- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 25 October 2017 17:14
- Hits: 7666
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily 25-10-17
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตลาดยืนบวกเล็กน้อยถือเป็นจุดต่ำสุดของวันที่ 1693.03 จุด เพิ่มขึ้น 0.45 จุด พร้อมกับแกว่งตัวสลับขึ้นที่ไต่ตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยตลาดหันมาเน้นเก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็กนำโดย TOA, GL, SSP, BGRIM, PTTGC, PRM, BEAUTY, TOP ขึ้นทำจุดสูงสุดของวันที่ 1706 จุด เพิ่มขึ้น 13.42 จุด ทำให้มีกรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันที่ 12.97 จุด ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1701.81 จุด เพิ่มขึ้น 9.23 จุด (+0.55%) มูลค่าการซื้อขาย 48,286 ล้านบาท
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตลาดยืนบวกเล็กน้อยถือเป็นจุดต่ำสุดของวันที่ 1693.03 จุด เพิ่มขึ้น 0.45 จุด พร้อมกับแกว่งตัวสลับขึ้นที่ไต่ตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยตลาดหันมาเน้นเก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็กนำโดย TOA, GL, SSP, BGRIM, PTTGC, PRM, BEAUTY, TOP ขึ้นทำจุดสูงสุดของวันที่ 1706 จุด เพิ่มขึ้น 13.42 จุด ทำให้มีกรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันที่ 12.97 จุด ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1701.81 จุด เพิ่มขึ้น 9.23 จุด (+0.55%) มูลค่าการซื้อขาย 48,286 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
ดัชนีวานนี้เดินหน้า Rebound ได้ต่อ ด้วยการยก High-Low กลับขึ้นมายืน 1700 จุดอีกครั้ง มี High ที่ 1706 จุด ก่อนที่จะทำปิดที่ 1701 จุด แต่ด้วยปริมาณการซื้อขายยังไม่สนับสนุนต่อการ Rebound มากนัก ทำให้ต้องระมัดระวังต่อการพักตัวอีกรอบ โดยจุดที่ต้องลุ้นกลับขึ้นไปยืน 1710 จุดให้ได้ เนื่องจากเป็นบริเวณ 2 ใน 3 ของรอบขาลงที่พักตัวลงมา การกลับขึ้นไปยืนได้นั้น จะทำให้ภาพของขาขึ้นกลับมาอีกครั้ง แต่หากผ่านไม่ได้ทำให้มีโอกาสพักตัวอีกรอบ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะ Sideway หรือทิ้งลงในแนวดิ่ง แนวต้าน 1707-1712 จุด และแนวรับ 1690-1695 จุด
แกว่งตัวผันผวน – ลุ้นกลับขึ้นไปยืน 1710 จุด เพื่อเป็นสัญญาณไปต่อ
Support 1665 // 1650 จุด Resistance 1720 // 1735 จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์
Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110
Tel 02- 6481124
Email: [email protected]
ดัชนีวานนี้เดินหน้า Rebound ได้ต่อ ด้วยการยก High-Low กลับขึ้นมายืน 1700 จุดอีกครั้ง มี High ที่ 1706 จุด ก่อนที่จะทำปิดที่ 1701 จุด แต่ด้วยปริมาณการซื้อขายยังไม่สนับสนุนต่อการ Rebound มากนัก ทำให้ต้องระมัดระวังต่อการพักตัวอีกรอบ โดยจุดที่ต้องลุ้นกลับขึ้นไปยืน 1710 จุดให้ได้ เนื่องจากเป็นบริเวณ 2 ใน 3 ของรอบขาลงที่พักตัวลงมา การกลับขึ้นไปยืนได้นั้น จะทำให้ภาพของขาขึ้นกลับมาอีกครั้ง แต่หากผ่านไม่ได้ทำให้มีโอกาสพักตัวอีกรอบ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะ Sideway หรือทิ้งลงในแนวดิ่ง แนวต้าน 1707-1712 จุด และแนวรับ 1690-1695 จุด
