- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 31 October 2017 17:02
- Hits: 3117
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ระวังความผันผวนหลังการตั้งประธานเฟดและเปิดเผยรายละเอียดการปฏิรูปภาษี
หุ้นไทยผันผวนโดยลดลงต่ำสุด 1704 จุด (-11.86 จุด) ก่อนกลับมาปิด 1718 จุด (+2.63 จุด) โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องอีก 3,192 ล้านบาท ตลาดยังมีโอกาสแกว่งตัวขึ้น (sideway up) ทดสอบ 1730-1750 จุด แต่ความผันผวนในกรอบกว้างระหว่างวันและการขายสุทธิต่อเนื่องของต่างชาติแสดงถึงตลาดที่เปราะบางลง โดยนักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังความผันผวนแบบ sell on fact หลังการประกาศรายชื่อประธานเฟดคนใหม่ รวมถึงรายละเอียดแผนปฏิรูปภาษีที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ เรามองการปรับขึ้นเป็นโอกาสเปลี่ยนตัว (switching) จากโรงกลั่น สู่กลุ่มพลังงานต้นน้ำและปิโตรเคมีที่จะเด่นกว่า (PTT, PTTGC, IVL) ขณะเดียวกันหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการบริโภค ทั้งการเงินที่ยังไม่แพงและค้าปลีก ยังมีแนวโน้มที่น่าสนใจ (TK, S11*, MAKRO*, PM*, MC*)
Investment Theme 1) หุ้นที่ยังมีการถือครองน้อย อาทิ PRM*, SSP* 2) หุ้นใหญ่พลังงาน-ปิโตร PTT, PTTGC, IVL 3) หุ้นเก็งกำไรที่น่าสนใจ AMANAH*, AQUA*, BEC*, ZIGA*, AGE*, TMILL*, SGF*, BFIT*, AMATA, KCAR*, PTL*, FN*, CHG*, TK, MC*, PM*, TACC*, TIP*
ภาพรวมกลยุทธ์: เรายังคงแนะนำเก็งกำไรเป็นในเชิงตั้งรับ (ไม่ไล่ราคา/ซื้อแนวรับ/ตั้ง stop loss) และกลยุทธ์การลงทุนเน้นเลือกหุ้นรายตัว // หุ้นแนะนำ AGE*, TIP*, PTT, IVL
แนวรับ : 1711 / แนวต้าน : 1722-1730 จุด สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%
ระวังความผันผวนหลังการตั้งประธานเฟดและเปิดเผยรายละเอียดการปฏิรูปภาษี
หุ้นไทยผันผวนโดยลดลงต่ำสุด 1704 จุด (-11.86 จุด) ก่อนกลับมาปิด 1718 จุด (+2.63 จุด) โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องอีก 3,192 ล้านบาท ตลาดยังมีโอกาสแกว่งตัวขึ้น (sideway up) ทดสอบ 1730-1750 จุด แต่ความผันผวนในกรอบกว้างระหว่างวันและการขายสุทธิต่อเนื่องของต่างชาติแสดงถึงตลาดที่เปราะบางลง โดยนักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังความผันผวนแบบ sell on fact หลังการประกาศรายชื่อประธานเฟดคนใหม่ รวมถึงรายละเอียดแผนปฏิรูปภาษีที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ เรามองการปรับขึ้นเป็นโอกาสเปลี่ยนตัว (switching) จากโรงกลั่น สู่กลุ่มพลังงานต้นน้ำและปิโตรเคมีที่จะเด่นกว่า (PTT, PTTGC, IVL) ขณะเดียวกันหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการบริโภค ทั้งการเงินที่ยังไม่แพงและค้าปลีก ยังมีแนวโน้มที่น่าสนใจ (TK, S11*, MAKRO*, PM*, MC*)
Investment Theme 1) หุ้นที่ยังมีการถือครองน้อย อาทิ PRM*, SSP* 2) หุ้นใหญ่พลังงาน-ปิโตร PTT, PTTGC, IVL 3) หุ้นเก็งกำไรที่น่าสนใจ AMANAH*, AQUA*, BEC*, ZIGA*, AGE*, TMILL*, SGF*, BFIT*, AMATA, KCAR*, PTL*, FN*, CHG*, TK, MC*, PM*, TACC*, TIP*
ภาพรวมกลยุทธ์: เรายังคงแนะนำเก็งกำไรเป็นในเชิงตั้งรับ (ไม่ไล่ราคา/ซื้อแนวรับ/ตั้ง stop loss) และกลยุทธ์การลงทุนเน้นเลือกหุ้นรายตัว // หุ้นแนะนำ AGE*, TIP*, PTT, IVL
แนวรับ : 1711 / แนวต้าน : 1722-1730 จุด สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%
