- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 31 October 2017 17:02
- Hits: 3045
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
แกว่งขึ้นต่อ และน่าจะยังผันผวน
KGI คาด SET วันอังคารแกว่งขึ้นต่อ มีโอกาสสูงขึ้นที่ฟันด์โฟลว์จะกลับเข้าหุ้นไทยเร็วๆ นี้ + จิตวิทยาในประเทศแกร่ง (วานนี้ดัชนีฯ ผันผวนมาก กรอบการเทรดระหว่างวันกว้างถึง 19 จุด) เมื่อคืนนี้ค่าเงินดอลล่าร์ฯ และบอนด์ยิลด์ของสหรัฐฯ ปรับลง ตามข่าว i) บลูมเบิร์กรายงานอ้างแหล่งข่าวทำเนียบขาวว่าแผนลดภาษีของสหรัฐฯ จะดำเนินการอย่างช้าๆ และอาจใช้เวลาถึง 5 ปีที่จะทำให้อัตราภาษีนิติบุคคลสหรัฐฯ ลงสู่ 20% จากปัจจุบัน 35% ซึ่งหากเป็นจริงถือว่าการลดภาษีจะช้ากว่าที่ตลาดประเมินก่อนหน้านี้ เป็นลบต่อเงินดอลล่าร์ฯ ii) ตลาดการเงินเชื่อมั่นมากขึ้นว่า นายเจโรม พาวเวลล์ กรรมการเฟดชุดปัจจุบันจะได้รับเลือกเป็นประธานเฟดคนใหม่ สานต่อนโยบายจากคนปัจจุบัน ทั้งนี้ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติได้ปรับพอร์ตขายสุทธิหุ้นไทยไปแล้ว 1.39 หมื่นล้านบาท และเรามองว่าน่าจะพลิกกลับมาเป็นซื้อสุทธิได้ในภายในสัปดาห์หน้า (เช้านี้ค่าเงินบาทแข็งค่าแตะ 33.20 บาท) ด้านปัจจัยภายในเป็นบวกต่อเนื่อง สศค. ปรับเพิ่มเป้าจีดีพีปี 2560 จากเดิม 3.6% สู่ 3.8% ซึ่งเท่ากับประมาณการของนักเศรษฐศาสตร์ KGI และในช่วงบ่ายวันนี้ ทาง ธปท. จะรายงานตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ก.ย. ซึ่งจะชี้ทิศทางจีดีพีไตรมาส 3/2560 ของไทยที่จะรายงานในวันที่ 20 พ.ย. นี้ เบื้องต้นนักเศรษฐศาสตร์ของเราคาดจีดีพีไตรมาส 3/2560 เติบโตประมาณ 4.0% YoY เร่งตัวขึ้นจาก 3.7% YoY ในไตรมาส 2/2560 ที่ผ่านมา
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร BANPU*, KBANK*, ECF
BANPU* (เป้าพื้นฐาน 23.5 บาท) 1) ประเมินราคาหุ้น Laggard กลุ่มพลังงาน ขณะที่แนวโน้มกำไร 3Q60 ฝ่ายวิจัยฯคาดจะโตเด่น +3,489% YoY และ +11% QoQ เป็น 2.5 พันล้านบาท ขณะที่ล่าสุดราคาถ่านหิน Newcastle ยังทรงตัวสูงต่อเนื่อง (ล่าสุด 99.4 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน +ต่อเนื่อง 2.2% MTD) 2) ประเมินแนวรับ 17.3 บาท / แนวต้าน 18.1 บาท และ 18.6 บาท ตามลำดับ (Stop loss 16.9 บาท)
KBANK* (เป้าพื้นฐาน 250 บาท) 1) วานนี้ KBANK* แจ้งเป้าหมายทางการเงินปี 2561 ประเด็นที่น่าสนใจคือ i) อัตราการเติบโตของสินเชื่อ 5-7% (เทียบ 4-6% ปี 2560), ii) Credit cost 185 bps (เทียบกับ 200 – 225 bps ในปี 2560) ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานว่าผ่านจุดต่ำสุดในปีนี้แล้ว ตามภาวะเศรษฐกิจไทย 2) PBV ปี 2560 = 1.5 เท่า ใกล้เคียงกับ -1 Standard deviation ที่ 1.4 เท่า และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ 1.8 เท่า ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานพ้นจุดต่ำสุด 3) แนวรับ 218 บาท แนวต้าน 230 – 250 บาท (Stop loss 210 บาท)