แกว่งตัวผันผวน – ลุ้นกลับขึ้นไปยืน 1710 จุด เพื่อเป็นสัญญาณไปต่อ
Support 1665 // 1650 จุด Resistance 1720 // 1735 จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์
Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110
Tel 02- 6481124
Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
"พร้อมไปต่อ ถ้ายืนเหนือ 1700 จุด ได้ "
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : ตลาดจะผันผวนน้อยลง นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุด ...... วันก่อนแรงซื้อส่วนหนึ่งมาจากผ่านช่วงวันหยุดยาว นักลงทุนกลับเข้ามาซื้อหุ้นตัวหลักๆของตลาด ปัจจัยบวกของตลาดที่สำคัญ ยังคงเป็นปัจจัยในประเทศ คือ แนวโน้มและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย ที่ยังดีอยู่ มีการเข้ามาเก็งผลประกอบการ 3Q ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น เป็นบวกต่อหุ้นน้ำมันและปิโตรเคมี ...... อย่างไรก็ตาม การซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศ หรือตลาดหุ้นเอเซียอื่นๆ ยังให้ความสนใจและรอดู การประกาศชื่อประธาน Fed คนใหม่ (ถ้าเป็น Kevin Warsh หรือ John Taylor ดอลล่าร์จะแข็งค่า เป็นลบต่อตลาดหุ้นไทย) และการประชุม ECB (26) เพื่อติดตามสัญญาณการปรับลด QE หลัง Fed กำหนดวันที่จะเริ่มดำเนเนการไปแล้ว
กลยุทธ์การลงทุน : การพักตัวของตลาดอาจจบลง และจะ confirm หากวันนี้ ดัชนีฯยืนเหนือ 1700 จุดได้อย่างมั่นคง ..... กลยุทธ์การลงทุน เป็น "selective buy" เราแนะให้ทยอยขายหุ้นที่ขึ้นมามากและมีปัจจัยหนุนที่ไม่มากพอให้ไปต่อได้ เพื่อเปลียนไปลงทุนในหุ้นที่ มีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวด้านกำลังซื้อของผู้บริโภค(กลุ่มค้าปลีก) และหุ้นที่อิงมาตรการเศรษฐกิจและการลงทุนภาครัฐฯ เช่นกลุ่มนิคมฯ ที่เราคาดว่าจะเป็นเป้าหมายของนักลงทุนสถาบันฯ ในรอบนี้ ... สำหรับหุ้นกลุ่มน้ำมัน-ปิโตรเคมีขั้นต้น แม้เราจะประเมินว่าราคาน้ำมันดิบที่ขยับขึ้นมาเกิน $50 เหรียญ จะลด margin ใน 4Q ให้ลดลง ราคาหุ้นปรับขึ้นมามาก แต่ในระยะสั้นๆ การเข้ามาเก็งกำไรต่องบ 3Q ที่จะออกมาดีมาก และเป็นกลุ่มที่นักลงทุนขนาดใหญ่เข้าลงทุนในช่วงนี้ จึงสามารถเข้าลงทุนได้ แต่ควรเน้นเก็งกำไรช่วงสั้นๆ
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน : สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ CPALL, BCH, WHA*, M*, ASAP, RS*
หุ้นแนะนำทางเทคนิค : BCPG, WHA, FER
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
"พร้อมไปต่อ ถ้ายืนเหนือ 1700 จุด ได้ "