ประเด็นการลงทุน
โภคภัณฑ์ – ราคาน้ำมันปรับขึ้นรับปัจจัยหนุนจากความเป็นไปได้ที่กลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่จะบรรลุข้อตกลงในการขยายช่วงเวลาการปรับลดกำลังการผลิตออกไปจนถึงสิ้นปีหน้า / ราคาโลหะและสินค้าเษตรทรงตัว / ค่าระวางเรือ (BDI) ปิดที่ 1,534 จุด (-0.78%) / ถ่านหิน Newcastle ปิดที่ 97.45 เหรียญต่อตัน
ความเชื่อมั่นต่อนโยบายปฏิรูปภาษีลดลง – อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ของสหรัฐฯ (หุ้น + พันธบัตร) ปรับตัวลงตามความคาดหวังต่อการดำเนินนโยบายปรับลดภาษีของรัฐบาลสหรัฐที่ลดลง หลังแหล่งข่าวระบุว่าแผนปฏิรูปภาษีดังกล่าวอาจไม่ได้เกิดขึ้นรวดเร็วตามคาดแต่จะเป็นไปในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ตามข้อมูลล่าสุดระบุว่าอาจต้องใช้ระยะเวลาถึง 5 ปีในการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลให้ถึงระดับเป้าหมายที่วางไว้ที่ 20%
เงินเฟ้อสหรัฐฯขยายตัว – การใช้จ่ายผู้บริโภคของสหรัฐฯเดือน ก.ย. สูงกว่าคาด โดยปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 8 ปี จากแรงหนุนคำสั่งซื้อรถยนต์เพื่อทดแทนความเสียหายที่เกิดขึ้นจากผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนในช่วงก่อนหน้านี้
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง – สศค.ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจไทย (GDP) ปี 60 ขึ้นเป็น 3.8% (ช่วงคาดการณ์ 3.6-4.0%) จากระดับเดิมที่ 3.6% รับอาณิสงค์หลักจากภาคการส่งออกที่ขยายตัวในระดับสูง (ทั้งปีคาด +8.5%), การลงทุนภาคเอกชนที่ส่งสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน สอดคล้องกับการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ปี 61 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องที่ระดับ 3.8% (ช่วงคาดการณ์ 3.3-4.3%) โดยมีการใช้จ่ายภาครัฐฯเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ // สศก.ปรับเพิ่มแนวโน้มการเติบโตภาคเศรษฐกิจการเกษตรปี 60 ขึ้นเป็น 3.0-4.0% จากเดิมที่ 2.5-3.5% หลัง 1H60 ขยายตัวสูง
คนไทยแห่เที่ยวนอกปลายปี – TTAA ระบุ คนไทยมีแนวโน้มเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.สูง วัดจากยอดการจองแพ็กเกจทัวร์ผ่านสมาชิกสมาคม ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นกว่า 10% โดยเฉพาะเส้นทางญี่ปุ่น
โภคภัณฑ์ – ราคาน้ำมันปรับขึ้นรับปัจจัยหนุนจากความเป็นไปได้ที่กลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่จะบรรลุข้อตกลงในการขยายช่วงเวลาการปรับลดกำลังการผลิตออกไปจนถึงสิ้นปีหน้า / ราคาโลหะและสินค้าเษตรทรงตัว / ค่าระวางเรือ (BDI) ปิดที่ 1,534 จุด (-0.78%) / ถ่านหิน Newcastle ปิดที่ 97.45 เหรียญต่อตัน
ความเชื่อมั่นต่อนโยบายปฏิรูปภาษีลดลง – อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ของสหรัฐฯ (หุ้น + พันธบัตร) ปรับตัวลงตามความคาดหวังต่อการดำเนินนโยบายปรับลดภาษีของรัฐบาลสหรัฐที่ลดลง หลังแหล่งข่าวระบุว่าแผนปฏิรูปภาษีดังกล่าวอาจไม่ได้เกิดขึ้นรวดเร็วตามคาดแต่จะเป็นไปในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ตามข้อมูลล่าสุดระบุว่าอาจต้องใช้ระยะเวลาถึง 5 ปีในการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลให้ถึงระดับเป้าหมายที่วางไว้ที่ 20%
