- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 27 October 2017 16:10
- Hits: 838
บล.เคจีไอ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ขึ้นต่อ คาดแรงซื้อจากฝั่งกองทุนยังมีต่อเนื่อง
KGI คาด SET วันศุกร์ขึ้นต่อ หนุนโดยแรงซื้อจากฝั่งสถาบันในประเทศที่น่าจะต่อเนื่อง ตามธีมเก็งกำไรงบไตรมาส 3/2560 + ทิศทางของตัวเลขเศรษฐกิจช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีน่าจะเร่งตัวขึ้น อย่างไรก็ดีฟันด์โฟลว์น่าจะชะลอ/อยู่ฝั่งขายสุทธิต่อไปในช่วงสั้น จำกัดอัพไซด์ของดัชนีฯ (เมื่อวันพุธ ดัชนีฯ บวกปานกลาง ตามคาด) ทั้งนี้โฟลว์ต่างชาติอาจชะลอบ้างหลังค่าเงินบาทอ่อนลงตั้งแต่เมื่อวานเย็นต่อเนื่องเช้าวันนี้ เนื่องจาก ธ.กลางยุโรป (ECB) ประกาศลดระดับของมาตรการ QE ช้ากว่าที่ consensus ประเมิน โดยตั้งแต่เดือน ม.ค. 2561 ทาง ECB จะลดการซื้อตราสารเหลือ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน จากปัจจุบัน 6 หมื่นล้านยูโร และจะคงระดับการซื้อตราสารที่ 3 หมื่นล้านฯ ไปถึง ก.ย. 2561 หรือนานกว่านั้น ซึ่งถือว่านานกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ค่าเงินยูโรร่วงและดอลล่าร์ฯ รีบาวด์แรง ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญถัดไปได้แก่การประกาศชื่อประธาน ธ.กลางสหรัฐฯ คนใหม่ ในวันที่ 3 พ.ย. โดยหากอิงสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ขณะนี้เหลือแคนดิเดตเพียง 2 คน ได้แก่ i) นายเจโรม พาวเวล กรรมการเฟดชุดปัจจุบัน และ ii) นายจอห์น เทย์เลอร์ นักวิชาการจาก ม.สแตนฟอร์ด เบื้องต้นคาดว่านายพาวเวลมีโอกาสสูงกว่า และในกรณีดังกล่าวน่าจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นโลก เนื่องจากเขามีแนวนโยบายที่คล้ายกับประธานเฟดคนปัจจุบัน ด้านปัจจัยภายใน ให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือน ก.ย. 2560 ซึ่งจะรายงานในวันที่ 30-31 ต.ค. นี้
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ ( รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ขึ้นต่อ คาดแรงซื้อจากฝั่งกองทุนยังมีต่อเนื่อง
KGI คาด SET วันศุกร์ขึ้นต่อ หนุนโดยแรงซื้อจากฝั่งสถาบันในประเทศที่น่าจะต่อเนื่อง ตามธีมเก็งกำไรงบไตรมาส 3/2560 + ทิศทางของตัวเลขเศรษฐกิจช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีน่าจะเร่งตัวขึ้น อย่างไรก็ดีฟันด์โฟลว์น่าจะชะลอ/อยู่ฝั่งขายสุทธิต่อไปในช่วงสั้น จำกัดอัพไซด์ของดัชนีฯ (เมื่อวันพุธ ดัชนีฯ บวกปานกลาง ตามคาด) ทั้งนี้โฟลว์ต่างชาติอาจชะลอบ้างหลังค่าเงินบาทอ่อนลงตั้งแต่เมื่อวานเย็นต่อเนื่องเช้าวันนี้ เนื่องจาก ธ.กลางยุโรป (ECB) ประกาศลดระดับของมาตรการ QE ช้ากว่าที่ consensus ประเมิน โดยตั้งแต่เดือน ม.