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : ตลาดจะผันผวนน้อยลง นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุด ...... วันก่อนแรงซื้อส่วนหนึ่งมาจากผ่านช่วงวันหยุดยาว นักลงทุนกลับเข้ามาซื้อหุ้นตัวหลักๆของตลาด ปัจจัยบวกของตลาดที่สำคัญ ยังคงเป็นปัจจัยในประเทศ คือ แนวโน้มและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย ที่ยังดีอยู่ มีการเข้ามาเก็งผลประกอบการ 3Q ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น เป็นบวกต่อหุ้นน้ำมันและปิโตรเคมี ...... อย่างไรก็ตาม การซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศ หรือตลาดหุ้นเอเซียอื่นๆ ยังให้ความสนใจและรอดู การประกาศชื่อประธาน Fed คนใหม่ (ถ้าเป็น Kevin Warsh หรือ John Taylor ดอลล่าร์จะแข็งค่า เป็นลบต่อตลาดหุ้นไทย) และการประชุม ECB (26) เพื่อติดตามสัญญาณการปรับลด QE หลัง Fed กำหนดวันที่จะเริ่มดำเนเนการไปแล้ว
กลยุทธ์การลงทุน : การพักตัวของตลาดอาจจบลง และจะ confirm หากวันนี้ ดัชนีฯยืนเหนือ 1700 จุดได้อย่างมั่นคง ..... กลยุทธ์การลงทุน เป็น "selective buy" เราแนะให้ทยอยขายหุ้นที่ขึ้นมามากและมีปัจจัยหนุนที่ไม่มากพอให้ไปต่อได้ เพื่อเปลียนไปลงทุนในหุ้นที่ มีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวด้านกำลังซื้อของผู้บริโภค(กลุ่มค้าปลีก) และหุ้นที่อิงมาตรการเศรษฐกิจและการลงทุนภาครัฐฯ เช่นกลุ่มนิคมฯ ที่เราคาดว่าจะเป็นเป้าหมายของนักลงทุนสถาบันฯ ในรอบนี้ ... สำหรับหุ้นกลุ่มน้ำมัน-ปิโตรเคมีขั้นต้น แม้เราจะประเมินว่าราคาน้ำมันดิบที่ขยับขึ้นมาเกิน $50 เหรียญ จะลด margin ใน 4Q ให้ลดลง ราคาหุ้นปรับขึ้นมามาก แต่ในระยะสั้นๆ การเข้ามาเก็งกำไรต่องบ 3Q ที่จะออกมาดีมาก และเป็นกลุ่มที่นักลงทุนขนาดใหญ่เข้าลงทุนในช่วงนี้ จึงสามารถเข้าลงทุนได้ แต่ควรเน้นเก็งกำไรช่วงสั้นๆ
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน : สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ CPALL, BCH, WHA*, M*, ASAP, RS*
หุ้นแนะนำทางเทคนิค : BCPG, WHA, FER
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
(-) DELTA : รายงานกำไรสุทธิ 3Q17 ต่ำกว่าตลาดคาดเล็กน้อย รอลุ้นใหม่ปีหน้า
(IPO) PORT : ผู้ให้บริการอย่างครบวงจรเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าทางน้ำ
(-) DELTA : รายงานกำไรสุทธิ 3Q17 ต่ำกว่าตลาดคาดเล็กน้อย รอลุ้นใหม่ปีหน้า
(IPO) PORT : ผู้ให้บริการอย่างครบวงจรเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าทางน้ำ
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (24 ต.ค.) ปิดที่ระดับ 1,701.81 จุด เพิ่มขึ้น 9.23 จุด หรือ +0.55% มูลค่าการซื้อขาย 48,286.01 ล้านบาท ตลาดสามารถปรับตัวขึ้นมายืนเหนือ 1,700 จุดได้อีกครั้ง แม้ยังไม่มีปัจจัยบวกที่เป็นนัยยะสำคัญเข้ามา คาดเป็นเพียงแรงซื้อคืนเท่านั้น
ตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,441.76 จุด เพิ่มขึ้น 167.80 จุด หรือ +0.72% ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดได้ต่อเนื่อง จากปัจจัยเฉพาะตัวหลัง บริษัทแคทเธอร์พิลลาร์และ 3M ประกาศผลการดำเนินงานที่ดีกว่าคาด .... แต่ด้าน Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.4% ปิดที่ 389.33 จุด จากความกังวลในสเปน