ECF (ยังไม่มีเป้าหมาย Consensus) 1) ล่าสุดแจ้งการลงทุนธุรกิจผลิตแผ่นไม้เอ็มดีเอฟบอร์ด-ปาร์ติเกิลบอร์ด กำลังการผลิต 600 – 800 ลูกบาศก์เมตร/วัน (กำลังการผลิตใกล้เคียงกับ SKN ก่อน IPO) โดยคาดใช้เวลาลงทุนสร้างโรงงานราว 1 – 2 ปี เราประเมินเป็นการลงทุนแบบ Backward integration เพื่อป้อนวัตถุดิบให้กับธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ไม้ของ ECF และ บ.พันธมิตรที่ผลิตเฟอร์นิเจอร์ป้อน ECF เป็น Upside risk ต่ออัตรากำไร (ปัจจุบันอัตรากำไรสุทธิของ ECF เฉลี่ย +5% ต่อปี) ทำให้ตอนนี้ ECF กำลังจะมีสายธุรกิจไม้แบบครบวงจร (ผลิตไม้ เฟอร์นิเจอร์ไม้ โรงไฟฟ้าชีวมวล) 2) ประเมินแนวรับ 7.7 บาท และ 7.45 บาท / แนวต้าน 8 บาท และถัดไปที่ 8.5 บาท (กำหนด Stop loss ที่แนวรับหลัก Uptrend channel 6.2 บาท)
หุ้นในกระแส
กลุ่มสื่อ & Entertainment + ค้าปลีก: เราประเมินการจัดงานกิจกรรมต่างๆเพื่อกระตุ้นยอดขาย จะฟื้นตัวเด่นในช่วงปลายปีนี้ – 1Q60 โดยเราประเมินหุ้นที่ยัง Laggard ในกลุ่มสื่อฯ ที่น่าสนใจได้แก่ MATCH, CMO, MAJOR* และหุ้นกลุ่มค้าปลีก แนะนำ “ซื้อ” COM7*, CPALL*
หุ้นมีข่าว
(+) บอร์ด AOT* ได้ข้อสรุปอนุมัติให้กลุ่ม IRTV เป็นผู้ชนะการประมูลงานโครงการจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) วงเงิน 2.99 พันล้านบาท รวมทั้งยังเตรียมเสนอกระทรวงคมนาคมขอบริหารสนามบินเพิ่มเติมอีก 15-29 สนามบินในอนาคต (กรุงเทพธุรกิจ) เราเห็นว่า พัฒนาการด้านบวกของการดำเนินโครงการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 เป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยโครงการ APM จัดเป็นโครงการลำดบที่ 5 จากทั้งหมด 7 โครงการที่มีส่วนของการประมูลงานทั้งหมด โดยโครงการดังกล่าวได้ข้อสรุปด้วยราคาที่เหมาะสมในขณะนี้ ส่วนการเตรียมการขอบริหารสนามบินเพิ่มเติมจากกระทรวงคมนาคม เราเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ AOT ในด้านความเชื่อมโยงระหว่างสนามบินในระยะยาว (ปัจจุบัน AOT บริหาร 6 สนามบิน) ซึ่งคาดว่าจะเป็นโอกาสทางธุรกิจส่วนเพิ่ม เรายังคงแนะนำซื้อ AOT โดยมีราคาเป้าหมายเท่ากับ 62.70 บาท
(+) เมื่อวานนี้ บริษัท Star Petroleum Refining (SPRC.BK / SPRC TB)* แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า บริษัทได้กลับมาเดินกำลังการผลิตของหน่วย Residency Fluidized Catalytic Cracking Unit (RFCCU) ตามปกติในวันที่ 30 ต.