WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

KTBบล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
  
"เปิดแค่ 3 วัน ลุ้นแรงซื้อ-ขายฝรั่ง (ต่อ)"
          ทิศทางตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ : ตลาดเปิดทำการ 3 วันและไม่ต่อเนื่อง ปริมาณซื้อขายจะเบาบาง ความผันผวนค่อนข้างสูง ตลาดรับรู้ข่าวเชิงลบไประดับหนึ่งแล้ว (งบธนาคาร-ข่าว PTTEP) และกำลังเลือกทางที่จะขึ้นต่อ แต่ด้วยเรามองว่า ปัจจัยในทางบวกมีน้ำหนักมากกว่า ดัชนีฯมีโอกาสขึ้นแตะหรือยืนเหนือ 1700 จุด ได้อีกครั้ง กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีฯ 1670-1730 จุด ตัวแปรสำคัญๆ ของสัปดาห์ คือ เก็งงบ 3Q  ประธาน Fed คนใหม่ และถ้ามีข่าวลบใหม่ๆ เข้ามาในตลาด จะทำให้นักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นต่อได้
         
          กลยุทธ์การลงทุน : แม้เราจะมองตลาดในทางบวก แต่ด้วยมีวันหยุดหลายวัน และนักลงทุนส่วนใหญ่จะกังวลว่านักลงทุนต่างประเทศจะขายหุ้นต่อ ดัชนีฯจึงไปได้ไม่ไกล คำแนะนำต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ก่อน คือ ทยอยขายหุ้นที่ขึ้นมามาก และขาดข่าวบวกสนับสนุน และปรับเป็นเล่นสั้นๆ จนกว่าตลาดจะนิ่งกว่านี้ หรือมีสัญญาณว่าจะกลับไปยืนเหนือ 1700 จุด ได้อย่างมั่นคง
          หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์:  SAT, COL, BCH, CPALL, RS*, ASAP
          หุ้นแนะนำเชิงเทคนิค : PPM, ECF, SSP
          * เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเครำห์
ภาพตลาดสัปดาห์ที่ผ่านมา
          SET Index สัปดาห์ก่อนปิดที่ระดับ 1,692.58 จุด ปรับตัวลงจากสัปดาห์ก่อน 16.51 จุด หรือ -1.16% ตลาดปรับตัวลงค่อนข้างในช่วงสองวันสุดท้ายของสัปดาห์ โดยต่างชาติมีสถานะเป็นขายสุทธิล่าสุดนวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ -3,276 ล้านบาทสูงที่สุดในรอบเดือน คาดเป็นแรงขายทำกำไรและความกังวลจากปัจจัยต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น
ปัจจัยที่ควรติดตาม
 
