- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 31 October 2017 16:44
- Hits: 3201
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้
Selective Buy
Smart Pick
1. สะสม MINT : ราคาปิด 43.25 บาท ราคาเหมาะสม 52.50 บาท
a) คาดกำไรปกติ 3Q60 ที่ 1.04 พันล้านบาท เติบโต +16% YoY และ +42% QoQ จากแรงหนุนของโรงแรมในต่างประเทศ หลังเสร็จสิ้นการ Renovate โรงแรม Tivoli ในโปรตุเกส จึงได้ประโยชน์เต็มที่จากการปรับขึ้นค่าห้องพัก และเข้าสู่ High Season ของโรงแรมในยุโรป
b) แนวโน้มผลประกอบการ 4Q60 จะขยายตัวทั้ง YoY และ QoQ เป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 2560 เนื่องจากธุรกิจโรงแรมในประเทศเข้าสู่ High Season และภาคบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวจะช่วยหนุนธุรกิจอาหารให้ SSG พลิกกลับเป็นบวกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ไตรมาส
c) ราคาหุ้นยัง Laggard โดย YTD ปรับตัวขึ้นเพียง +14% เทียบกับ ERW และ CENTEL ที่เพิ่มขึ้น +57% และ +18% ตามลำดับ และคาดว่าราคาหุ้น MINT จะกลับมา Outperform กลุ่มได้ หลังผ่านพ้นช่วงแปลงสภาพ MINT-W5 ที่จะครบกำหนดใช้สิทธิ์ครั้งสุดท้ายในวันที่ 3 พ.ย. ราคาแปลงสภาพ 36.36 บาท
2. สะสม IRPC : ราคาปิด 6.40 บาท ราคาเหมาะสม 6.70 บาท
a) Yuanta คาดว่าหุ้นกลุ่มพลังงานจะ Outperform ตลาด เนื่องจากน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวขึ้นยืนเหนือ US$54.00/barrel ทำระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน จากความคาดหวังเชิงบวกว่ากลุ่ม OPEC จะขยายมาตรการตรึงกำลังการผลิตน้ำมันออกไป จากเดิมที่จะสิ้นสุดลงใน มี.ค.2561
b) คาดกำไรปกติ 3Q60 ที่ 3.5 พันล้านบาท +169% YoY และ +94.7% QoQ จากแรงหนุนของ Spread ปิโตรเคมีที่เพิ่มขึ้นของโครงการ UHV นอกจากนั้น กำไรจากสต็อกน้ำมันจะช่วยผลักดันกำไรสุทธิ 3Q60 ให้เพิ่มขึ้นเป็น 3.8 พันล้านบาท +194% YoY และ +207% QoQ
c) Valuation ยังไม่แพง ที่ระดับ PER2561 ราว 11.2 เท่า และคาดกำไรปกติปี 2561 จะเติบโตเด่น +18.5% YoY เป็น 1.16 หมื่นล้านบาท เติบโตสูงสุดในหุ้นกลุ่มโรงกลั่นจากอานิสงค์เต็มปีของโครงการ UHV และ Everest เป็นปัจจัยผลักดัน
กลยุทธ์วันนี้
Selective Buy
Smart Pick
1. สะสม MINT : ราคาปิด 43.25 บาท ราคาเหมาะสม 52.50 บาท
a) คาดกำไรปกติ 3Q60 ที่ 1.04 พันล้านบาท เติบโต +16% YoY และ +42% QoQ จากแรงหนุนของโรงแรมในต่างประเทศ หลังเสร็จสิ้นการ Renovate โรงแรม Tivoli ในโปรตุเกส จึงได้ประโยชน์เต็มที่จากการปรับขึ้นค่าห้องพัก และเข้าสู่ High Season ของโรงแรมในยุโรป
b) แนวโน้มผลประกอบการ 4Q60 จะขยายตัวทั้ง YoY และ QoQ เป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 2560 เนื่องจากธุรกิจโรงแรมในประเทศเข้าสู่ High Season และภาคบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัวจะช่วยหนุนธุรกิจอาหารให้ SSG พลิกกลับเป็นบวกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ไตรมาส
c) ราคาหุ้นยัง Laggard โดย YTD ปรับตัวขึ้นเพียง +14% เทียบกับ ERW และ CENTEL ที่เพิ่มขึ้น +57% และ +18% ตามลำดับ และคาดว่าราคาหุ้น MINT จะกลับมา Outperform กลุ่มได้ หลังผ่านพ้นช่วงแปลงสภาพ MINT-W5 ที่จะครบกำหนดใช้สิทธิ์ครั้งสุดท้ายในวันที่ 3 พ.ย. ราคาแปลงสภาพ 36.36 บาท
2. สะสม IRPC : ราคาปิด 6.40 บาท ราคาเหมาะสม 6.70 บาท
a) Yuanta คาดว่าหุ้นกลุ่มพลังงานจะ Outperform ตลาด เนื่องจากน้ำมันดิบ NYMEX ปรับตัวขึ้นยืนเหนือ US$54.00/barrel ทำระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน จากความคาดหวังเชิงบวกว่ากลุ่ม OPEC จะขยายมาตรการตรึงกำลังการผลิตน้ำมันออกไป จากเดิมที่จะสิ้นสุดลงใน มี.ค.2561
