27.00 27.50 / 27.00 29.00 / 29.50
PTTEP สัญญาณฟื้นตัว แนวโน้มขึ้นทดสอบ 89.00 และ 90.00 แนวรับ 86.50 86.75 / 86.50 88.00 / 89.00
CPALL สัญญาณฟื้นตัว แนวต้าน 72.00 แนวรับ 70.00 70.50 / 70.00 71.50 / 72.00
PTT Exploration & Production (PTTEP TB; THB 86.75) – ซื้อ
แนวต้าน : 89.00 และ 90.00
แนวรับ : 86.75 และ 86.50
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับสำคัญของเส้นแนวโน้มขาขึ้นในระยาว ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นน่าจะมีโอกาสฟื้นตัวกลับขึ้นไป
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มลงปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มขึ้น RSI ปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 50
แนะนำซื้อ PTTEP โดยมีแนวรับที่ 86.75 และ 86.50 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 89.00 และ 90.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 85.00 ลงไป
KGI Securities (Thailand) (KGI TB; THB 4.48) – ซื้อ
แนวต้าน : 4.64 และ 4.74
แนวรับ : 4.48 และ 4.44
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ขึ้นไปได้ ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 70
แนะนำซื้อ KGI โดยมีแนวรับที่ 4.48 และ 4.44 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 4.64 และ 4.74 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 4.30 ลงไป
T
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มลงปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มขึ้น RSI ปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 50
แนะนำซื้อ PTTEP โดยมีแนวรับที่ 86.75 และ 86.50 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 89.00 และ 90.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 85.00 ลงไป
KGI Securities (Thailand) (KGI TB; THB 4.48) – ซื้อ
แนวต้าน : 4.64 และ 4.74
แนวรับ : 4.48 และ 4.44
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ขึ้นไปได้ ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 70
แนะนำซื้อ KGI โดยมีแนวรับที่ 4.48 และ 4.44 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 4.64 และ 4.74 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 4.30 ลงไป
T
rading Pick Follow up: แนวรับ แนวต้าน
FN ระยะสั้นขายที่แนวต้าน 6.30 แนวรับสำคัญ 5.60 5.90 / 5.80 6.20 / 6.30
SCI แนวโน้มขึ้นทดสอบ 8.00 และ 8.25 แนวรับสำคัญ 7.00 7.20 / 7.00** 7.50 / 7.80
TKS แนวโน้มขึ้นทดสอบ 17.00 และ 17.20 แนวรับสำคัญ 16.00 16.20 / 16.00 16.70 / 17.00
TACC แนวโน้มขึ้นทดสอบ 7.20 และ 7.40 แนวรับสำคัญ 6.50 6.70 / 6.50** 7.20 / 7.40
MINT แนวโน้มขึ้นทดสอบ 45.00 และ 46.00 แนวรับสำคัญ 41.00 43.00 / 42.75 44.50 / 45.00
S11 แนวโน้มขึ้นทดสอบ 9.20 และ 9.40 แนวรับสำคัญ 8.45 8.80 / 8.70 9.20 / 9.40
EPCO แนวโน้มขึ้นทดสอบ 7.50 และ 7.70 แนวรับสำคัญ 7.00 7.20 / 7.00 7.50 / 7.70
TNP แนวโน้มขึ้นทดสอบ 2.94 และ 3.00 แนวรับสำคัญ 2.70 2.80 / 2.74 2.94 / 3.00
FN ระยะสั้นขายที่แนวต้าน 6.30 แนวรับสำคัญ 5.60 5.90 / 5.80 6.20 / 6.30
SCI แนวโน้มขึ้นทดสอบ 8.00 และ 8.25 แนวรับสำคัญ 7.00 7.20 / 7.00** 7.50 / 7.80
TKS แนวโน้มขึ้นทดสอบ 17.00 และ 17.20 แนวรับสำคัญ 16.00 16.20 / 16.00 16.70 / 17.00
TACC แนวโน้มขึ้นทดสอบ 7.20 และ 7.40 แนวรับสำคัญ 6.50 6.70 / 6.50** 7.20 / 7.40
MINT แนวโน้มขึ้นทดสอบ 45.00 และ 46.00 แนวรับสำคัญ 41.00 43.00 / 42.75 44.50 / 45.00
S11 แนวโน้มขึ้นทดสอบ 9.20 และ 9.40 แนวรับสำคัญ 8.45 8.80 / 8.70 9.20 / 9.40
EPCO แนวโน้มขึ้นทดสอบ 7.50 และ 7.70 แนวรับสำคัญ 7.00 7.20 / 7.00 7.50 / 7.70
TNP แนวโน้มขึ้นทดสอบ 2.94 และ 3.00 แนวรับสำคัญ 2.70 2.80 / 2.74 2.94 / 3.00