ปัจจัยต่างประเทศ ประเด็นต่างประเทศมีผลต่อตลาดหุ้นไทยไม่มาก
          1) การคัดเลือกประธาน Fed คนใหม่ - ตัวเต็งสำหรับประธาน Fed คนใหม่เปลี่ยนแปลงได้ทุกวัน ยังไม่มีความชัดเจน โดยล่าสุดนายเจอโรม พาวเวล ซึ่งมีลักษณะเป็น "Central Monetarist" ซึ่งตลาดมองเป็นบวกเพราะแนวคิดของ พาวเวล จะสอดคล้องกับนโยบายทรัมป์มากกว่า
          2) ประเด็นอื่นๆ - ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆได้แก่ การแยกตัวของแคว้นกาตาลุญญาในสเปน ในวันเสาร์จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันเสาร์ที่จะถึงนี้, การประกาศ GDP ไตรมาส 3 ของสหรัฐฯ ตลาดคาดไว้ที่ 2.3%
ปัจจัยในประเทศ การทยอยประกาศงบ 3Q17, ผลการดำเนินงานกลุ่มแบงก์ออกมาแย่กว่าคาด, ผลกระทบจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อบริษัทในตลาด, แรงขายจากต่างชาติ
          1) การทยอยประกาศงบ 3Q17 - บริษัทต่างๆเริ่มเข้าสู่การประกาศผลการดำเนินงานสำหรับช่วง 3Q17 ผลสำรวจจาก Bloomberg คาดผลประกอบการของตลาดสำหรับช่วง 3Q17 ที่ +17% YoY, +6% QoQ
          2) ผลการดำเนินงานกลุ่มธนาคารออกมาแย่กว่าคาด - เรามองกลุ่มธนาคารยังคงเป็นตัวกดตลาดอยู่ จากผลการดำเนินงานช่วง 3Q17 ที่ออกมาต่ำกว่าคาด จากการตั้งสำรองที่เพิ่มสูงขึ้นจากกลุ่ม SMEs เป็นหลัก
          3) ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น -ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นจะเป็นบวกต่อตลาดและกำไร 3Q แต่ใน 4Q ราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น (WTI ล่าสุด $51 เหรียญ) OPEC ลดกำลังการผลิตถึง 120% จากที่สัญญาไว้ ทำให้กลุ่มโรงกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมี มี spread ที่น้อยลง ในขณะที่ PTTEP มีปัจจัยเฉพาะตัวจากการตั้งด้อยค่าของ Oil Sand จึงไม่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นนัก
          4) แรงขายจากต่างชาติ - ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ต่างชาติมีแรงขายสุทธิในวันสุดสัปดาห์ที่ -3,2 พันล้านบาท สูงที่สุดในรอบเดือน สะท้อนถึงเม็ดเงินต่างชาติที่เริ่มชะลอตัวลง
Stock Picks of The Week  24 - 27 October 2017
 
SAT  : ราคาปิด 20.20 บาท ราคาเหมาะสม 21.00 บาท
          SAT เป็นหุ้นที่ได้รับผลบวกตามภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในงวด 3Q17 ยอดการผลิตรถยนต์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9% YoY และ 13% QoQ โดยเราคาดกำไรช่วง 3Q17 ที่ 195 ล้านบาท (+16% YoY, +45% QoQ) และยังได้แรงหนุนจากยอดขายชิ้นส่วนเครื่องจักรกลทางการเกษตรที่เพิ่มขึ้น
          ประเมินกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 673 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% YoY ดีกว่าภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่คาดว่ายอดการผลิตรถยนต์ในปี 2017 จะอยู่ที่ 1.93 - 1.95 ล้านบาท ทรงตัวถึงดีขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลจากการที่สามารถควบคุมต้นทุนการผลิตได้ดีขึ้น และได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อจากคูโบต้าที่เพิ่มขึ้น เรามีมุมมองในเชิงบวก
          ราคาพื้นฐานโดย KTBST  ที่ 21.00 บาท
COL :  ราคาปิด 67.50 บาท ราคาเหมาะสม 73.00 บาท
          มองว่า COL เป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่จะมีผลประกอบการช่วง 3Q17 ออกมาดี เราคาดว่า COL จะรายงานกำไรสุทธิสำหรับช่วง 3Q17 ที่ 250 ล้านบาท (+236% YoY, +178% QoQ) จากคาดการณ์บันทึกกำไรพิเศษจากการขายหน่วยลงทุนที่ 129 ล้านบาท
          คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2017 เติบโต 63% YoY ที่ 627 ล้านบาท จากคาดการณ์บันทึกกำไรพิเศษจากการขายบริษัทย่อย (Cenergy Innovation) ที่ 129 ล้านบาท และการขาดทุนของธุรกิจออนไลน์ที่จะหายไป 5 เดือน และคาดจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2018 ที่ 24% YoY จากผลขาดทุนธุรกิจออนไลน์ที่หายไปเต็มปีที่ 260 ล้านบาท
          ราคาพื้นฐานโดย KTBST ที่ 73.00 บาท
 