ค. 2561 ทาง ECB จะลดการซื้อตราสารเหลือ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน จากปัจจุบัน 6 หมื่นล้านยูโร และจะคงระดับการซื้อตราสารที่ 3 หมื่นล้านฯ ไปถึง ก.ย. 2561 หรือนานกว่านั้น ซึ่งถือว่านานกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ค่าเงินยูโรร่วงและดอลล่าร์ฯ รีบาวด์แรง ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญถัดไปได้แก่การประกาศชื่อประธาน ธ.กลางสหรัฐฯ คนใหม่ ในวันที่ 3 พ.ย. โดยหากอิงสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ขณะนี้เหลือแคนดิเดตเพียง 2 คน ได้แก่ i) นายเจโรม พาวเวล กรรมการเฟดชุดปัจจุบัน และ ii) นายจอห์น เทย์เลอร์ นักวิชาการจาก ม.สแตนฟอร์ด เบื้องต้นคาดว่านายพาวเวลมีโอกาสสูงกว่า และในกรณีดังกล่าวน่าจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นโลก เนื่องจากเขามีแนวนโยบายที่คล้ายกับประธานเฟดคนปัจจุบัน ด้านปัจจัยภายใน ให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือน ก.ย. 2560 ซึ่งจะรายงานในวันที่ 30-31 ต.ค. นี้
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร EASON, ECL, COM7*
EASON (เป้า Consensus 4.5 บาท) 1) ประเมินราคาหุ้น Laggard กลุ่มยานยนต์ (SAT +42% YTD, AH +121% YTD) 2) ประเมินยอดขายสีรถจักรยานยนต์ในไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ ขณะที่ EASON มีการลงทุนธุรกิจสีที่ประเทศเวียดนามและอินโดนีเซียที่แนวโน้มเศรษฐกิจเติบโตเช่นกัน และ Upside risk จากการรุกธุรกิจสีเคลือบกระป๋องสำหรับอาหาร (คาด Consensus ยังไม่รวมในประมาณการฯ) 3) การลงทุนถือหุ้นบริษัท APCON 20.95% (ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้า เน้นโรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้าขยะ) คาด Backlog 1 พันล้านบาท จะเริ่มรับรู้รายได้ใน 3Q60 – 4Q60 (สมมติฐานอัตรากำไรสุทธิ 5% - 10% เท่ากับว่า EASON จะรับรู้กำไรราว 10.5 – 20.5 ล้านบาท คิดเป็น 13% - 25% ของกำไรสุทธิเฉลี่ยย้อนหลัง 4 ปี ที่ยังไม่มีธุรกิจ APCON) 4) รูปแบบราคาเบรกเทรนไลน์ขาลงที่ 3.68 บาท ขึ้นมา ประเมินหากผ่านแนวต้าน 3.78 บาท (ค่าเฉลี่ย 200 วัน แบบ EMA) มีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 4.08 บาท (Stop loss 3.5 บาท)
ECL (เป้าพื้นฐาน 4.1 บาท ... เป้า Consensus 4.6 บาท) 1) ราคาหุ้น Laggard กลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อ รถยนต์และรถจักรยานยนต์ อย่าง TK และ THANI* แต่ Consensus คาดแนวโน้มผลการดำเนินงาน 3Q60 ของ ECL คาดจะโตเด่น +90% YoY และ +9% QoQ จากการสะสมสินเชื่อใหม่ที่เติบโต (คาดพอร์ตสินเชื่อสิ้นปีนี้ > 4.5 พันล้านบาท + > 85% YoY) 2) ประเมินแนวรับ 3.92 บาท และ 3.84 บาท ตามลำดับ / แนวต้าน 4.22 บาท และ 4.8 บาท ตามลำดับ
