- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 27 October 2017 16:29
- Hits: 796
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Dailyภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตัวแรง ขยับขึ้นทำจุดสูงสุดของวันที่ 1711.58 จุด เพิ่มขึ้น 9.77 จุด พร้อมกับแกว่งตัวผันผวนสลับขึ้นลงอยู่ในแดนบวกได้ตลอดทั้งวัน มีจุดต่ำสุดของวันที่ 1704.97 จุด เพิ่มขึ้น 3.16จุด ทำให้มีกรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันที่ 6.61 จุด ทั้งนี้ตลาดหันมาให้ความสนใจเก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง นำโดย TOA, TISCO, CBG, GPSC, WORK ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1708.84 จุด เพิ่มขึ้น 7.03 จุด (+0.41%) มูลค่าการซื้อขาย 57,626 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
ดัชนีวันอังคารที่ผ่านมายังเดินหน้าฟื้นตัวได้ต่อ ถึงแม้จะแกว่งตัวในกรอบแคบแต่ยืนบวกได้ตลอดวัน ด้วยการเปิดตัวแรงกระโดดขึ้นใกล้แนวต้านสำคัญ 1708 จุด ขยับทำ High 1711 จุด แต่ไม่สามารถฝ่าขึ้นไปได้ ก่อนที่จะอ่อนตัวลงมาทำปิดที่ 1708 จุด ส่งผลให้กราฟแท่งเทียนมีรูปแบบที่เป็น Doji แสดงถึงความลังเลที่เกิดได้ทั้งทางขึ้นและลง แต่เราให้น้ำหนักของการขึ้นมากกว่า เนื่องจากกลับขึ้นไปยืน SMA 10 วันได้ และเกิดสัญญาณบวกใน RSI บวกกับปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น แต่ที่สำคัญคือการกลับขึ้นไปยืน 1710 ได้อย่างมั่นคง มองแนวต้าน 1715-1717// 1726 จุด แนวรับ 1700-1705 จุด
แกว่งตัวผันผวน – ลุ้นกลับขึ้นไปยืน 1710 จุด เพื่อเป็นสัญญาณไปต่อ
Support 1700 // 1690 จุด Resistance 1720 // 1735 จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์
Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110
Tel 02- 6481124
Email: [email protected]
ดัชนีวันอังคารที่ผ่านมายังเดินหน้าฟื้นตัวได้ต่อ ถึงแม้จะแกว่งตัวในกรอบแคบแต่ยืนบวกได้ตลอดวัน ด้วยการเปิดตัวแรงกระโดดขึ้นใกล้แนวต้านสำคัญ 1708 จุด ขยับทำ High 1711 จุด แต่ไม่สามารถฝ่าขึ้นไปได้ ก่อนที่จะอ่อนตัวลงมาทำปิดที่ 1708 จุด ส่งผลให้กราฟแท่งเทียนมีรูปแบบที่เป็น Doji แสดงถึงความลังเลที่เกิดได้ทั้งทางขึ้นและลง แต่เราให้น้ำหนักของการขึ้นมากกว่า เนื่องจากกลับขึ้นไปยืน SMA 10 วันได้ และเกิดสัญญาณบวกใน RSI บวกกับปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น แต่ที่สำคัญคือการกลับขึ้นไปยืน 1710 ได้อย่างมั่นคง มองแนวต้าน 1715-1717// 1726 จุด แนวรับ 1700-1705 จุด
แกว่งตัวผันผวน – ลุ้นกลับขึ้นไปยืน 1710 จุด เพื่อเป็นสัญญาณไปต่อ
Support 1700 // 1690 จุด Resistance 1720 // 1735 จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์
Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110
Tel 02- 6481124
Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
"ฝรั่งรอดู แต่ปัจจัยบวกภายในดันกองทุนฯซื้อต่อ"