Weekly Portfolio 24 - 27 October 2017
หุ้น                เหตุผล
SAT(ราคาปิด 20.20)    SAT เป็นหุ้นที่ได้รับผลบวกตามภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในงวด 3Q17 ยอดการผลิตรถยนต์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9% YoY และ 13% QoQ โดยเราคาดกำไรช่วง 3Q17 ที่ 195 ล้านบาท (+16% YoY, +45% QoQ) และยังได้แรงหนุนจากยอดขายชิ้นส่วนเครื่องจักรกลทางการเกษตรที่เพิ่มขึ้น ....ประเมินกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 673 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% YoY ดีกว่าภาพรวมอุตสาหกรรม .... (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 21.00 บาท)
COL(ราคาปิด 67.50)    มองว่า COL เป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่จะมีผลประกอบการช่วง 3Q17 ออกมาดี เราคาดว่า COL จะรายงานกำไรสุทธิสำหรับช่วง 3Q17 ที่ 250 ล้านบาท (+236% YoY, +178% QoQ) จากคาดการณ์บันทึกกำไรพิเศษจากการขายหน่วยลงทุนที่ 129 ล้านบาท …. คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2017 เติบโต 63% YoY ที่ 627 ล้านบาท จากคาดการณ์บันทึกกำไรพิเศษจากการขายบริษัทย่อย (Cenergy Innovation) ที่ 129 ล้านบาท และคาดจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2018 ที่ 24% YoY จากผลขาดทุนธุรกิจออนไลน์ที่หายไปเต็มปีที่ 260 ล้านบาท ....  (ราคาพื้นฐานโดย KTBST ที่ 73.00 บาท)
BCH(ราคาปิด 16.10)    BCH เป็นอีกหนึ่งหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่คาดว่าผลประกอบการช่วง 3Q17 จะเติบโตดีมาก .... คาดกำไรสุทธิของ BCH ใน 3Q17 จะออกมาที่ 301 ล้านบาท (+23.8% YoY, +75.0% QoQ) ทำสถิติสูงสุดใหม่ เนื่องจากสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ปรับขึ้นค่า RW > 2  .... คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2017 เติบโต 18% YoY ที่ 885 ล้านบาท และคาดจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2018 ที่ 17% YoY ที่ 1,039 ล้านบาท  .... (ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 18.50 บาท)
CPALL(ราคาปิด 69.25)    มองว่า CPALL ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดย SSSG ของ CPALL ปรับเพิ่มขึ้นอีกครั้งที่ประมาณ +2% YoY จากที่ติดลบ -1% ในช่วง 2Q17 โดยเราคาดกำไรช่วง 3Q17 ที่ 4,790 ล้านบาท (+16% YoY, +3% QoQ) ….  KTBST คาดผลประกอบการปี 2017 ที่ 18,867 ล้านบาท (+13% YoY) และคาดจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2018 ที่ 21,911 ล้านบาท (+16% YoY) …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 79.00 บาท)
RS*(ราคาปิด 20.80)    ผู้บริหาร RS กล่าวว่าธุรกิจทีวีดิจิทัลของอาร์เอส ยังมีโอกาสเติบโตได้ คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีผู้ชมแตะ 5 แสนคนต่อนาที จากระดับ 4 แสนต้นๆ ต่อนาทีในขณะนี้ หรือเพิ่มขึ้น 30-40%โดยเดือน พ.ย.นี้จะปรับผังช่อง 8 ใหม่  ...  นอกจากนี้ RS จะได้ประโยชน์จากที่ กสทช. มีมติเห็นชอบลดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียง,โทรทัศน์ เพื่อช่วยผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล …. คาดว่าช่วง 3Q17 RS จะสามารถเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ จากธุรกิจ Health&Beauty ที่เติบโตโดดเด่น …. ผลสำรวจโดย Bloomberg คาดปี 2017 จะพลิกกลับมามีกำไรที่ 246 ล้านบาท และคาดปี 2018 จะเติบโตสูงถึง +103% เป็นผลมาจากธุรกิจ Health&Beauty สามารถเติบโตโดดเด่นจากการขยาย SKU และช่อง 8 ที่คาดว่าจะกลับมาสู่จุดคุ้มทุน .... (ราคาเหมาะสมโดย Bloomberg ที่ 16.81 บาท)
ASAP(ราคาปิด 8.25)    ธุรกิจเช่ารถ เพิ่มตามการขยายตัวของภาคธุรกิจ และธุรกิจปรับมาใช้บริการรถเช่า + บริการให้เช่าระยะสั้น ตอบสนองต่อลูกค้าแต่ละกลุ่ม รวมทั้ง นักท่องเที่ยวด้วย …. คาดกำไรสุทธิ 3Q17 ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง  (2Q17=34 ลบ.) ตามยอดซื้อรถยนต์ให้เช่าที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยไตรมาส ละ 800 - 1,000 คัน  ... กำไรสุทธิ ปี 2017 เราคาดไว้ที่ 122 ล้านบาท (+74.4%YoY) และปี 2018 ที่ 187 ล้านบาท (+53.3%YoY) มาจาก คาดจำนวนรถให้เช่า อยู่ที่ 9.7 พันคัน +29% YoY   ราคารถยนต์มือสองสูงขึ้น เพิ่มกำไรจากการขายรถ (ปี 2017  เพิ่มจาก 8.0% เป็น 8.5%) แผนงานขายรถยนต์มือสอง ทางออนไลน์ และลงทุนระบบ CarPro System เพื่อบริหารจัดการการจองรถให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น … (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 9.0 บาท)
         