COM7* (เป้า Consensus 14.9 บาท … สูงสุด 17.5 บาท) 1) ประเมิน i) COM7* ขายสมาร์ทโฟนครบทุกยี่ห้อ ทั้ง Samsung, หัวเว่ย, และ OPPO ทำให้กระจายความเสี่ยง หากกรณีกระแสตอบรับ iPhone 8 ในไทย ไม่ดีเท่า iPhone 7 แต่ด้วยดีมานด์สมาร์ทโฟนที่ยังเติบโตจะทำให้มีโอกาสขายยี่ห้ออื่นดีขึ้นแทนได้ เช่นกัน โดยเฉพาะ หัวเว่ย และ OPPO (COM7* เพิ่งเปิดร้านทั้ง 2 ยี่ห้อใน 3Q60) ii) บล เคจีไอ ไต้หวัน คาดยอดการส่งมอบ iPhone X ใน 4Q60 ทั่วโลกอาจต่ำกว่าคาด เนื่องจากขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิต (ไม่ใช่จากดีมานด์ที่ชะลอ) แต่คาดยอดการส่งมอบจะโตเด่นใน 1Q61 (+ >50% QoQ) iii) คาดช่วง 2H60 เป็นช่วงของการขายสมาร์ทโฟนตกรุ่น โดยจะได้รับงบอุดหนุนจากค่ายมือถือพันธมิตร ทำให้กำไร 3Q60 ยังโตเด่น และลุ้นทำนิวไฮใน 4Q60 2) ประเมินแนวรับ 15.2 บาท และ 15.0 บาท / แนวต้าน 17 บาท (Trailing stop 14.4 บาท) ... ล่าสุด Consensus upgrade ราคาเป้าหมายและคำแนะนำขึ้น
เก็งกำไร EASON, ECL, COM7*
EASON (เป้า Consensus 4.5 บาท) 1) ประเมินราคาหุ้น Laggard กลุ่มยานยนต์ (SAT +42% YTD, AH +121% YTD) 2) ประเมินยอดขายสีรถจักรยานยนต์ในไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ ขณะที่ EASON มีการลงทุนธุรกิจสีที่ประเทศเวียดนามและอินโดนีเซียที่แนวโน้มเศรษฐกิจเติบโตเช่นกัน และ Upside risk จากการรุกธุรกิจสีเคลือบกระป๋องสำหรับอาหาร (คาด Consensus ยังไม่รวมในประมาณการฯ) 3) การลงทุนถือหุ้นบริษัท APCON 20.95% (ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้า เน้นโรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้าขยะ) คาด Backlog 1 พันล้านบาท จะเริ่มรับรู้รายได้ใน 3Q60 – 4Q60 (สมมติฐานอัตรากำไรสุทธิ 5% - 10% เท่ากับว่า EASON จะรับรู้กำไรราว 10.5 – 20.5 ล้านบาท คิดเป็น 13% - 25% ของกำไรสุทธิเฉลี่ยย้อนหลัง 4 ปี ที่ยังไม่มีธุรกิจ APCON) 4) รูปแบบราคาเบรกเทรนไลน์ขาลงที่ 3.68 บาท ขึ้นมา ประเมินหากผ่านแนวต้าน 3.78 บาท (ค่าเฉลี่ย 200 วัน แบบ EMA) มีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 4.08 บาท (Stop loss 3.5 บาท)
ECL (เป้าพื้นฐาน 4.1 บาท ... เป้า Consensus 4.6 บาท) 1) ราคาหุ้น Laggard กลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อ รถยนต์และรถจักรยานยนต์ อย่าง TK และ THANI* แต่ Consensus คาดแนวโน้มผลการดำเนินงาน 3Q60 ของ ECL คาดจะโตเด่น +90% YoY และ +9% QoQ จากการสะสมสินเชื่อใหม่ที่เติบโต (คาดพอร์ตสินเชื่อสิ้นปีนี้ > 4.5 พันล้านบาท + > 85% YoY) 2) ประเมินแนวรับ 3.92 บาท และ 3.84 บาท ตามลำดับ / แนวต้าน 4.22 บาท และ 4.8 บาท ตามลำดับ