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : คาดดัชนีฯ มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ และปริมาณการซื้อขายจะเบาบาง เนื่องจากกำลังเข้าสู่ช่วงวันหยุด ..... ปัจจัยภายในประเทศ เป็นแรงหนุนสำคัญต่อตลาดหุ้นไทย ทั้งปัจจัยด้านเศรษฐกิจ (GDP) ผลประกอบการบริษัทในตลาด และเก็งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ .... ปัจจัยต่างประเทศ ฝั่งของสหรัฐฯ จะเป็น การเลือกประธาน Fed คนใหม่ ที่มีข่าวว่าตัวเต็งตอนนี้ คือ ว่า นายเจอโรม พาวเวล และนายจอห์น เทย์เลอร์ และจะทราบผลในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เช่นเดียวกับ แผนลดภาษี ที่คาดว่าจะออกมาในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน หลังสภาฯผ่านร่างงบประมาณ 2018 เรียบร้อยแล้วในคืนที่ผ่านมา เป็นปัจจัยหนึ่งที่นักลงทุน(ต่างประเทศ) กำลังรอดูอยู่ เพราะมีผลต่อการตัดสินใจปรับพอร์ตสินทรัพย์ลงทุนหากนโยบาย Fed มีการเปลี่ยนแปลงหรือนโยบายภาษีก็มีผลต่อการลงทุนเนกัน ...... การประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังมีการใช้ QE ต่อ จากที่สิ้นสุด 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน ธ.ค.นี้ โดยเดือน ม.ค.-ก.ย.61 นั้น ลดจำนวนซื้อเหลือ 3 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน ซึ่งไม่ได้ surprise ต่อตลาดหุ้นมากนัก (เงินยูโร น่าจะอ่อนค่าลง)
กลยุทธ์การลงทุน : การที่ดัชนีฯ ยืนเหนือระดับ 1700 จุด ได้ บ่งชี้ว่าแรงซื้อของนักลงทุนเริ่มกลับเข้ามาในตลาด เพียงแต่ยังมีปัจจัยที่รอคอย คือ ประธาน Fed คนใหม่ (มีผลต่อดอลล่าร์-Fund Flow) …. กลยุทธ์การลงทุน ยังคงเป็น "selective buy" เราแนะให้ทยอยขายหุ้นที่ขึ้นมามากและมีปัจจัยหนุนที่ไม่มากพอให้ไปต่อได้ เช่น สลับธนาคารขนาดใหญ่ มาหาธนาคารขนาดเล็กที่ผลประกอบการยังคงดีอยู่ .... หุ้นที่ มีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวด้านกำลังซื้อของผู้บริโภค(กลุ่มค้าปลีก) และหุ้นที่อิงมาตรการเศรษฐกิจและการลงทุนภาครัฐฯ เช่นกลุ่มนิคมฯ เราคาดว่าจะเป็นเป้าหมายของนักลงทุนสถาบันฯ ต่อในวันนี้
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน : สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ CPALL, TISCO, ADVANC, BJC, WHA*
หุ้นแนะนำทางเทคนิค : HTECH, ASIAN, NCL
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
"ฝรั่งรอดู แต่ปัจจัยบวกภายในดันกองทุนฯซื้อต่อ"
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : คาดดัชนีฯ มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ และปริมาณการซื้อขายจะเบาบาง เนื่องจากกำลังเข้าสู่ช่วงวันหยุด ..... ปัจจัยภายในประเทศ เป็นแรงหนุนสำคัญต่อตลาดหุ้นไทย ทั้งปัจจัยด้านเศรษฐกิจ (GDP) ผลประกอบการบริษัทในตลาด และเก็งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ .... ปัจจัยต่างประเทศ ฝั่งของสหรัฐฯ จะเป็น การเลือกประธาน Fed คนใหม่ ที่มีข่าวว่าตัวเต็งตอนนี้ คือ ว่า นายเจอโรม พาวเวล และนายจอห์น เทย์เลอร์ และจะทราบผลในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เช่นเดียวกับ แผนลดภาษี ที่คาดว่าจะออกมาในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน หลังสภาฯผ่านร่างงบประมาณ 2018 เรียบร้อยแล้วในคืนที่ผ่านมา เป็นปัจจัยหนึ่งที่นักลงทุน(ต่างประเทศ) กำลังรอดูอยู่ เพราะมีผลต่อการตัดสินใจปรับพอร์ตสินทรัพย์ลงทุนหากนโยบาย Fed มีการเปลี่ยนแปลงหรือนโยบายภาษีก็มีผลต่อการลงทุนเนกัน ...... การประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังมีการใช้ QE ต่อ จากที่สิ้นสุด 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน ธ.ค.นี้ โดยเดือน ม.ค.-ก.ย.61 นั้น ลดจำนวนซื้อเหลือ 3 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน ซึ่งไม่ได้ surprise ต่อตลาดหุ้นมากนัก (เงินยูโร น่าจะอ่อนค่าลง)
กลยุทธ์การลงทุน : การที่ดัชนีฯ ยืนเหนือระดับ 1700 จุด ได้ บ่งชี้ว่าแรงซื้อของนักลงทุนเริ่มกลับเข้ามาในตลาด เพียงแต่ยังมีปัจจัยที่รอคอย คือ ประธาน Fed คนใหม่ (มีผลต่อดอลล่าร์-Fund Flow) …. กลยุทธ์การลงทุน ยังคงเป็น "selective buy" เราแนะให้ทยอยขายหุ้นที่ขึ้นมามากและมีปัจจัยหนุนที่ไม่มากพอให้ไปต่อได้ เช่น สลับธนาคารขนาดใหญ่ มาหาธนาคารขนาดเล็กที่ผลประกอบการยังคงดีอยู่ .... หุ้นที่ มีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวด้านกำลังซื้อของผู้บริโภค(กลุ่มค้าปลีก) และหุ้นที่อิงมาตรการเศรษฐกิจและการลงทุนภาครัฐฯ เช่นกลุ่มนิคมฯ เราคาดว่าจะเป็นเป้าหมายของนักลงทุนสถาบันฯ ต่อในวันนี้
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน : สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ CPALL, TISCO, ADVANC, BJC, WHA*
หุ้นแนะนำทางเทคนิค : HTECH, ASIAN, NCL
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
(+) CENTEL : คาดกำไร 3Q17 เติบโตได้ดีจากธุรกิจอาหารที่เริ่มฟื้นตัว
(+) ERW : คาด 3Q17 เติบโตได้โดดเด่น และจะโตได้อีกใน 4Q17
(+) HANA : คาดกำไรสุทธิ 3Q17 เติบโต 22% YoY และ 3% QoQ
(0) PSH : คาดกำไรสุทธิ 3Q17 ยังไม่เด่น แต่จะกลับมาดีขึ้นมากใน 4Q17
(+) ROBINS : คาดกำไรสุทธิ 3Q17 เติบโต 21%YoY และ 3%QoQ คาดยอดขายสาขาเดิมปรับตัวดีขึ้นและดีต่อเนื่องใน 4Q1
(+) CENTEL : คาดกำไร 3Q17 เติบโตได้ดีจากธุรกิจอาหารที่เริ่มฟื้นตัว
(+) ERW : คาด 3Q17 เติบโตได้โดดเด่น และจะโตได้อีกใน 4Q17
(+) HANA : คาดกำไรสุทธิ 3Q17 เติบโต 22% YoY และ 3% QoQ
(0) PSH : คาดกำไรสุทธิ 3Q17 ยังไม่เด่น แต่จะกลับมาดีขึ้นมากใน 4Q17
(+) ROBINS : คาดกำไรสุทธิ 3Q17 เติบโต 21%YoY และ 3%QoQ คาดยอดขายสาขาเดิมปรับตัวดีขึ้นและดีต่อเนื่องใน 4Q1
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (25 ต.ค.) ปิดที่ระดับ 1,708.84 จุด เพิ่มขึ้น 7.03 จุด หรือ +0.41% มูลค่าการซื้อขาย 57,626.26 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้จากแรงซื้อของกองทุนในประเทศ โดยมีสถานะเป็นซื้อสุทธิที่ 1,405 ล้านบาท คาดว่ามุมมองภายในประเทศเองยังคงดีอยู่ จากคาดการณ์กำไรสุทธิช่วง 3Q17 ของหุ้นหลายๆตัวจะออกมาสูงขึ้นทั้ง YoY และ QoQ
ตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,400.86 จุด เพิ่มขึ้น 71.40 จุด หรือ +0.31%% จากทั้งปัจจัยเฉพาะตัวจากผลประกอบการของหุ้นในตลาดสหรัฐฯออกมาดี และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯได้แก่ จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่ระดับ 233,000 ราย น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 235,000 ราย .... แต่ด้าน Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น +1.07% ปิดที่ 391.27 จุด จากการรายงานการขยายเวลาการทำ QE ของ ECB
ปัจจัยต่างประเทศ : การเลือกประธาน Fed คนใหม่มีตัวเก็ง 2 คน นายพาวเวลและเทย์เลอร์, ข่าวดีจากความคืบหน้าเรื่องการลดภาษีทรัมป์ และ ECB ขยายระยะเวลาการทำ QE มีความคืบหน้าเรื่องการเลือกประธาน Fed คนใหม่เข้ามา โดยโฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะทำการประกาศรายชื่อผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และยอมรับว่านายเจอโรม พาวเวล ผู้ว่าการเฟด และนายจอห์น เทย์เลอร์ ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีแนวคิดที่แตกต่างกัน พาวเวลเป็นสายพิราบ ซึ่งนโยบายไม่ต่างจากประธาน Fed คนปัจจุบันมากนัก ในขณะที่นายเทย์เลอร์เป็นสายเหยี่ยว จะมีโอกาสปรับดอกเบี้ยถี่กว่าเดิม จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์มีความผันผวนมากขึ้น .... ปัจจัยต่างประเทศเป็นบวกจากการที่-สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้อนุมัติร่างงบประมาณปี 2561 ฉบับของวฺฒิสภา วงเงิน 4 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้โอกาสนโยบายภาษีทรัมป์ผ่านร่างมีสูงขึ้น .... การประชุม ECB เป็นไปตามคาด คือไม่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ย และมีการปรับลดวงเงิน QE โดย วงเงินปรับลงสู่ระดับ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน จากระดับปัจจุบันที่ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่เดือนม.ค. - ก.ย. ปีหน้า
ปัจจัยในประเทศ : ติดตามการรายงานผลประกอบการ Q2 ยังคงไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามายังตลาด .... นักลงทุนรอดูมาตรการเศรษฐกิจใหม่ๆ และการเข้าสู่ช่วงการประกาศผลการดำเนินงานช่วง 3Q17 สำหรับสัปดาห์นี้ยังไม่มีบริษัทขนาดใหญ่ที่ประกาศผลการดำเนินงาน ประเมินกำไรน่าจะต่ำกว่า 2Q17 ที่มีกำไร 2.33 แสนล้านบาท กำไรของหุ้นน้ำมัน-ปิโตรเคมี ดีขึ้น แต่มีค่าใช้จ่ายพิเศษของ PTTEP-PTT เข้ามา
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (25 ต.ค.) ปิดที่ระดับ 1,708.84 จุด เพิ่มขึ้น 7.03 จุด หรือ +0.41% มูลค่าการซื้อขาย 57,626.26 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้จากแรงซื้อของกองทุนในประเทศ โดยมีสถานะเป็นซื้อสุทธิที่ 1,405 ล้านบาท คาดว่ามุมมองภายในประเทศเองยังคงดีอยู่ จากคาดการณ์กำไรสุทธิช่วง 3Q17 ของหุ้นหลายๆตัวจะออกมาสูงขึ้นทั้ง YoY และ QoQ
ตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,400.86 จุด เพิ่มขึ้น 71.40 จุด หรือ +0.31%% จากทั้งปัจจัยเฉพาะตัวจากผลประกอบการของหุ้นในตลาดสหรัฐฯออกมาดี และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯได้แก่ จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่ระดับ 233,000 ราย น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 235,000 ราย .... แต่ด้าน Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น +1.07% ปิดที่ 391.27 จุด จากการรายงานการขยายเวลาการทำ QE ของ ECB
ปัจจัยต่างประเทศ : การเลือกประธาน Fed คนใหม่มีตัวเก็ง 2 คน นายพาวเวลและเทย์เลอร์, ข่าวดีจากความคืบหน้าเรื่องการลดภาษีทรัมป์ และ ECB ขยายระยะเวลาการทำ QE มีความคืบหน้าเรื่องการเลือกประธาน Fed คนใหม่เข้ามา โดยโฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะทำการประกาศรายชื่อผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และยอมรับว่านายเจอโรม พาวเวล ผู้ว่าการเฟด และนายจอห์น เทย์เลอร์ ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีแนวคิดที่แตกต่างกัน พาวเวลเป็นสายพิราบ ซึ่งนโยบายไม่ต่างจากประธาน Fed คนปัจจุบันมากนัก ในขณะที่นายเทย์เลอร์เป็นสายเหยี่ยว จะมีโอกาสปรับดอกเบี้ยถี่กว่าเดิม จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์มีความผันผวนมากขึ้น .... ปัจจัยต่างประเทศเป็นบวกจากการที่-สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้อนุมัติร่างงบประมาณปี 2561 ฉบับของวฺฒิสภา วงเงิน 4 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้โอกาสนโยบายภาษีทรัมป์ผ่านร่างมีสูงขึ้น .... การประชุม ECB เป็นไปตามคาด คือไม่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ย และมีการปรับลดวงเงิน QE โดย วงเงินปรับลงสู่ระดับ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน จากระดับปัจจุบันที่ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่เดือนม.ค. - ก.ย. ปีหน้า
ปัจจัยในประเทศ : ติดตามการรายงานผลประกอบการ Q2 ยังคงไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามายังตลาด .... นักลงทุนรอดูมาตรการเศรษฐกิจใหม่ๆ และการเข้าสู่ช่วงการประกาศผลการดำเนินงานช่วง 3Q17 สำหรับสัปดาห์นี้ยังไม่มีบริษัทขนาดใหญ่ที่ประกาศผลการดำเนินงาน ประเมินกำไรน่าจะต่ำกว่า 2Q17 ที่มีกำไร 2.33 แสนล้านบาท กำไรของหุ้นน้ำมัน-ปิโตรเคมี ดีขึ้น แต่มีค่าใช้จ่ายพิเศษของ PTTEP-PTT เข้ามา
Stock in Focus
หุ้น เหตุผล
หุ้น เหตุผล
CPALL(ราคาปิด 70.00) มองว่านักลงทุนจะเริ่มเข้ามาเก็งกำไรสำหรับผลประกอบการช่วง 3Q17 เรามีมุมมองว่า CPALL ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดย SSSG ของ CPALL ปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้งที่ประมาณ +2% YoY จากที่ติดลบ -1% ในช่วง 2Q17 โดยเราคาดกำไรช่วง 3Q17 จะออกมาดีที่ 4,790 ล้านบาท (+16% YoY, +3% QoQ) …. KTBST คาดผลประกอบการปี 2017 ที่ 18,867 ล้านบาท (+13% YoY) และคาดจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2018 ที่ 21,911 ล้านบาท (+16% YoY) …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 79.00 บาท)