ค. (SET) Comment หน่วย RFCCU ของ SPRC มีกำลังการผลิต 41KBD ซึ่งเป็นหน่วยที่ผลิตน้ำมันเบนซินส่วนใหญ่ มีการปิดบำรุงชั่วคราวเป็นเวลา 20 วันในเดือนตุลาคม ปัญหาที่พบว่าผลิตภัณฑ์จากหน่วย RFCCU ของ SPRC ไม่เป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพก่อนหน้านี้ ได้ถูกรับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทประเมินว่าผลกระทบจากการปิดซ่อมบำรุงหน่วย RFCCU ประมาณ 600 ล้านบาทของกำไรขั้นต้น ซึ่งคิดเป็น 6% ของประมาณการกำไรขั้นต้นของเรา อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าผลการดำเนินงานที่ดีในไตรมาส 3Q17 จะชดเชยกำไรที่หายไปเล็กน้อยจากการปิดซ่อมบำรุงหน่วย RFCCU ครั้งนี้ ดังนั้นเราจึงยังคงประมาณการกำไรในปี 2560 และเราคงคำแนะนำ "ถือ" ด้วยราคาเป้าหมายเดิมที่ 16.50 บาท ในขณะที่เราแนะนำให้ปรับเปลี่ยนไปซื้อหุ้น Top Pick ของเราได้แก่ IRPC (IRPC.BK / IRPC TB)* และ Bangchak Corporation (BCP.BK / BCP TB)*
(+) TTCL จ่อระดมทุนหมื่นล้าน ลงทุนโรงไฟฟ้า 1,280 MW (ข่าวหุ้น) TTCL เล็งเพิ่มทุน-ขายไอพีโอบริษัทย่อย-ดึงพันธมิตรญี่ปุ่นร่วมทุน-ตั้งอินฟราฯฟันด์ เพื่อระดมทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท รองรับลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหินเมียนมา 1,280 เมกะวัตต์ คาดสตาร์ทการก่อสร้างไตรมาส 4/60 และจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบปี 67
(+) EPCO ส่งซิกผลงาน Q3 แจ่ม เล็งนำ EP เข้าตลาดหุ้น ยื่นไฟลิ่งปลายปีนี้ (ข่าวหุ้น) “EPCO” แย้มผลงานไตรมาส 3/60 สวย อานิสงส์ธุรกิจไฟฟ้า-สิ่งพิมพ์เติบโต พร้อมนำ EP เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมยื่นไฟลิ่งปลายปีนี้ เพื่อรองรับแผนขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ
(+) IFA แนะนำผู้ถือหุ้น LPH โหวต อนุมัติแผนขายที่ดินลาดพร้าว (ข่าวหุ้น) IFA แนะผู้ถือหุ้น LPH โหวตอนุมัติแผนขายที่ดินย่านลาดพร้าวมูลค่ารวม 191 ล้านบาท หนุนบริษัทบุ๊คกำไรพิเศษ 86 ล้านบาท กำหนดเปิดประชุมวิสามัญขอผู้ถือหุ้นพิจารณาภายใน 13 พ.ย.นี้
(+) MAJOR* ลั่นยอดขายตั๋วหนังโต 20% อัดแคมเปญ Year of Marvel จ่อคิวฉาย 4 เรื่อง (ข่าวหุ้น) MAJOR มั่นใจยอดขายตั๋วหนังปี 60 พุ่ง 15-20% คาดยอดผู้เข้าชมโต 10% หลังเปิดโรงหนังในภูมิภาคกว่า 10 สาขา หนังรอฉายกว่า 30 เรื่อง ล่าสุดส่งแคมเปญ Year of Marvel at Major Cineplex วางคิวฉายหนังฟอร์มยักษ์ 4 เรื่อง
(+) RCL ทุ่ม 1.3 พันล. ต่อเรือเพิ่ม 2 ลำ ธุรกิจสู่ไฮซีซัน (ทันหุ้น) RCL ทำสัญญาต่อเรือใหม่ 2 ลำ มูลค่ารวม 39.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.3 พันล้านบาท ทดแทนเรือเก่าของกลุ่ม เสริมศักยภาพกองเรือในการให้บริการพร้อมรับมอบปี 2562 ขณะที่แหล่งเงินทุนมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทและเงินกู้
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