COM7* (เป้า Consensus 14.9 บาท … สูงสุด 17.5 บาท) 1) ประเมิน i) COM7* ขายสมาร์ทโฟนครบทุกยี่ห้อ ทั้ง Samsung, หัวเว่ย, และ OPPO ทำให้กระจายความเสี่ยง หากกรณีกระแสตอบรับ iPhone 8 ในไทย ไม่ดีเท่า iPhone 7 แต่ด้วยดีมานด์สมาร์ทโฟนที่ยังเติบโตจะทำให้มีโอกาสขายยี่ห้ออื่นดีขึ้นแทนได้ เช่นกัน โดยเฉพาะ หัวเว่ย และ OPPO (COM7* เพิ่งเปิดร้านทั้ง 2 ยี่ห้อใน 3Q60) ii) บล เคจีไอ ไต้หวัน คาดยอดการส่งมอบ iPhone X ใน 4Q60 ทั่วโลกอาจต่ำกว่าคาด เนื่องจากขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิต (ไม่ใช่จากดีมานด์ที่ชะลอ) แต่คาดยอดการส่งมอบจะโตเด่นใน 1Q61 (+ >50% QoQ) iii) คาดช่วง 2H60 เป็นช่วงของการขายสมาร์ทโฟนตกรุ่น โดยจะได้รับงบอุดหนุนจากค่ายมือถือพันธมิตร ทำให้กำไร 3Q60 ยังโตเด่น และลุ้นทำนิวไฮใน 4Q60 2) ประเมินแนวรับ 15.2 บาท และ 15.0 บาท / แนวต้าน 17 บาท (Trailing stop 14.4 บาท) ... ล่าสุด Consensus upgrade ราคาเป้าหมายและคำแนะนำขึ้น
หุ้นมีข่าว
(-) UU ลูก EASTW พับแผนเข้า SET (โพสต์ทูเดย์) UU บริษัทลูก EASTW อายุไฟลิ่งหมด พับแผนเข้า SET หลังโครงการศึกษาขยายลงทุนธุรกิจน้ำประปาไม่เกิด นายสมบัติ อยู่สามารถ รองกรรมการผู้จัดการสายบริหาร บริษัท ยูนิเวอร์แซล ยูทีลิตี้ส์ (UU) ซึ่งเป็นบริษัทลูกผลิตน้ำประปาของบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (EASTW) เปิดเผยว่า ตอนนี้บริษัทยังไม่มีแผนการเสนอขายหุ้นให้ประชาชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) และจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หลังจากที่อายุของแบบเสนอรายการ (ไฟลิ่ง) ที่ได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ครบอายุ 1 ปี เนื่องจากผลการศึกษาที่จะขยายแผนการลงทุนในธุรกิจน้ำประปาไม่ได้เป็นไปตามที่คาดไว้
(+) TNP รุกขยายสาขาชิงชัยค้าปลีกภาคเหนือ (ไทยโพสต์) ซูเปอร์มาร์เก็ตท้องถิ่น "ธนพิริยะ" เดินหน้าแผน ธุรกิจ 50 สาขา มองเชียงรายยังเป็นทำเลยุทธศาสตร์ หวังสร้างการเติบโตปีละ 10-15% ต่อเนื่อง
(+) IHL มั่นใจปี 60 รายได้พุ่ง 25% อุตสาหกรรมรถยนต์ฟื้น-คำสั่งฟอกหนังเพิ่ม (ข่าวหุ้น) IHL ลุ้นผลงานไตรมาส 4/60 โต มองอุตสาหกรรมรถยนต์ฟื้นตัว-คำสั่งฟอกหนังเพิ่มขึ้น มั่นใจรายได้ปี 60 พุ่ง 15-25% แย้มไตรมาส 2/61 เปิดโรงฟอกหนังเฟส 1 รับรู้รายได้ทันที
(+) ADVANC* ทำสัญญากับ SingTel เข้าซื้อหุ้น CSL มูลค่ารวม 655 ล้านบาท (ข่าวหุ้น) ADVANC* ลั่น “AWN” บริษัทลูกเซ็นสัญญาซื้อหุ้น CSL กับทาง SingTel แล้ว จำนวน 84 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 655 ล้านบาท ในราคา 7.80 บาทต่อหุ้น
(+) AMATA* - WHA* ขาขึ้น ยอดขายที่ดินทะลัก (ข่าวหุ้น) AMATA* - WHA* ธุรกิจขาขึ้นเต็มสูบจับตาไตรมาส 3/60 กำไรแกร่ง โชว์โอนที่ดินนิคมอุตสาหกรรมทะลัก โบรกเกอร์เชียร์ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมายใหม่ทั้งคู่ ฟาก AMATA* ได้ราคา 25.10 บาท ส่วน WHA* รับราคาเป้าหมาย 4.33 บาท