ปัจจัยต่างประเทศ : ความกังวลในสเปนมีสูงขึ้น, การเลือกประธาน Fed คนใหม่, ติดตามการประชุม ECB มีโอกาสมากขึ้นที่สเปนจะยกเลิกอำนาจในการปกตรองตนเองของแคว้นกาตาลุญญา ติดตามการประชุมของวุฒิสภาของสเปนจะในวันศุกร์นี้เพื่ออนุมัติการใช้มาตรา 155 แห่งรัฐธรรมนูญสเปน.... KTBST มองว่า Kevin Warsh มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นประธาน Fed คนต่อไปมากที่สุด ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อ Fund Flow เนื่องจาก นโยบายที่ Aggressive เป็นบวกต่อดอลล่าร์ แต่กระตุ้นให้นักลงทุนต่างประเทศลดพอร์ตหุ้นที่ค่าเงินอ่อนลง …. ติดตามการประชุม ECB ในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า ECB จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนการที่จะปรับลดโครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
ปัจจัยในประเทศ : ครม. เห็นชอบมาตรการให้เอกชนร่วมลงทุน, ติดตามการรายงานผลประกอบการ Q2 ครม.วานนี้มีประเด็นที่น่าสนใจเรื่อง เห็นชอบปรับจัดทำรายการโครงการในกิจการภายใต้ร่างแผนยุทธศาสตร์การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2560-2564 (Project Pipeline) จำนวน 55 โครงการ มูลค่าการลงทุน 1.62 ล้านล้านบาท การเปลี่ยนจากการที่ภาครัฐเป็นผู้ลงทุน เป็นเอกชนเป็นผู้ลงทุนร่วม หรือ PPP จะส่งผลบวกต่อบริษัทที่ดำเนินธุรกิจการรับสัมปทานเช่น BEM และ BTS รวมถึงบริษัทที่มีโครงสร้างทางธุรกิจรองรับการลงทุนในรูปแบบ PPP อย่าง CK …. เข้าสู่ช่วงการประกาศผลการดำเนินงานช่วง 3Q17 ในสัปดาห์นี้ยังไม่มีบริษัทขนาดใหญ่ที่ประกาศผลการดำเนินงาน ประเมินกำไรน่าจะต่ำกว่า 2Q17 ที่มีกำไร 2.33 แสนล้านบาท กำไรของหุ้นน้ำมัน-ปิโตรเคมี ดีขึ้น แต่มีค่าใช้จ่ายพิเศษของ PTTEP-PTT เข้ามา
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (24 ต.ค.) ปิดที่ระดับ 1,701.81 จุด เพิ่มขึ้น 9.23 จุด หรือ +0.55% มูลค่าการซื้อขาย 48,286.01 ล้านบาท ตลาดสามารถปรับตัวขึ้นมายืนเหนือ 1,700 จุดได้อีกครั้ง แม้ยังไม่มีปัจจัยบวกที่เป็นนัยยะสำคัญเข้ามา คาดเป็นเพียงแรงซื้อคืนเท่านั้น
ตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,441.76 จุด เพิ่มขึ้น 167.80 จุด หรือ +0.72% ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดได้ต่อเนื่อง จากปัจจัยเฉพาะตัวหลัง บริษัทแคทเธอร์พิลลาร์และ 3M ประกาศผลการดำเนินงานที่ดีกว่าคาด .... แต่ด้าน Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.4% ปิดที่ 389.33 จุด จากความกังวลในสเปน
ปัจจัยต่างประเทศ : ความกังวลในสเปนมีสูงขึ้น, การเลือกประธาน Fed คนใหม่, ติดตามการประชุม ECB มีโอกาสมากขึ้นที่สเปนจะยกเลิกอำนาจในการปกตรองตนเองของแคว้นกาตาลุญญา ติดตามการประชุมของวุฒิสภาของสเปนจะในวันศุกร์นี้เพื่ออนุมัติการใช้มาตรา 155 แห่งรัฐธรรมนูญสเปน.... KTBST มองว่า Kevin Warsh มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นประธาน Fed คนต่อไปมากที่สุด ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อ Fund Flow เนื่องจาก นโยบายที่ Aggressive เป็นบวกต่อดอลล่าร์ แต่กระตุ้นให้นักลงทุนต่างประเทศลดพอร์ตหุ้นที่ค่าเงินอ่อนลง …. ติดตามการประชุม ECB ในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า ECB จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนการที่จะปรับลดโครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