b) คาดกำไรปกติ 3Q60 ที่ 3.5 พันล้านบาท +169% YoY และ +94.7% QoQ จากแรงหนุนของ Spread ปิโตรเคมีที่เพิ่มขึ้นของโครงการ UHV นอกจากนั้น กำไรจากสต็อกน้ำมันจะช่วยผลักดันกำไรสุทธิ 3Q60 ให้เพิ่มขึ้นเป็น 3.8 พันล้านบาท +194% YoY และ +207% QoQ
c) Valuation ยังไม่แพง ที่ระดับ PER2561 ราว 11.2 เท่า และคาดกำไรปกติปี 2561 จะเติบโตเด่น +18.5% YoY เป็น 1.16 หมื่นล้านบาท เติบโตสูงสุดในหุ้นกลุ่มโรงกลั่นจากอานิสงค์เต็มปีของโครงการ UHV และ Everest เป็นปัจจัยผลักดัน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
วานนี้ SET INDEX ลงไปทำจุดต่ำสุดระหว่างวันที่ 1704.17 จุด ก่อนดีดตัวกลับขึ้นมาปิดที่ 1718.66 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.63 จุด มูลค่าการซื้อขายราว 6.3 หมื่นล้านบาท ด้านกระแสเงินทุน นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันอีกราว 3.2 พันล้านบาท รวมกว่า 7.1 พันล้านบาท สวนทางกับสถาบันในประเทศที่ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันอีกราว 2.7 พันล้านบาท รวมกว่า 7.5 พันล้านบาท ด้านตลาดฟิวเจอร์ส นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Long สุทธิ 2.7 พันสัญญา เช่นเดียวกับสถาบันในประเทศละบัญชี บล. ที่มีสถานะ Long สุทธิ 1 หมื่นสัญญา ส่งผลให้ QTD นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Short สุทธิราว 3.9 หมื่นสัญญา สถาบันในประเทศและบัญชี บล. มีสถานะ Long สุทธิราว 2.2 หมื่นสัญญา
วานนี้ SET INDEX ลงไปทำจุดต่ำสุดระหว่างวันที่ 1704.17 จุด ก่อนดีดตัวกลับขึ้นมาปิดที่ 1718.66 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.63 จุด มูลค่าการซื้อขายราว 6.3 หมื่นล้านบาท ด้านกระแสเงินทุน นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันอีกราว 3.2 พันล้านบาท รวมกว่า 7.1 พันล้านบาท สวนทางกับสถาบันในประเทศที่ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันอีกราว 2.7 พันล้านบาท รวมกว่า 7.5 พันล้านบาท ด้านตลาดฟิวเจอร์ส นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Long สุทธิ 2.7 พันสัญญา เช่นเดียวกับสถาบันในประเทศละบัญชี บล. ที่มีสถานะ Long สุทธิ 1 หมื่นสัญญา ส่งผลให้ QTD นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Short สุทธิราว 3.9 หมื่นสัญญา สถาบันในประเทศและบัญชี บล. มีสถานะ Long สุทธิราว 2.2 หมื่นสัญญา
กลยุทธ์วันนี้
วานนี้ SET INDEX แกว่งตัวผันผวน ลงไปติดลบเกือบ 12 จุดระหว่างชั่วโมงการซื้อขายก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้นมาปิดบวก 2.63 จุด ประเมินทิศทาง SET INDEX วันนี้แกว่งระหว่าง 1715-1725 จุด โดยกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี ยังช่วยหนุน SET INDEX เมื่อราคาน้ำมันดิบทรงตัวระดับสูง สะท้อนจาก Brent ยืนเหนือ 60 เหรียญฯ/บาร์เรล อย่างต่อเนื่อง สำหรับภาพระยะสัปดาห์ เราคาดหวังการขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิม 1730 จุด ภายในสัปดาห์นี้ หากการรายงานผลการดำเนินงาน 3Q60 ของหุ้นขนาดใหญ่ ออกมาเป็นบวก
การประชุมธนาคารกลางสำคัญ 3 แห่งในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (วันนี้) และเฟด (1 พ.ย.) คาดไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบาย ส่วนธนาคารกลางอังกฤษ (2 พ.ย.) ตลาดคาดขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจาก 0.25% เป็น 0.50% ถือเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 10 ปี อย่างไรก็ดี เรามองว่า น่าจะไม่ได้กระทบ Sentiment ตลาดหุ้นมากนัก เพราะอยู่ในการคาดการณ์อยู่แล้ว