TISCO(ราคาปิด 89.25) นักลงทุนหันมาให้ความสนใจกับหุ้นธนาคารขนาดเล็กกันมากขึ้น หลังผลประกอบการออกมามีการเติบโตดี ..... แม้แนวโน้มการเติบโตของกำไรสุทธิใน 4Q17 จะยังไม่เห็นการเติบโตที่ชัดเจนหลังการรวมพอร์ตกับ SCBT เนื่องจากยังมีค่าใช้จ่ายในการรวมพอร์ตเข้ามา แต่สินเชื่อจะเห็นการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดได้ใน 4Q17 ขณะที่เราปรับประมาณการกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 2% จากการ cross-selling ได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในส่วนของฐานลูกค้าบัตรเครดิตที่มีถึง 1.2 แสนราย ประกอบกับ ธุรกิจกองทุนรวมที่ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยเรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ"ราคาที่เหมาะสมนปี 2018 91 บาท
ADVANC(ราคาปิด 195.50) เรามองว่า ADVANC ยังคง laggard จากหุ้นขนาดใหญ่อื่นๆ โดยเรามองว่าการแข่งขันในกลุ่มผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือเริ่มลดลง และความเสี่ยงเรื่องจำนวนคลื่นไม่เพียงพอของ ADVANC อยู่ในระดับต่ำ จึงคาดว่าการประมูลคลื่นในปีหน้าจะไม่มีการแข่งขันราคาที่สูงนัก นอกจากนี้ คาดว่า ADVANC จะรายงานผลประกอบการช่วง 3Q17 ในวันที่ 2/11/2017 นี้ Bloomberg คาดการณ์ผลประกอบการช่วง 3Q17 ที่ 39,091 ล้านบาท (+5% YoY, 0% QoQ) .... เรามอง ADVANC มีแนวโน้มเติบโตได้ดีในระยะยาว เริ่มตั้งแต่ช่วงปี 2018 เป็นต้นไป จากการคาดการณ์การแข่งขันในอุตสาหกรรมที่เบาบางลง คาดปี 2018 เติบโต +18% YoY …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 190.00 บาท)
BJC(ราคาปิด 54.00) ด้วยมุมมองการบริโภคในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น BJC เป็นอีกหนึ่งหุ้นที่ได้รับผลบวกจากประเด็นดังกล่าว นอกจากนี้เรายังคาดการณ์กำไรสุทธิช่วง 2Q17 ของ BJC ออกมาดีอีกด้วย โดยมองว่า BJC ได้ผ่านจุดต่ำสุดตั้งแต่ช่วง 2Q17 ไปแล้ว จากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ฟื้นตัวขึ้นมา และ บริษัทลูกอย่าง BIGC มี SSSG ที่กลับมาเป็นบวกอีกครั้ง โดยบริษัทมีแผนขยาย Hypermarket 9 สาขา, BigC Market 1 สาขา, และ Mini BigC อีก 200 สาขา …. KTBST คาดกำไรสุทธิปี 2017 เติบโต +11.7% ที่ 5,123 ล้านบาท และเติบโตต่อเนื่องในปี 2018 ที่ 6,011 ล้านบาท (+17.3% YoY) …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 53.00 บาท)
WHA*(ราคาปิด 3.82) การลงทุนในดซน EEC (ฉะเชิงเทรา-ชลบุรี-ระยอง) มีความคืบหน้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนญี่ปุ่นเข้าเยี่ยมไปตั้งแต่เดือน ก.ย. โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลให้ WHA มีแนวโน้มยอดการขายที่ดินสูงในปีนี้ และคาดยอดโอนที่ดินจะสูงในปีหน้า .... Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 จะเติบโตเล็กน้อยที่ +5% ที่ 3,040 ล้านบาท แต่คาดจะเติบโตได้สูงในปี 2018 ที่ +14% ที่ 3,480 ล้านบาท .... (ราคาที่เหมาะสม โดย Bloomberg ที่ 4.04 บาท)