EASON (เป้า Consensus 4.5 บาท) แนะนำ “ถือ” และรอซื้อเพิ่มเมื่อผ่านแนวต้าน 3.78 บาท ได้ ประเมินแนวต้านถัดไป 4.08 บาท (Stop loss 3.5 บาท)
ECL (เป้าพื้นฐาน 4.1 บาท ... เป้า Consensus 4.6 บาท) ประเมินแนวรับ 3.96 บาท / แนวต้าน 4.22 บาท และ 4.8 บาท ตามลำดับ (Stop loss 3.84 บาท)
COM7* (เป้า Consensus 14.9 บาท … สูงสุด 17.5 บาท) ประเมินแนวรับ 15.3 บาท และ 15.0 บาท / แนวต้าน 17 บาท (Trailing stop 14.9 บาท) ... ประเมิน Consensus มีโอกาสทยอย upgrade ราคาเป้าหมายและคำแนะนำขึ้นต่อเนื่อง หลังงบ 3Q60
AMA (เป้าพื้นฐาน 20.1 บาท) แนะนำ “ถือ” และรอซื้อเพิ่มเมื่อผ่านแนวต้าน 17.8 บาทได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 19.3 บาท แนวรับ 16.5 บาท (Stop loss 16.5 บาท)
CPALL* (เป้าพื้นฐาน 77 บาท) ประเมินแกว่งตัวในกรอบ 68.5 – 72 บาท แนะนำ “เก็งกำไร” ในกรอบฯ
KTC* (เป้า Consensus 135.5 บาท) ประเมินแกว่งตัวในกรอบ 131 – 142 บาท แนะนำ “เก็งกำไร” ในกรอบฯ
THE (ยังไม่มีเป้า Consensus) ยืนเหนือแนวราคา 5 บาทได้ แนะนำ “Let profit run” / แต่หากต่ำกว่า 5 บาท แนะนำ “ขายล๊อกกำไร”
BBL* (เป้าพื้นฐาน 220 บาท) ประเมินแนวรับ 188 บาท แนวต้าน 198 บาท (Stop loss 186 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
KBANK* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 250 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ มุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีหน้า (ตามคาด) และจากเทรนด์ Digital banking ประเมินว่า KBANK* มีศักยภาพเด่นสุดในกลุ่มฯ และยังมี Upside ในประเด็นเรื่องต้นทุน (Credit cost และ Cost/income ratio) ที่อาจต่ำกว่าคาด
กลุ่มรับเหมาฯ น้ำหนักการลงทุน “มากกว่าตลาดฯ” ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินกำไรสุทธิรวมของกลุ่มฯจะเติบโต +9% YoY แต่ลดลง -19% QoQ โดยหุ้นกลุ่ม Subcontractors คาดจะมีผลการดำเนินงานที่เด่นกว่า ผู้รับเหมาฯหลัก คาด CK* และ SEAFCO จะกำไรโตเด่น YoY และQoQ / STEC* และ UNIQ* คาดกำไรทรงตัว / ขณะที่คาด PYLON จะรายงานกำไรลดลง YoY แต่ฟื้นตัว QoQ ฝ่ายวิจัยฯเลือก STEC* และ PYLON เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มฯ
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- นัยต้าน 1720 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นปิดเหนือนัยต้าน 1720 จุดนั้น อาจทรงราคาขึ้นในกรอบ 1720-1730 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงปิดเหนือนัยรับ 1716 จุดนั้น อาจทรงราคาลงในกรอบ 1716-1694 จุด
แนวรับวันนี้: 1716/1702 แนวต้านวันนี้: 1720/1729
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
อดิศักดิ์ คำมูล
66.2658.8888 ต่อ 8843
[email protected]
OO1745