ปัจจัยในประเทศ : ครม. เห็นชอบมาตรการให้เอกชนร่วมลงทุน, ติดตามการรายงานผลประกอบการ Q2 ครม.วานนี้มีประเด็นที่น่าสนใจเรื่อง เห็นชอบปรับจัดทำรายการโครงการในกิจการภายใต้ร่างแผนยุทธศาสตร์การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2560-2564 (Project Pipeline) จำนวน 55 โครงการ มูลค่าการลงทุน 1.62 ล้านล้านบาท การเปลี่ยนจากการที่ภาครัฐเป็นผู้ลงทุน เป็นเอกชนเป็นผู้ลงทุนร่วม หรือ PPP จะส่งผลบวกต่อบริษัทที่ดำเนินธุรกิจการรับสัมปทานเช่น BEM และ BTS รวมถึงบริษัทที่มีโครงสร้างทางธุรกิจรองรับการลงทุนในรูปแบบ PPP อย่าง CK …. เข้าสู่ช่วงการประกาศผลการดำเนินงานช่วง 3Q17 ในสัปดาห์นี้ยังไม่มีบริษัทขนาดใหญ่ที่ประกาศผลการดำเนินงาน ประเมินกำไรน่าจะต่ำกว่า 2Q17 ที่มีกำไร 2.33 แสนล้านบาท กำไรของหุ้นน้ำมัน-ปิโตรเคมี ดีขึ้น แต่มีค่าใช้จ่ายพิเศษของ PTTEP-PTT เข้ามา
Stock in Focus
หุ้น เหตุผล
CPALL(ราคาปิด 70.00) มองว่า CPALL ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดย SSSG ของ CPALL ปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้งที่ประมาณ +2% YoY จากที่ติดลบ -1% ในช่วง 2Q17 โดยเราคาดกำไรช่วง 3Q17 จะออกมาดีที่ 4,790 ล้านบาท (+16% YoY, +3% QoQ) …. KTBST คาดผลประกอบการปี 2017 ที่ 18,867 ล้านบาท (+13% YoY) และคาดจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2018 ที่ 21,911 ล้านบาท (+16% YoY) …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 79.00 บาท)
BCH(ราคาปิด 16.40) BCH เป็นอีกหนึ่งหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่คาดว่าผลประกอบการช่วง 3Q17 จะเติบโตมาก การเพิ่มงบประมาณของสำนักงานประกันสังคมให้กับโรงพยาบาลในเครือข่าย คาดจะยังมีต่อเนื่อง .... คาดกำไรสุทธิของ BCH ใน 3Q17 จะออกมาที่ 301 ล้านบาท (+23.8% YoY, +75.0% QoQ) ทำสถิติสูงสุดใหม่ เนื่องจากสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ปรับขึ้นค่า RW>2 .... คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2017 เติบโต 18% YoY ที่ 885 ล้านบาท และคาดจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2018 ที่ 17% YoY ที่ 1,039 ล้านบาท .... (ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 18.50 บาท)
WHA*(ราคาปิด 3.72) การลงทุนในดซน EEC (ฉะเชิงเทรา-ชลบุรี-ระยอง) มีความคืบหน้าไปอย่างมาก นักลงทุนญี่ปุ่นเข้าเยี่ยมไปตั้งแต่เดือน ก.ย. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จากมาตรการดังกล่าว เราจึงมอง WHA มีแนวโน้มยอดการขายที่ดินสูงในปีนี้ และคาดยอดโอนที่ดินจะสูงในปีหน้า .... Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 จะเติบโตเล็กน้อยที่ +5% ที่ 3,040 ล้านบาท แต่คาดจะเติบโตได้สูงในปี 2018 ที่ +14% ที่ 3,480 ล้านบาท .... (ราคาที่เหมาะสม โดย Bloomberg ที่ 4.04 บาท)