Analysts :
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET…ปรับฐานลง
สำหรับปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตามในช่วงนี้ คือ 1) การประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 ของบริษัทจดทะเบียน หลังจากที่กลุ่มธนาคารได้มีการประกาศออกมาโดยรวมต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ก่อนหน้านี้แล้ว 2) ทิศทางค่าเงินบาท และ 3) มาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐโดยค่าเงินบาทเช้านี้เริ่มกลับมาแข็งค่า (จากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงหลังผิดหวังมาตรการภาษีอาจล่าช้า) หลังจากที่ก่อนหน้านี้อ่อนค่าลงมา 2สัปดาห์ต่อเนื่องจากการที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า นอกจากนั้นยังมาจากการที่ตัวเลขเศรษฐกิจของไทยเริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศและส่งออกที่ดีขึ้น จนกระทั่งเมื่อวานนี้ทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ออกมาปรับคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 60 เติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 3.8% จากเดิม 3.6% และปีหน้าคาดจะเติบโตอีก 3.8% จากปี 59 ที่เติบโต 3.2% หากค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าต่อเนื่องก็จะช่วยชะลอแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศได้ในช่วงนี้ ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐอย่างมาตรการลดหย่อนภาษีจากการท่องเที่ยวในประเทศยังไม่ได้มีการประกาศ แต่ยังคาดว่าจะมีอยู่และช่วยกระตุ้นการบริโภคจับจ่ายใช้สอยในช่วงปลายปีได้ ซึ่งจะช่วยหนุนกลุ่มโรงแรมและการท่องเที่ยว กลุ่มค้าปลีกได้
เมื่อวานนี้ มีการประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/60 ออกมา 3 บริษัทประกอบด้วย GLOW PSL และ VGI โดย GLOW ประกาศผลประกอบการออกมามีกำไร 2,410 ล้านบาท (+8.3% yoy, -15% qoq) ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ 12% โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 87.60 บาท ส่วน PSL ประกาศผลการดำเนินงานออกมาขาดทุน 174 ล้านบาท แย่กว่าที่ตลาดคาดว่าจะมีกำไร 43 ล้านบาท โดยBloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 13.17 บาทและ VGI ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 ออกมามีกำไร 201 ล้านบาท(+4.1% yoy, +15.4% qoq) โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 5.51 บาท และเช้านี้ HMPRO ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 ออกมามีกำไร 1,183 ล้านบาท (+25% yoy, +5% qoq) ดีกว่าที่ตลาดคาด 4% โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่12.17 บาท
ส่วนสัปดาห์นี้จะมีผลประกอบการทยอยประกาศออกมาอีก โดยวันที่ 1 พ.ย. คาดว่า SCC จะประกาศกำไร 13,658 ล้านบาท (-3.1% yoy,+3.1% qoq) โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 569.31 บาท, THCOM คาดว่าจะมีกำไร 25 ล้านบาท (-94.1% yoy, -88%qoq) โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 18.79 บาท, GLOBAL คาดว่าจะมีกำไร 348 ล้านบาท (+22.5% yoy, -19.4% qoq)โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 16.60 บาท ส่วนวันที่ 2 พ.ย. ตลาดคาดว่า PTTEP จะประกาศกำไรปกติออกมา 5,247 ล้านบาท (-3.7% yoy, -30.4% qoq) แต่หากรวมการตั้งสำรองโครงการ Oil sand 550 ล้านเหรียญก็จะรายงานขาดทุน โดย Bloomberg consensusให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 98.44 บาท, ADVANC คาดว่าจะรายงานกำไร 7,495 ล้านบาท (+15% yoy, +4% qoq) โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 203.57 บาท