ADVANC(ราคาปิด 195.50) เรามองว่า ADVANC ยังคง laggard จากหุ้นขนาดใหญ่อื่นๆ โดยเรามองว่าการแข่งขันในกลุ่มผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือเริ่มลดลง และความเสี่ยงเรื่องจำนวนคลื่นไม่เพียงพอของ ADVANC อยู่ในระดับต่ำ จึงคาดว่าการประมูลคลื่นในปีหน้าจะไม่มีการแข่งขันราคาที่สูงนัก นอกจากนี้ คาดว่า ADVANC จะรายงานผลประกอบการช่วง 3Q17 ในวันที่ 2/11/2017 นี้ Bloomberg คาดการณ์ผลประกอบการช่วง 3Q17 ที่ 39,091 ล้านบาท (+5% YoY, 0% QoQ) .... เรามอง ADVANC มีแนวโน้มเติบโตได้ดีในระยะยาว เริ่มตั้งแต่ช่วงปี 2018 เป็นต้นไป จากการคาดการณ์การแข่งขันในอุตสาหกรรมที่เบาบางลง คาดปี 2018 เติบโต +18% YoY …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 190.00 บาท)
BJC(ราคาปิด 54.00) ด้วยมุมมองการบริโภคในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น BJC เป็นอีกหนึ่งหุ้นที่ได้รับผลบวกจากประเด็นดังกล่าว นอกจากนี้เรายังคาดการณ์กำไรสุทธิช่วง 2Q17 ของ BJC ออกมาดีอีกด้วย โดยมองว่า BJC ได้ผ่านจุดต่ำสุดตั้งแต่ช่วง 2Q17 ไปแล้ว จากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ฟื้นตัวขึ้นมา และ บริษัทลูกอย่าง BIGC มี SSSG ที่กลับมาเป็นบวกอีกครั้ง โดยบริษัทมีแผนขยาย Hypermarket 9 สาขา, BigC Market 1 สาขา, และ Mini BigC อีก 200 สาขา …. KTBST คาดกำไรสุทธิปี 2017 เติบโต +11.7% ที่ 5,123 ล้านบาท และเติบโตต่อเนื่องในปี 2018 ที่ 6,011 ล้านบาท (+17.3% YoY) …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 53.00 บาท)
WHA*(ราคาปิด 3.82) การลงทุนในดซน EEC (ฉะเชิงเทรา-ชลบุรี-ระยอง) มีความคืบหน้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนญี่ปุ่นเข้าเยี่ยมไปตั้งแต่เดือน ก.ย. โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลให้ WHA มีแนวโน้มยอดการขายที่ดินสูงในปีนี้ และคาดยอดโอนที่ดินจะสูงในปีหน้า .... Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 จะเติบโตเล็กน้อยที่ +5% ที่ 3,040 ล้านบาท แต่คาดจะเติบโตได้สูงในปี 2018 ที่ +14% ที่ 3,480 ล้านบาท .... (ราคาที่เหมาะสม โดย Bloomberg ที่ 4.04 บาท)
Source: KTBST Research
Sector / Stock Updates
(0) PSH คาดกำไรสุทธิ 3Q17 ยังไม่เด่นราว 1,408 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52% YoY จากฐานต่ำในปีก่อน แต่คาดลดลง 19% QoQ เนื่องจากไม่มีโครงการคอนโดมิเนียมใหม่เริ่มโอน อย่างไรก็ตาม คาดกำไรสุทธิ 4Q17 จะกลับมาดีทั้ง YoY และ QoQ จากแผนการโอนคอนโดมิเนียมใหม่มากขึ้น