M*(ราคาปิด 71.50) เริ่มมีปริมาณการซื้อขายเข้ามามากสำหรับ M โดยเรามองว่าช่วง 3Q17 บริษัทจะยังคงเติบโตได้ดีแม้เป็นช่วง low season เนื่องจากราคาหมูและเป็ดปรับตัวลง ซึ่งจะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น .... Bloomberg คาดผลประกอบการปี 2017 ที่ 2,481 ล้านบาท (+18% YoY) และคาดจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2018 ที่ 2,660 ล้านบาท (+7% YoY) .... (ราคาพื้นฐานโดย Bloomberg ที่ 68.25 บาท)
ASAP(ราคาปิด 8.50) เรามองว่า ASAP เป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่จะประกาศผลการดำเนินงาน 3Q17 ออกมาดี คาดกำไรสุทธิ 3Q17 ยังคงขยายตัวต่อเนื่องตามยอดซื้อรถยนต์ให้เช่าที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยไตรมาส ละ 800 - 1,000 คัน .... กำไรสุทธิ ปี 2017 เราคาดไว้ที่ 122 ล้านบาท (+74.4%YoY) และปี 2018 ที่ 187 ล้านบาท (+53.3%YoY) มาจาก คาดจำนวนรถให้เช่า อยู่ที่ 9.7 พันคัน +29% YoY ราคารถยนต์มือสองสูงขึ้น เพิ่มกำไรจากการขายรถ (ปี 2017 เพิ่มจาก 8.0% เป็น 8.5%) แผนงานขายรถยนต์มือสอง ทางออนไลน์ และลงทุนระบบ CarPro System เพื่อบริหารจัดการการจองรถให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น … (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 9.0 บาท)
RS*(ราคาปิด 21.30) ผู้บริหาร RS กล่าวว่าธุรกิจทีวีดิจิทัลของอาร์เอส ยังมีโอกาสเติบโตได้ คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีผู้ชมแตะ 5 แสนคนต่อนาที จากระดับ 4 แสนต้นๆ ต่อนาทีในขณะนี้ หรือเพิ่มขึ้น 30-40%โดยเดือน พ.ย.นี้จะปรับผังช่อง 8 ใหม่ .... นอกจากนี้ RS จะได้ประโยชน์จากที่ กสทช. มีมติเห็นชอบลดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียง,โทรทัศน์ เพื่อช่วยผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล …. คาดว่าช่วง 3Q17 RS จะสามารถเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ จากธุรกิจ Health & Beauty ที่เติบโตโดดเด่น …. ผลสำรวจโดย Bloomberg คาดปี 2017 จะพลิกกลับมามีกำไรที่ 247 ล้านบาท และคาดปี 2018 จะเติบโตสูงถึง +114% ที่ 529 ล้านบาท เป็นผลมาจากธุรกิจ Health & Beauty สามารถเติบโตโดดเด่นจากการขยาย SKU และช่อง 8 ที่คาดว่าจะกลับมาสู่จุดคุ้มทุน .... (ราคาเหมาะสมโดย Bloomberg ที่ 18.62 บาท)
หุ้น เหตุผล
CPALL(ราคาปิด 70.00) มองว่า CPALL ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดย SSSG ของ CPALL ปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้งที่ประมาณ +2% YoY จากที่ติดลบ -1% ในช่วง 2Q17 โดยเราคาดกำไรช่วง 3Q17 จะออกมาดีที่ 4,790 ล้านบาท (+16% YoY, +3% QoQ) …. KTBST คาดผลประกอบการปี 2017 ที่ 18,867 ล้านบาท (+13% YoY) และคาดจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2018 ที่ 21,911 ล้านบาท (+16% YoY) …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 79.00 บาท)