ปัจจัยในต่างประเทศในสัปดาห์นี้ที่ต้องจับตาประกอบด้วย 1) การประชุมเฟดในวันที่ 31 ต.ค. – 1 พ.ย. 2) การเลือกตั้งประธานเฟด และ 3)แผนปฎิรูปภาษีของสหรัฐ โดยการประชุมเฟดในวันนี้คาดว่า เฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.25% และน่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งที่ 3 ในการประชุมเดือนธ.ค. อย่างที่เฟดเคยให้ forward guidance ไว้แล้วว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ โดยหากเป็นไปตามคาดก็ไม่น่ามีผลกระทบกับตลาดหุ้นแต่หากเฟดมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ก็อาจส่งผลลบกับตลาดได้ ส่วนการเลือกตั้งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่คาดว่าจะมีการประกาศภายในวันที่ 3 พ.ย. ล่าสุดตลาดคาดว่านาย Jerome Powell จะได้รับเลือกเป็นประธานเฟดคนใหม่ โดยตลาดน่าจะตอบรับในเชิงบวกเนื่องจากนาย Powell มีนโยบายผ่อนปรนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามแผนการปฎิรูปภาษีที่ล่าช้าอาจเป็นปัจจัยฉุดตลาดหุ้นทั่วโลกได้หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตลาดคาดว่าจะมีการเปิดเผยร่างแผนปฎิรูปภาษีได้ภายในวันที่ 1 พ.ย.และคาดว่าจะผ่านร่างกฎหมายได้ภายในวันที่ 23 พ.ย. นี้
วันนี้คาดว่าตลาดจะมีการปรับฐานลง จากความวิตกสหรัฐอาจปรับลดภาษีล่าช้ากว่าคาด โดยเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อรายงานข่าวที่ว่า การปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลของสหรัฐอาจดำเนินไปอย่างล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยแผนดังกล่าวซึ่งขณะนี้กำลังมีการหารือกันในสภาผู้เทนราษฎรสหรัฐนั้น จะส่งผลให้อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลแตะระดับ 20% ในปี 2565 หรือใช้เวลาอีก 5 ปีกว่าจะลดลงสู่ระดับดังกล่าว นอกจากนี้รายงานยังระบุว่า แผนดังกล่าวยังไม่ได้ข้อยุติในขณะนี้ ก่อนหน้านี้ ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า การปรับลดอัตราภาษีจะเกิดขึ้นในไม่ช้า หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรให้การอนุมัติงบประมาณปี 2561 ที่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาก่อนหน้านี้ ดังนั้นคาดว่าวันนี้ตลาดจะเปิดมาในแดนลบและมีแรงขายทำกำไรออกมาต่อเนื่อง โดยเราให้แนวรับที่ 1711-1704 จุดและแนวต้านที่ 1720-1723 จุดแนะนำ ซื้อเก็งกำไร ADVANC CPF LPN SPA
SET…ปรับฐานลง
สำหรับปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตามในช่วงนี้ คือ 1) การประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 ของบริษัทจดทะเบียน หลังจากที่กลุ่มธนาคารได้มีการประกาศออกมาโดยรวมต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ก่อนหน้านี้แล้ว 2) ทิศทางค่าเงินบาท และ 3) มาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐโดยค่าเงินบาทเช้านี้เริ่มกลับมาแข็งค่า (จากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงหลังผิดหวังมาตรการภาษีอาจล่าช้า) หลังจากที่ก่อนหน้านี้อ่อนค่าลงมา 2สัปดาห์ต่อเนื่องจากการที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า นอกจากนั้นยังมาจากการที่ตัวเลขเศรษฐกิจของไทยเริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศและส่งออกที่ดีขึ้น จนกระทั่งเมื่อวานนี้ทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ออกมาปรับคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 60 เติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 3.8% จากเดิม 3.6% และปีหน้าคาดจะเติบโตอีก 3.8% จากปี 59 ที่เติบโต 3.2% หากค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าต่อเนื่องก็จะช่วยชะลอแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศได้ในช่วงนี้ ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐอย่างมาตรการลดหย่อนภาษีจากการท่องเที่ยวในประเทศยังไม่ได้มีการประกาศ แต่ยังคาดว่าจะมีอยู่และช่วยกระตุ้นการบริโภคจับจ่ายใช้สอยในช่วงปลายปีได้ ซึ่งจะช่วยหนุนกลุ่มโรงแรมและการท่องเที่ยว กลุ่มค้าปลีกได้
เมื่อวานนี้ มีการประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/60 ออกมา 3 บริษัทประกอบด้วย GLOW PSL และ VGI โดย GLOW ประกาศผลประกอบการออกมามีกำไร 2,410 ล้านบาท (+8.3% yoy, -15% qoq) ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ 12% โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 87.60 บาท ส่วน PSL ประกาศผลการดำเนินงานออกมาขาดทุน 174 ล้านบาท แย่กว่าที่ตลาดคาดว่าจะมีกำไร 43 ล้านบาท โดยBloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 13.17 บาทและ VGI ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 ออกมามีกำไร 201 ล้านบาท(+4.1% yoy, +15.4% qoq) โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 5.51 บาท และเช้านี้ HMPRO ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 ออกมามีกำไร 1,183 ล้านบาท (+25% yoy, +5% qoq) ดีกว่าที่ตลาดคาด 4% โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่12.17 บาท
ส่วนสัปดาห์นี้จะมีผลประกอบการทยอยประกาศออกมาอีก โดยวันที่ 1 พ.ย. คาดว่า SCC จะประกาศกำไร 13,658 ล้านบาท (-3.1% yoy,+3.1% qoq) โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 569.31 บาท, THCOM คาดว่าจะมีกำไร 25 ล้านบาท (-94.1% yoy, -88%qoq) โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 18.79 บาท, GLOBAL คาดว่าจะมีกำไร 348 ล้านบาท (+22.5% yoy, -19.4% qoq)โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 16.60 บาท ส่วนวันที่ 2 พ.ย. ตลาดคาดว่า PTTEP จะประกาศกำไรปกติออกมา 5,247 ล้านบาท (-3.7% yoy, -30.4% qoq) แต่หากรวมการตั้งสำรองโครงการ Oil sand 550 ล้านเหรียญก็จะรายงานขาดทุน โดย Bloomberg consensusให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 98.44 บาท, ADVANC คาดว่าจะรายงานกำไร 7,495 ล้านบาท (+15% yoy, +4% qoq) โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 203.57 บาท
ปัจจัยในต่างประเทศในสัปดาห์นี้ที่ต้องจับตาประกอบด้วย 1) การประชุมเฟดในวันที่ 31 ต.ค. – 1 พ.ย. 2) การเลือกตั้งประธานเฟด และ 3)แผนปฎิรูปภาษีของสหรัฐ โดยการประชุมเฟดในวันนี้คาดว่า เฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.25% และน่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งที่ 3 ในการประชุมเดือนธ.ค. อย่างที่เฟดเคยให้ forward guidance ไว้แล้วว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ โดยหากเป็นไปตามคาดก็ไม่น่ามีผลกระทบกับตลาดหุ้นแต่หากเฟดมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ก็อาจส่งผลลบกับตลาดได้ ส่วนการเลือกตั้งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่คาดว่าจะมีการประกาศภายในวันที่ 3 พ.ย. ล่าสุดตลาดคาดว่านาย Jerome Powell จะได้รับเลือกเป็นประธานเฟดคนใหม่ โดยตลาดน่าจะตอบรับในเชิงบวกเนื่องจากนาย Powell มีนโยบายผ่อนปรนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามแผนการปฎิรูปภาษีที่ล่าช้าอาจเป็นปัจจัยฉุดตลาดหุ้นทั่วโลกได้หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตลาดคาดว่าจะมีการเปิดเผยร่างแผนปฎิรูปภาษีได้ภายในวันที่ 1 พ.ย.และคาดว่าจะผ่านร่างกฎหมายได้ภายในวันที่ 23 พ.ย. นี้
วันนี้คาดว่าตลาดจะมีการปรับฐานลง จากความวิตกสหรัฐอาจปรับลดภาษีล่าช้ากว่าคาด โดยเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อรายงานข่าวที่ว่า การปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลของสหรัฐอาจดำเนินไปอย่างล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยแผนดังกล่าวซึ่งขณะนี้กำลังมีการหารือกันในสภาผู้เทนราษฎรสหรัฐนั้น จะส่งผลให้อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลแตะระดับ 20% ในปี 2565 หรือใช้เวลาอีก 5 ปีกว่าจะลดลงสู่ระดับดังกล่าว นอกจากนี้รายงานยังระบุว่า แผนดังกล่าวยังไม่ได้ข้อยุติในขณะนี้ ก่อนหน้านี้ ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า การปรับลดอัตราภาษีจะเกิดขึ้นในไม่ช้า หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรให้การอนุมัติงบประมาณปี 2561 ที่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาก่อนหน้านี้ ดังนั้นคาดว่าวันนี้ตลาดจะเปิดมาในแดนลบและมีแรงขายทำกำไรออกมาต่อเนื่อง โดยเราให้แนวรับที่ 1711-1704 จุดและแนวต้านที่ 1720-1723 จุดแนะนำ ซื้อเก็งกำไร ADVANC CPF LPN SPA