เงินเฟ้อสหรัฐฯขยายตัว – การใช้จ่ายผู้บริโภคของสหรัฐฯเดือน ก.ย. สูงกว่าคาด โดยปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 8 ปี จากแรงหนุนคำสั่งซื้อรถยนต์เพื่อทดแทนความเสียหายที่เกิดขึ้นจากผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนในช่วงก่อนหน้านี้
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง – สศค.ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจไทย (GDP) ปี 60 ขึ้นเป็น 3.8% (ช่วงคาดการณ์ 3.6-4.0%) จากระดับเดิมที่ 3.6% รับอาณิสงค์หลักจากภาคการส่งออกที่ขยายตัวในระดับสูง (ทั้งปีคาด +8.5%), การลงทุนภาคเอกชนที่ส่งสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน สอดคล้องกับการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ปี 61 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องที่ระดับ 3.8% (ช่วงคาดการณ์ 3.3-4.3%) โดยมีการใช้จ่ายภาครัฐฯเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ // สศก.ปรับเพิ่มแนวโน้มการเติบโตภาคเศรษฐกิจการเกษตรปี 60 ขึ้นเป็น 3.0-4.0% จากเดิมที่ 2.5-3.5% หลัง 1H60 ขยายตัวสูง
คนไทยแห่เที่ยวนอกปลายปี – TTAA ระบุ คนไทยมีแนวโน้มเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.สูง วัดจากยอดการจองแพ็กเกจทัวร์ผ่านสมาชิกสมาคม ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นกว่า 10% โดยเฉพาะเส้นทางญี่ปุ่น
เกาหลี ได้รับความนิยมสูงสุด มียอดการจองเดือน พ.ย. เต็ม 100%
ประเด็นติดตาม: 31 ต.ค. – ประชุม BOJ / 1 พ.ย. – ประชุม FOMC, ประกาศงบ SCC / 2 พ.ย. – ประชุม BOE, ประกาศงบ ADVANC, PTTEP / 3 พ.ย. – ประกาศงบ IRPC, INTUCH, IRPC, SPCG, SPRC
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)
รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นโดยข้อมูลเท่าที่ปรากฏและเชื่อว่าเป็นที่น่าเชื่อถือได้แต่ไม่ถือเป็นการยืนยันความถูกต้องและความสมบูรณ์ของข้อมูลนั้นๆ โดยบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้จัดทำขอสงวนสิทธ์ในการเปลี่ยนแปลงความเห็นหรือประมาณการณ์ต่างๆที่ปรากฏในรายงานฉบับนี้ โดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า รายงานฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน โดยไม่ได้เป็นการชี้นำชักชวนให้นักลงทุนทำการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ หรือตราสารทางการเงินใดๆ ที่ปรากฏในรายงาน
OO1749
ประเด็นติดตาม: 31 ต.ค. – ประชุม BOJ / 1 พ.ย. – ประชุม FOMC, ประกาศงบ SCC / 2 พ.ย. – ประชุม BOE, ประกาศงบ ADVANC, PTTEP / 3 พ.ย. – ประกาศงบ IRPC, INTUCH, IRPC, SPCG, SPRC
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)
รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นโดยข้อมูลเท่าที่ปรากฏและเชื่อว่าเป็นที่น่าเชื่อถือได้แต่ไม่ถือเป็นการยืนยันความถูกต้องและความสมบูรณ์ของข้อมูลนั้นๆ โดยบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้จัดทำขอสงวนสิทธ์ในการเปลี่ยนแปลงความเห็นหรือประมาณการณ์ต่างๆที่ปรากฏในรายงานฉบับนี้ โดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า รายงานฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน โดยไม่ได้เป็นการชี้นำชักชวนให้นักลงทุนทำการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ หรือตราสารทางการเงินใดๆ ที่ปรากฏในรายงาน
OO1749