BCH(ราคาปิด 16.40) BCH เป็นอีกหนึ่งหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่คาดว่าผลประกอบการช่วง 3Q17 จะเติบโตมาก การเพิ่มงบประมาณของสำนักงานประกันสังคมให้กับโรงพยาบาลในเครือข่าย คาดจะยังมีต่อเนื่อง .... คาดกำไรสุทธิของ BCH ใน 3Q17 จะออกมาที่ 301 ล้านบาท (+23.8% YoY, +75.0% QoQ) ทำสถิติสูงสุดใหม่ เนื่องจากสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ปรับขึ้นค่า RW>2 .... คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2017 เติบโต 18% YoY ที่ 885 ล้านบาท และคาดจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2018 ที่ 17% YoY ที่ 1,039 ล้านบาท .... (ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 18.50 บาท)
WHA*(ราคาปิด 3.72) การลงทุนในดซน EEC (ฉะเชิงเทรา-ชลบุรี-ระยอง) มีความคืบหน้าไปอย่างมาก นักลงทุนญี่ปุ่นเข้าเยี่ยมไปตั้งแต่เดือน ก.ย. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จากมาตรการดังกล่าว เราจึงมอง WHA มีแนวโน้มยอดการขายที่ดินสูงในปีนี้ และคาดยอดโอนที่ดินจะสูงในปีหน้า .... Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 จะเติบโตเล็กน้อยที่ +5% ที่ 3,040 ล้านบาท แต่คาดจะเติบโตได้สูงในปี 2018 ที่ +14% ที่ 3,480 ล้านบาท .... (ราคาที่เหมาะสม โดย Bloomberg ที่ 4.04 บาท)
M*(ราคาปิด 71.50) เริ่มมีปริมาณการซื้อขายเข้ามามากสำหรับ M โดยเรามองว่าช่วง 3Q17 บริษัทจะยังคงเติบโตได้ดีแม้เป็นช่วง low season เนื่องจากราคาหมูและเป็ดปรับตัวลง ซึ่งจะส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น .... Bloomberg คาดผลประกอบการปี 2017 ที่ 2,481 ล้านบาท (+18% YoY) และคาดจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2018 ที่ 2,660 ล้านบาท (+7% YoY) .... (ราคาพื้นฐานโดย Bloomberg ที่ 68.25 บาท)
ASAP(ราคาปิด 8.50) เรามองว่า ASAP เป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่จะประกาศผลการดำเนินงาน 3Q17 ออกมาดี คาดกำไรสุทธิ 3Q17 ยังคงขยายตัวต่อเนื่องตามยอดซื้อรถยนต์ให้เช่าที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยไตรมาส ละ 800 - 1,000 คัน .... กำไรสุทธิ ปี 2017 เราคาดไว้ที่ 122 ล้านบาท (+74.4%YoY) และปี 2018 ที่ 187 ล้านบาท (+53.3%YoY) มาจาก คาดจำนวนรถให้เช่า อยู่ที่ 9.7 พันคัน +29% YoY ราคารถยนต์มือสองสูงขึ้น เพิ่มกำไรจากการขายรถ (ปี 2017 เพิ่มจาก 8.0% เป็น 8.5%) แผนงานขายรถยนต์มือสอง ทางออนไลน์ และลงทุนระบบ CarPro System เพื่อบริหารจัดการการจองรถให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น … (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 9.0 บาท)
RS*(ราคาปิด 21.30) ผู้บริหาร RS กล่าวว่าธุรกิจทีวีดิจิทัลของอาร์เอส ยังมีโอกาสเติบโตได้ คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีผู้ชมแตะ 5 แสนคนต่อนาที จากระดับ 4 แสนต้นๆ ต่อนาทีในขณะนี้ หรือเพิ่มขึ้น 30-40%โดยเดือน พ.ย.นี้จะปรับผังช่อง 8 ใหม่ .... นอกจากนี้ RS จะได้ประโยชน์จากที่ กสทช. มีมติเห็นชอบลดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียง,โทรทัศน์ เพื่อช่วยผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล …. คาดว่าช่วง 3Q17 RS จะสามารถเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ จากธุรกิจ Health & Beauty ที่เติบโตโดดเด่น …. ผลสำรวจโดย Bloomberg คาดปี 2017 จะพลิกกลับมามีกำไรที่ 247 ล้านบาท และคาดปี 2018 จะเติบโตสูงถึง +114% ที่ 529 ล้านบาท เป็นผลมาจากธุรกิจ Health & Beauty สามารถเติบโตโดดเด่นจากการขยาย SKU และช่อง 8 ที่คาดว่าจะกลับมาสู่จุดคุ้มทุน .... (ราคาเหมาะสมโดย Bloomberg ที่ 18.62 บาท)