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ เราแนะนำเก็งกำไรผลประกอบการ 3Q60 (Earnings Plays) เลือกหุ้นที่คาดว่ากำไร 3Q60 จะเติบโตเด่นทั้ง QoQ และ YoY โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน/ ท่องเที่ยว
วานนี้ SET INDEX แกว่งตัวผันผวน ลงไปติดลบเกือบ 12 จุดระหว่างชั่วโมงการซื้อขายก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้นมาปิดบวก 2.63 จุด ประเมินทิศทาง SET INDEX วันนี้แกว่งระหว่าง 1715-1725 จุด โดยกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี ยังช่วยหนุน SET INDEX เมื่อราคาน้ำมันดิบทรงตัวระดับสูง สะท้อนจาก Brent ยืนเหนือ 60 เหรียญฯ/บาร์เรล อย่างต่อเนื่อง สำหรับภาพระยะสัปดาห์ เราคาดหวังการขึ้นทดสอบจุดสูงสุดเดิม 1730 จุด ภายในสัปดาห์นี้ หากการรายงานผลการดำเนินงาน 3Q60 ของหุ้นขนาดใหญ่ ออกมาเป็นบวก
การประชุมธนาคารกลางสำคัญ 3 แห่งในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (วันนี้) และเฟด (1 พ.ย.) คาดไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบาย ส่วนธนาคารกลางอังกฤษ (2 พ.ย.) ตลาดคาดขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจาก 0.25% เป็น 0.50% ถือเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 10 ปี อย่างไรก็ดี เรามองว่า น่าจะไม่ได้กระทบ Sentiment ตลาดหุ้นมากนัก เพราะอยู่ในการคาดการณ์อยู่แล้ว
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ เราแนะนำเก็งกำไรผลประกอบการ 3Q60 (Earnings Plays) เลือกหุ้นที่คาดว่ากำไร 3Q60 จะเติบโตเด่นทั้ง QoQ และ YoY โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน/ ท่องเที่ยว
ปัจจัยสำคัญวันนี้
แผนการลดภาษีนิติบุคคลเบื้องต้นออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาด คือจะทะยอยลดภาษีลงจนเหลือ 20% ในปี 2565 ช้ากว่าที่ตลาดคาดว่าจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้
สศค. ปรับประมาณการ GDP ไทย ปี 60 ขึ้นเป็น 3.8% จากเดิมที่ 3.6%
หุ้น IPO ในตลาด mai ได้แก่ FLOYD (1 พ.ย.) และ TITLE (2 พ.ย.)
ติดตามการประชุม (BOJ) และ GDP 3Q60 ของยูโรโซน วันที่ 31 ต.ค.
ติดตามการรายงานภาวะเศรษฐกิจไทย วันที่ 31 ต.ค.
ติดตามการประชุมเฟด วันที่ 31 ต.ค. - 1 พ.ย.
ติดตามการรายงานภาวะเงินเฟ้อไทย วันที่ 1 พ.ย.
ติดตามการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) วันที่ 2 พ.ย.
ติดตามการรายงานดัชนีตลาดแรงงานของสหรัฐฯ วันที่ 3 พ.ย.
ติดตามการประกาศชื่อประธาน Fed คนต่อไป ภายในวันที่ 3 พ.ย. ตลาดคาด Trump อาจเสนอชื่อนาย Jerome Powell เป็นประธาน Fed คนถัดไป
สศค. ปรับประมาณการ GDP ไทย ปี 60 ขึ้นเป็น 3.8% จากเดิมที่ 3.6%
หุ้น IPO ในตลาด mai ได้แก่ FLOYD (1 พ.ย.) และ TITLE (2 พ.ย.)
ติดตามการประชุม (BOJ) และ GDP 3Q60 ของยูโรโซน วันที่ 31 ต.ค.
ติดตามการรายงานภาวะเศรษฐกิจไทย วันที่ 31 ต.ค.
ติดตามการประชุมเฟด วันที่ 31 ต.ค. - 1 พ.ย.
ติดตามการรายงานภาวะเงินเฟ้อไทย วันที่ 1 พ.ย.
ติดตามการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) วันที่ 2 พ.ย.
ติดตามการรายงานดัชนีตลาดแรงงานของสหรัฐฯ วันที่ 3 พ.ย.
ติดตามการประกาศชื่อประธาน Fed คนต่อไป ภายในวันที่ 3 พ.ย. ตลาดคาด Trump อาจเสนอชื่อนาย Jerome Powell เป็นประธาน Fed คนถัดไป
Strategist Team
Mayuree Chowvikran Head of Research , 662-009-8050
Padon Vannarat Strategist , 662-009-8060
Piyapat Patarapuvadol Strategist , 662-009-8062
Nutt Treepoonsuk Strategist , 662-009-8059
OO1743