(-) UU ลูก EASTW พับแผนเข้า SET (โพสต์ทูเดย์) UU บริษัทลูก EASTW อายุไฟลิ่งหมด พับแผนเข้า SET หลังโครงการศึกษาขยายลงทุนธุรกิจน้ำประปาไม่เกิด นายสมบัติ อยู่สามารถ รองกรรมการผู้จัดการสายบริหาร บริษัท ยูนิเวอร์แซล ยูทีลิตี้ส์ (UU) ซึ่งเป็นบริษัทลูกผลิตน้ำประปาของบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (EASTW) เปิดเผยว่า ตอนนี้บริษัทยังไม่มีแผนการเสนอขายหุ้นให้ประชาชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) และจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หลังจากที่อายุของแบบเสนอรายการ (ไฟลิ่ง) ที่ได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ครบอายุ 1 ปี เนื่องจากผลการศึกษาที่จะขยายแผนการลงทุนในธุรกิจน้ำประปาไม่ได้เป็นไปตามที่คาดไว้
(+) TNP รุกขยายสาขาชิงชัยค้าปลีกภาคเหนือ (ไทยโพสต์) ซูเปอร์มาร์เก็ตท้องถิ่น "ธนพิริยะ" เดินหน้าแผน ธุรกิจ 50 สาขา มองเชียงรายยังเป็นทำเลยุทธศาสตร์ หวังสร้างการเติบโตปีละ 10-15% ต่อเนื่อง
(+) IHL มั่นใจปี 60 รายได้พุ่ง 25% อุตสาหกรรมรถยนต์ฟื้น-คำสั่งฟอกหนังเพิ่ม (ข่าวหุ้น) IHL ลุ้นผลงานไตรมาส 4/60 โต มองอุตสาหกรรมรถยนต์ฟื้นตัว-คำสั่งฟอกหนังเพิ่มขึ้น มั่นใจรายได้ปี 60 พุ่ง 15-25% แย้มไตรมาส 2/61 เปิดโรงฟอกหนังเฟส 1 รับรู้รายได้ทันที
(+) ADVANC* ทำสัญญากับ SingTel เข้าซื้อหุ้น CSL มูลค่ารวม 655 ล้านบาท (ข่าวหุ้น) ADVANC* ลั่น “AWN” บริษัทลูกเซ็นสัญญาซื้อหุ้น CSL กับทาง SingTel แล้ว จำนวน 84 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 655 ล้านบาท ในราคา 7.80 บาทต่อหุ้น
(+) AMATA* - WHA* ขาขึ้น ยอดขายที่ดินทะลัก (ข่าวหุ้น) AMATA* - WHA* ธุรกิจขาขึ้นเต็มสูบจับตาไตรมาส 3/60 กำไรแกร่ง โชว์โอนที่ดินนิคมอุตสาหกรรมทะลัก โบรกเกอร์เชียร์ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมายใหม่ทั้งคู่ ฟาก AMATA* ได้ราคา 25.10 บาท ส่วน WHA* รับราคาเป้าหมาย 4.33 บาท
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
CPALL* (เป้าพื้นฐาน 77 บาท) ประเมินแกว่งตัวในกรอบ 68.5 – 72 บาท แนะนำ “เก็งกำไร” ในกรอบฯ
KTC* (เป้า Consensus 135.5 บาท) ประเมินแกว่งตัวในกรอบ 130 – 141 บาท แนะนำ “เก็งกำไร” ในกรอบฯ
THE (ยังไม่มีเป้า Consensus) ยืนเหนือแนวราคา 5 บาทได้ แนะนำ “Let profit run” / แต่หากต่ำกว่า 5 บาท แนะนำ “ขายล๊อกกำไร”
BEC (เป้า Consensus 16.3 บาท / สูงสุด 23.5 บาท) ประเมินแนวรับ 18.1 บาท แนวต้าน 18.9 บาท และ 19.6 บาท (Stop loss 17.5 บาท)
BBL* (เป้าพื้นฐาน 220 บาท) ประเมินแนวรับ 188 บาท แนวต้าน 198 บาท (Stop loss 186 บาท)
CPALL* (เป้าพื้นฐาน 77 บาท) ประเมินแกว่งตัวในกรอบ 68.5 – 72 บาท แนะนำ “เก็งกำไร” ในกรอบฯ