Source: KTBST Research
Sector / Stock Updates
(+) BEM, BTS, CK นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบปรับจัดทำรายการโครงการในกิจการภายใต้ร่างแผนยุทธศาสตร์การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2560-2564 (Project Pipeline) จำนวน 55 โครงการ มูลค่าการลงทุน 1.62 ล้านล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากประมาณการลงทุนปี 58-62 ที่ 210,000 ล้านบาท และมีมูลค่าเงินลงทุนรวม 1.41 ล้านบาท
เรามองว่า โครงการทั้ง 55 โครงการเป็นโครงการที่อยู่ใน pipeline ของภาครัฐก่อนหน้านี้แล้ว แต่จุดที่น่าสนใจของมติ ครม. ครั้งนี้คือการให้เอกชนร่วมลงทุน หรือ PPP ซึ่งการปรับเปลี่ยนจากการที่ภาครัฐเป็นผู้ลงทุนเป็นเอกชนเป็นผู้ลงทุนร่วม หรือ PPP จะส่งผลบวกต่อบริษัทที่ดำเนินธุรกิจการรับสัมปทานเช่น BEM และ BTS รวมถึงบริษัทที่มีโครงสร้างทางธุรกิจรองรับการลงทุนในรูปแบบ PPP อย่าง CK แต่ด้านกลุ่มรับเหมาฯที่มีลักษณะเป็น Pure Contractors เช่น STEC, UNIQ เรามองเป็นลบเล็กน้อย เนื่องจากบริษัทกลุ่มนี้จำเป็นต้องหา partner ในการเข้าร่วมประมูล อาจจะส่งผลให้อัตราการทำกำไรลดลงได้
Source: KTBST Research
Analyst : Mongkol Puangpetra
License No: 001937
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
License No: 081447
+662 648 1127
[email protected]
(+) BEM, BTS, CK นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบปรับจัดทำรายการโครงการในกิจการภายใต้ร่างแผนยุทธศาสตร์การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2560-2564 (Project Pipeline) จำนวน 55 โครงการ มูลค่าการลงทุน 1.62 ล้านล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากประมาณการลงทุนปี 58-62 ที่ 210,000 ล้านบาท และมีมูลค่าเงินลงทุนรวม 1.41 ล้านบาท
เรามองว่า โครงการทั้ง 55 โครงการเป็นโครงการที่อยู่ใน pipeline ของภาครัฐก่อนหน้านี้แล้ว แต่จุดที่น่าสนใจของมติ ครม. ครั้งนี้คือการให้เอกชนร่วมลงทุน หรือ PPP ซึ่งการปรับเปลี่ยนจากการที่ภาครัฐเป็นผู้ลงทุนเป็นเอกชนเป็นผู้ลงทุนร่วม หรือ PPP จะส่งผลบวกต่อบริษัทที่ดำเนินธุรกิจการรับสัมปทานเช่น BEM และ BTS รวมถึงบริษัทที่มีโครงสร้างทางธุรกิจรองรับการลงทุนในรูปแบบ PPP อย่าง CK แต่ด้านกลุ่มรับเหมาฯที่มีลักษณะเป็น Pure Contractors เช่น STEC, UNIQ เรามองเป็นลบเล็กน้อย เนื่องจากบริษัทกลุ่มนี้จำเป็นต้องหา partner ในการเข้าร่วมประมูล อาจจะส่งผลให้อัตราการทำกำไรลดลงได้
Source: KTBST Research
Analyst : Mongkol Puangpetra
License No: 001937
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
License No: 081447
+662 648 1127
[email protected]
OO1620