Analyst :  Mongkol Puangpetra
          +662 648 1123
          [email protected]
          Analyst
          Nontapat Rushtasomboon
          +662 648 1127
          [email protected]
 
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily

 ภาพตลาดวันวาน
  ดัชนีมีทิศทางผันผวนในกรอบที่กว้าง 22.13 จุด ด้วยการเปิดตัวลงทำจุดสุดของวันที่ 1673.01 จุด ลดลง 10.42 จุด ก่อนที่จะดีดกลับขึ้นมายืนบวก พร้อมกับแกว่งตัวสลับขึ้นลงยืนทั้งแดนบวกและลบ ก่อนที่ช่วงบ่ายสามารถยืนบวกได้อย่างแข็งแรง ปรับต้วขึ้นได้ต่อเนื่อง ขึ้นทำจุดสูงสุดของวันที่ 1695.50 จุด เพิ่มขึ้น 13.07 จุด ทั้งนี้หุ้นที่มี Impact ต่อการปรับตัวขึ้นได้แก่ KBANK, AOT, TOA, KKP, WORK, ADVANC, CPN, SAWAD, MBK, PRM ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1692.58 จุด เพิ่มขึ้น 9.15 จุด (+0.54%) มูลค่าการซื้อขาย 68,766 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
  ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีมีทิศทางที่พักตัวค่อนข้างแรง ทำจุดสูงตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ 1729 จุด ก่อนที่จะทิ้งตัวลงแรงเพียงแค่ 4 วันทำการลงมาถึง 56 จุด มี Low ที่ 1673 จุด และสามารถดีดกลับได้แรงเช่นกันทำ High 1695 จุด และทำปิดใกล้จุดสูงสุดของวันที่ 1692 จุด ทำให้กราฟแท่งเทียนมีรูปแบบการกลับตัว (Piercing Pattern) และอยู่บริเวณแนวรับ 1 ใน 3 ของรอบขาขึ้น (1556-1729) ทำให้มีแนวโน้มที่ขึ้นต่อ แต่มีแนวกด 1708 จุด ที่ต้องลุ้นให้กลับขึ้นไปยืนให้ได้ แต่ก็ระมัดระวังทางลงต่อแช่นกัน เนื่องจากภาพรายสัปดาห์ยังมีสัญญาณในเชิงลบอยู่ แนวต้าน 1700-1710 จุด และแนวรับ 1687-1678 //1664 จุด
  แกว่งตัวผันผวน –  ลุ้นกลับขึ้นไปยืน 1708 จุด เพื่อเป็นสัญญาณไปต่อ
  Support 1665 // 1650  จุด        Resistance 1720 // 1735  จุด
 
พรรณนภา เขมะสุรัตน์
Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110
Tel  02- 6481124
Email: [email protected] 
OO1572

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!