KTC* (เป้า Consensus 135.5 บาท) ประเมินแกว่งตัวในกรอบ 130 – 141 บาท แนะนำ “เก็งกำไร” ในกรอบฯ
THE (ยังไม่มีเป้า Consensus) ยืนเหนือแนวราคา 5 บาทได้ แนะนำ “Let profit run” / แต่หากต่ำกว่า 5 บาท แนะนำ “ขายล๊อกกำไร”
BEC (เป้า Consensus 16.3 บาท / สูงสุด 23.5 บาท) ประเมินแนวรับ 18.1 บาท แนวต้าน 18.9 บาท และ 19.6 บาท (Stop loss 17.5 บาท)
BBL* (เป้าพื้นฐาน 220 บาท) ประเมินแนวรับ 188 บาท แนวต้าน 198 บาท (Stop loss 186 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
กลุ่มโรงไฟฟ้า น้ำหนักการลงทุน “มากกว่าตลาดฯ” คาดกำไรสุทธิรวมของกลุ่มฯ 3Q60 เติบโต +21% YoY แต่ลดลง -16% QoQ โดยหุ้นกลุ่มที่คาดกำไรจะโตเด่น YoY และ QoQ ได้แก่กลุ่มพลังงานทดแทน อาทิ BCPG*, GUNKUL*, TPCH ขณะที่หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าแบบ Conventional อาทิ BPP*, EGCO*, GLOW*, RATCH* คาดกำไรจะโต YoY แต่ชะลอตัวลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล วันนี้ฝ่ายวิจัยฯออกบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน Initiate coverage WHAUP (แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 8.5 บาท) และ BGRIM (แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 26 บาท)
กลุ่มโรงไฟฟ้า น้ำหนักการลงทุน “มากกว่าตลาดฯ” คาดกำไรสุทธิรวมของกลุ่มฯ 3Q60 เติบโต +21% YoY แต่ลดลง -16% QoQ โดยหุ้นกลุ่มที่คาดกำไรจะโตเด่น YoY และ QoQ ได้แก่กลุ่มพลังงานทดแทน อาทิ BCPG*, GUNKUL*, TPCH ขณะที่หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าแบบ Conventional อาทิ BPP*, EGCO*, GLOW*, RATCH* คาดกำไรจะโต YoY แต่ชะลอตัวลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล วันนี้ฝ่ายวิจัยฯออกบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน Initiate coverage WHAUP (แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 8.5 บาท) และ BGRIM (แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 26 บาท)
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- นัยรับ 1707 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นหรือปิดเหนือนัยรับ 1707 จุดนั้น อาจทรงราคาขึ้นในกรอบ 1707-1719 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงปิดเหนือนัยรับ 1707 จุดนั้น อาจทรงราคาลงในกรอบ 1707-1692 จุด
แนวรับวันนี้: 1707/1693 แนวต้านวันนี้: 1713/1719
วันนี้ หากดัชนี SET ดีดขึ้นหรือปิดเหนือนัยรับ 1707 จุดนั้น อาจทรงราคาขึ้นในกรอบ 1707-1719 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงปิดเหนือนัยรับ 1707 จุดนั้น อาจทรงราคาลงในกรอบ 1707-1692 จุด
แนวรับวันนี้: 1707/1693 แนวต้านวันนี้: 1713/1719
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