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,724.93 จุด เพิ่มขึ้น 6.27 จุด (+0.36%) มูลค่าการซื้อขาย26,631.78 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้น โดยมีแรงหนุนในกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันปรับขึ้น และเก็งกำไรในหุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการ Q3/60 ออกมาดี ด้านตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่แกว่งบวก-ลบ ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย หลังตัวเลข PMIภาคการผลิตของจีนปรับตัวลง ติดตามว่าที่ประธานเฟดคนใหม่ และความคืบหน้านโยบายการปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย ลุ้นทดสอบ 1730 จุด สัญญาณการเก็งกำไรกลับมาเป็นบวกต่อเนื่อง หลังจากที่ SET Index สามารถทะลุระดับ 1720 จุดขึ้นมาได้ ซึ่งหากสามารถปิดเหนือระดับดังกล่าวได้ในวันนี้ ทางเทคนิคมองว่ามีโอกาสที่ SET Index จะเข้าทดสอบHigh เดิมที่ 1730 จุด และหากสามารถทะลุขึ้นไปได้ จะสามารถเริ่มมองกรอบแนวต้านถัดไปที่ 1750-1770 จุด ทางพื้นฐานตลาดยังคงจับตาไปที่การรายงานผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 หากออกมาดีจะสนับสนุนการดีดตัวขึ้นของ SET ได้ต่อเนื่อง กลยุทธ์เน้นเก็งกำไรตามในหุ้นกลุ่มนำตลาด แนะนำ PTT AOT IVL IRPC ADVANC
Technical Pick (PM) ...
Amanah Leasing (AMANAH TB; THB 1.57) – ซื้อ
Siam Wellness Group (SPA TB; THB 16.20) – ซื้อ
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,724.93 จุด เพิ่มขึ้น 6.27 จุด (+0.36%) มูลค่าการซื้อขาย26,631.78 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้น โดยมีแรงหนุนในกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันปรับขึ้น และเก็งกำไรในหุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการ Q3/60 ออกมาดี ด้านตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่แกว่งบวก-ลบ ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย หลังตัวเลข PMIภาคการผลิตของจีนปรับตัวลง ติดตามว่าที่ประธานเฟดคนใหม่ และความคืบหน้านโยบายการปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย ลุ้นทดสอบ 1730 จุด สัญญาณการเก็งกำไรกลับมาเป็นบวกต่อเนื่อง หลังจากที่ SET Index สามารถทะลุระดับ 1720 จุดขึ้นมาได้ ซึ่งหากสามารถปิดเหนือระดับดังกล่าวได้ในวันนี้ ทางเทคนิคมองว่ามีโอกาสที่ SET Index จะเข้าทดสอบHigh เดิมที่ 1730 จุด และหากสามารถทะลุขึ้นไปได้ จะสามารถเริ่มมองกรอบแนวต้านถัดไปที่ 1750-1770 จุด ทางพื้นฐานตลาดยังคงจับตาไปที่การรายงานผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 หากออกมาดีจะสนับสนุนการดีดตัวขึ้นของ SET ได้ต่อเนื่อง กลยุทธ์เน้นเก็งกำไรตามในหุ้นกลุ่มนำตลาด แนะนำ PTT AOT IVL IRPC ADVANC
Technical Pick (PM) ...
Amanah Leasing (AMANAH TB; THB 1.57) – ซื้อ
Siam Wellness Group (SPA TB; THB 16.20) – ซื้อ
Analysts :
Kitichan Sirisukarcha +66(2) 761 9232 – [email protected]
Teerawut Kanniphakul +66(2) 761 9233 – [email protected]
Line ID : @CIMBS Youtube : CIMBS
OO1747
Kitichan Sirisukarcha +66(2) 761 9232 – [email protected]
Teerawut Kanniphakul +66(2) 761 9233 – [email protected]
Line ID : @CIMBS Youtube : CIMBS
OO1747