ทั้งนี้ เรายังคงประเมินกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 6,157 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% YoY ส่วนปี 2018 เราคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตดีขึ้นเป็น 11% YoY จากคอนโดมิเนียมใหม่ที่จะมีมูลค่าการโอนมากขึ้น รวมถึงคาดว่ารายได้จากโครงการแนวราบที่สูงขึ้น ตามกำลังซื้อที่คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้น เรายังแนะนำ ซื้อ เป้าหมายปี 2018 ที่ 29.50 บาท โดยยังจัดเป็นหุ้นปันผลเด่นราว 6% ต่อปี
(+) ROBINS เราคาดว่า ROBINS จะมีกำไรสุทธิใน 3Q17 ที่ 617 ล้านบาท เติบโตขึ้น 21%YoY แล 3%QoQ ยอดขายของสาขาเดิมปรับตัวดีขึ้น จากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อการจับจ่ายใช้สอยที่มีแนวโน้มฟื้นตัว คาดใน4Q17 SSSG จะยังคงปรับตัวขึ้นหลังผ่านพ้นช่วงพระราชพิธีไว้อาลัยและเข้าสู่ช่วงเทศกาลปลายปี รวมถึงคาดเห็นการกระตุ้นจากภาครัฐ บริษัทยังมีแผนที่จะขยายสาขาอีก 2 แห่งใน 2H17 ด้วยรูปแบบ Layout ที่ดึงดูดผู้บริโภค
เราคาดว่า ROBINS จะขยายสาขาได้ตามแผนและภาวะการบริโภคจะกลับมาฟื้นตัวดีใน 4Q17 และในปี 2018 ตามลำดับ เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" โดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 79 บาท บน DCF ปี 2018
Source: KTBST Research
Sector / Stock Updates
(0) PSH คาดกำไรสุทธิ 3Q17 ยังไม่เด่นราว 1,408 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52% YoY จากฐานต่ำในปีก่อน แต่คาดลดลง 19% QoQ เนื่องจากไม่มีโครงการคอนโดมิเนียมใหม่เริ่มโอน อย่างไรก็ตาม คาดกำไรสุทธิ 4Q17 จะกลับมาดีทั้ง YoY และ QoQ จากแผนการโอนคอนโดมิเนียมใหม่มากขึ้น
ทั้งนี้ เรายังคงประเมินกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 6,157 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% YoY ส่วนปี 2018 เราคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตดีขึ้นเป็น 11% YoY จากคอนโดมิเนียมใหม่ที่จะมีมูลค่าการโอนมากขึ้น รวมถึงคาดว่ารายได้จากโครงการแนวราบที่สูงขึ้น ตามกำลังซื้อที่คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้น เรายังแนะนำ ซื้อ เป้าหมายปี 2018 ที่ 29.50 บาท โดยยังจัดเป็นหุ้นปันผลเด่นราว 6% ต่อปี
(+) ROBINS เราคาดว่า ROBINS จะมีกำไรสุทธิใน 3Q17 ที่ 617 ล้านบาท เติบโตขึ้น 21%YoY แล 3%QoQ ยอดขายของสาขาเดิมปรับตัวดีขึ้น จากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อการจับจ่ายใช้สอยที่มีแนวโน้มฟื้นตัว คาดใน4Q17 SSSG จะยังคงปรับตัวขึ้นหลังผ่านพ้นช่วงพระราชพิธีไว้อาลัยและเข้าสู่ช่วงเทศกาลปลายปี รวมถึงคาดเห็นการกระตุ้นจากภาครัฐ บริษัทยังมีแผนที่จะขยายสาขาอีก 2 แห่งใน 2H17 ด้วยรูปแบบ Layout ที่ดึงดูดผู้บริโภค
เราคาดว่า ROBINS จะขยายสาขาได้ตามแผนและภาวะการบริโภคจะกลับมาฟื้นตัวดีใน 4Q17 และในปี 2018 ตามลำดับ เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" โดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 79 บาท บน DCF ปี 2018
Source: KTBST Research
Analyst : Mongkol Puangpetra
License No: 001937
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
License No: 081447
+662 648 1127
[email protected]
OO1658
