WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBSบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 
 
“ยืนเหนือ 1700 จุดได้...เลือกซื้อ/ถือต่อ”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
  ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET เมื่อวันก่อน เด้งกลับและปิดเหนือ 1700 ได้เล็กน้อย (ปิด +9.23 จุดที่ 1701.81) นำโดยหุ้นโรงกลั่น แบงค์เล็ก ไฟแนนซ์ ค้าปลีก และอิเลคทรอนิกส์ สถาบันในปท.นำซื้อสุทธิ 1.6 พันลบ. ต่างชาติซื้อสุทธิแต่ไม่มาก รายย่อยนำขายสุทธิ
  สำหรับวันนี้ : ปัจจัยภายนอก ราคาน้ำมันดิบบวกขึ้นต่อ (ล่าสุด WTI 52.47 & BRENT 58.33 US$/bbl) คาดว่าอุปสงค์อุปทานจะเข้าสู่ภาวะสมดุลได้เร็วจากการเติบโตของอุปสงค์ที่ดีกว่าคาด ซึ่งเป็นไปตามการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน & ปิโตรเคมี หุ้นเด่นคือ BCP, PTTGC ด้านค่าเงิน US$ แข็งค่าขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง & โอกาสการปรับขึ้นดอกเบี้ยเฟดเดือน ธ.ค.ที่ยังสูง และประเมินว่าประธานเฟดคนใหม่ไม่น่าเปลี่ยนนโยบายการเงินภาพกว้างมากนัก ติดตามผลประชุม ECB 26 ต.ค.นี้ ซึ่งอาจมีการประกาศแผนลด QE ส่วนปัจจัยภายใน ที่มีน้ำหนักมากเป็นรายงานกำไร 3Q60 ส่วนค่าเงินบาทคาดช่วง 4Q60 จะอ่อนลงบ้างแต่ไม่มาก
  + TMB : ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น เป็น “F1+(tha)” จากเดิม “F1(tha)” เพราะฐานะสภาพคล่องและความสามารถในการระดมเงินดีขึ้น ทาง DBSV ก็มีมุมมองบวกต่อ TMB มากขึ้นเช่นกัน ธนาคารประสบความสำเร็จด้านกลยุทธ์เงินฝาก และการจับมือกับ FDW ทำให้มีรายได้ค่าธรรมเนียมคงที่ 330 บาท/ไตรมาสไป 15 ปี บวกค่าคอมฯ&ส่วนแบ่งกำไรด้วย แนะซื้อ ให้ TP 3.20 บาท
  + ERW : คาดกำไร 3Q60 +42%YoY และ +38%QoQ เป็น 79 ล้านบาท จาก RevPar ที่ไม่รวม Hop Inn เพิ่ม 3-4% และของ Hop Inn เพิ่มเป็นเลขสองหลัก บริหารจัดการด้านต้นทุน&ค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น เปิดโรงแรมใหม่ในราคาไม่แพงเพิ่มขึ้นเพราะดีมานด์สูง แนะซื้อ ให้ TP 7.7 บาท
  + AMATA : ปรับเพิ่ม TP เป็น 25.10 บาท (เดิม 22 บาท) ซึ่งมีส่วนลดจาก NAV 20% ทั้งนี้คาดกำไร 3Q60 จะ +166%YoY และ +90%QoQ เป็น 486 ล้านบาทจากโอนมากขึ้น มาร์จิ้นสูงขึ้น และรายได้ค่าเช่าเพิ่มขึ้น ระยะยาวไปได้ดี และมีโครงการ EEC ช่วยหนุนด้วย แนะซื้อ
  กลยุทธ์ลงทุน : เน้นซื้อตามค่าบวก โดยช่วงนี้ SET มีแนวรับ 1670-1660 จุด แนวต้าน 1700-1710 จุด แนวฟิวเตอร์ 1685 จุด (ต่ำกว่านี้ดูไม่ค่อยดี) สำหรับหุ้นแนะนำรายสัปดาห์ (25-31 ต.ค.) คือ AMATA, ERW (ERW เป็นการถือต่อจากสัปดาห์ก่อน ส่วน BBL จะถือลงทุนต่อหรือเปลี่ยนตัวเป็น AMATA ก็ได้) ส่วนหุ้น Picks ใน Wealth Perspective-Equity เดือนต.ค.60 คือ ERW, MTLS, KBANK, PTTGC, TISCO และ Dark Horse เป็น COM7
  ส่วนหุ้นเทคนิคดีมีโอกาสทำ New High ที่เข้ามาใหม่คือ THANI, SQ, ESSO, TCJ, ROBINS, PSH ส่วนหุ้นแนะนำไปแล้วและให้ถือต่อเป็น SENA, PTTGC, TMB, M, SGP, CBG, KKP, PSL ส่วนหุ้นที่แนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะขายทำกำไร ได้แก่ M, SAWAD, TOA, TOP, COM7, SEAFCO หุ้นที่หลุด List เป็น STAR

 

ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
- ยูโรโซน : ดัชนี PMI ภาคผลิตและบริการเดือนต.ค.อ่อนลง
  # ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่าดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นของยูโรโซน อยู่ที่ 54.9 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ลดลงจากระดับ 55.8 ในเดือนก.ย. ขณะที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น อยู่ที่ 58.7 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ลดลงจากระดับ 59.2 ในเดือนก.ย.
• ยูโรโซน : จับตาผลประชุม ECB พรุ่งนี้...อาจประกาศแผนลด QE
  # นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพรุ่งนี้ (26 ต.ค.60) ซึ่งคาดว่า ECB อาจจะประกาศการปรับลดวงเงินการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
+ สหรัฐ : ดัชนี PMI ภาคผลิตเดือนต.ค.ปรับขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือนและภาคบริการเพิ่มขึ้นต่อ
  # ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนต.ค.ของสหรัฐ อยู่ที่ระดับ 54.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน จากระดับ 53.1 ในเดือนก.ย. ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้นเดือนต.ค. อยู่ที่ 55.9 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 55.3 ในเดือนก.ย.
• สหรัฐ : จับตาผู้ที่จะมาเป็นประธานเฟดคนใหม่แทนนางเยลเลน
  # จับตาการแต่งตั้งผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ โดยขณะนี้มีตัวเก็ง 5 คนที่อาจได้รับการพิจารณา ซึ่งได้แก่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบัน ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนก.พ.ปีหน้า, นายแกรี โคห์น หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์, นายเควิน วอร์ช อดีตผู้ว่าการเฟด, นายเจอโรม พาวเวล หนึ่งในผู้ว่าการเฟดสมัยปัจจุบัน และนายจอห์น เทย์เลอร์ นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
  # มีกระแสคาดการณ์ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจประกาศชื่อประธานเฟดคนใหม่ก่อนที่เขาจะเดินทางเยือนภูมิภาคเอเชียในวันที่ 3 พ.ย.นี้ โดยขณะนี้ปธน.ทรัมป์กำลังพิจารณาบุคคลอย่างน้อย 3 คน ซึ่งได้แก่ นางเจเน็ต เยลเลน,นายเจอโรม พาวเวล และนายจอห์น เทย์เลอร์
+ ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ปรับขึ้นขานรับผลประกอบการบริษัทใหญ่ที่แข็งแกร่ง
  # ดัชนี DJIA ปิดที่ 23,441.76 จุด เพิ่มขึ้น 167.80 จุด หรือ +0.72% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,569.13 จุด เพิ่มขึ้น 4.15 จุด หรือ +0.16% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,598.43 จุด เพิ่มขึ้น 11.60 จุด หรือ +0.18% การซื้อขายคึกคัก หนุนโดยกำไรที่แข็งแกร่งของบริษัทขนาดใหญ่ เช่น แคทเธอร์พิลลาร์ ผู้ผลิตเครื่องมือก่อสร้างขนาดใหญ่ที่สุดในโลก, 3M, เจเนอรัลมอเตอร์ (GM) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ, แมคโดนัลด์ คอร์ป รวมทั้งดัชนี PMI ภาคผลิตและบริการเดือนต.ค.ของสหรัฐออกมาดี
  # จับตาผู้ที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ รวมทั้งการรายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 3 ของสหรัฐ ในสัปดาห์นี้
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาปรับขึ้น
  # สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 57 เซนต์ หรือ +1.1% ปิดที่ 52.47 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย.ปีนี้ ส่วน BRENT ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 96 เซนต์ หรือ +1.7% ปิดที่ 58.33 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย.60
  # นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 2.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะเดียวกันคาดว่าสต็อกน้ำมันเบนซิน และสต็อกน้ำมันกลั่น จะปรับตัวลงอย่างน้อย 1.5 ล้านบาร์เรล และประเมินว่าอุปสงค์อุปทานน้ำมันจะเข้าสู่ภาวะสมดุลได้เร็วเพราะการเติบโตของอุปสงค์ที่ดีกว่าคาด ซึ่งเป็นไปตามการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
- ภาวะตลาดทองคำ : ราคาอ่อนลง
  # สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.60 ดอลลาร์ หรือ 0.20% ปิดที่ระดับ 1,278.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ทั้งนี้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งขึ้นหลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาแข็งแกร่ง
ปัจจัยในประเทศ และข่าวเด่น
+ TMB : ฟิทช์ฯเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นเป็น F1+ (tha)
  # บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-Term Rating) ของ TMB เป็น “F1+(tha)” จากเดิม “F1(tha)” เพราะฐานะสภาพคล่องและความสามารถในการระดมเงินดีขึ้น พร้อมคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Foreign Currency Issuer Default Rating) ของธนาคาร ส่วนแนวโน้ม “มีเสถียรภาพ (Stable)”
  # และฟิทช์ได้ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว BAY เนื่องจาก BAY เป็นบริษัทลูกที่มีบทบาทสำคัญเชิงกลยุทธ์ต่อ Bank of Tokyo-Mitsubishi UFJ, Ltd. (BTMU) ที่ถือหุ้นใน BAY 76.9% ซึ่งเป็นลูกที่ใหญ่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และใหญ่สุดในบริษัทลูกของ BTMU นอกญี่ปุ่น และคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของ TBANK & TCAP เพราะฐานะการเงินแข็งแกร่งขึ้นต่อเนื่อง เป็นผู้นำในตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และได้รับการสนับสนุนด้านการดำเนินงาน & บริหารจัดการ และวงเงินสินเชื่อแบบไม่ผูกพันจาก Bank of Nova Scotia (AA-/ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) ซึ่งถือหุ้นในธนาคาร 49% ด้วย แนวโน้มของ BAY, TBANK & TCAP “มีเสถียรภาพ”

 

นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]
OO1631

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!