- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 20 October 2017 19:53
- Hits: 4012
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 20-10-17
รอบด้านตลาดหุ้น
วิเคราะห์ตลาดและแนวโน้ม
รอบด้านตลาดหุ้น
วิเคราะห์ตลาดและแนวโน้ม
Short term pause as expected (Do not panic)
เมื่อวาน ท่ามกลางดัชนีฯที่ลงแรงเกิน 20 จุด แต่ยังมี หุ้นที่บวกสวนตลาดได้... เช่น หุ้นกลุ่ม (1) “ทีวี” (นำ
โดย WORK RS) รีบาวด์ รับข่าว กสทช.เตรียมหาทางปรับลดค่าธรรมเนียมทีวีดิจิตอล (2) กลุ่ม “รีเทล
ไฟแนนซ์” (S11 THANI TK) จากความคาดหวังกำไรจะเติบโตสูง เหมือน THANI ด้วยภาวะดอกเบี้ยที่ต่ำ
นาน เอื้อต่อส่วนต่างดอกเบี้ยรับของกลุ่มรีเทลไฟแนนซ์ (3) กลุ่มยานยนต์ (AH SAT) (หุ้นปล่อยกู้รถยนต์
คาดเป็นบวกด้วยจากข่าวนี้) รับข่าวยอดผลิตส่งออกและยอดขายรถยนต์เดือน กย.เติบโตสูงสุดในรอบ 2 ปี...
เห็นได้ว่า หุ้น Local play ตัวกลาง-เล็ก วิ่งสวนตลาดได้ดีกว่าหุ้นบูลชิพฝรั่ง ตามที่คาด
ตลาดที่ปรับฐานแรงรอบนี้ ใครที่ กระชับพอร์ต “หุ้นฝรั่ง” ที่แรลรี่แรง ตามที่แนะนำไปแล้ว ยังไม่ต้องรีบกลับ
เข้าเล่นใหม่ แนะ หันหัวเรือ (Rotation) หมุนเข้าเล่นหุ้น Local play ระหว่างรอตลาดปรับฐาน
วันนี้คาด ดัชนีฯยังคง Sideways down กรอบ 1,675/1,670-1,690 จุด จากข่าว งบแบงก์ BBL SCB KBANK
แย่กว่าคาด NPL ยังไม่ลงอย่างที่คิด และ กรณี PTTEP (PTT) ประกาศตั้งด้อยค่าแหล่งพลังงาน Mariana Oil
Sands ที่แคนนาดา อีก US$ 550 mn จากที่ตั้งไปแล้ว US$ 1.256 bn ทำให้มูลค่าแหล่งนี้เหลือ Book
value แค่ US$45 mn คิดว่าไม่มีความเสี่ยงให้ตั้งด้อยค่าอีกต่อไป แต่ตลาดจะกลัวความเสี่ยงในแหล่ง
พลังงานอื่น เช่นที่ โมซัมบิค มูลค่า US$2000 mn ซึ่งยังไม่ค่อยตั้งด้อยค่ามาก่อน กลายเป็นความเสี่ยงใหม่
สัปดาห์นี้ “พักฐาน” ตามคาด และ ลงมาสร้างฐานบริเวณ 1,680 จุด (MA 25 วัน)
สัปดาห์หน้า คาดดัชนีฯ ซึมลง แต่คาด ดีกรีการลงจะไม่รุนแรงเท่ากับสัปดาห์นี้ แนวรับถัดไปเมื่อหลุดเส้น
ค่าเฉลี่ย MA25 วัน 1,680 จุด คือ Trend line 1,660 จุด และFibo.61.8 แถว 1,657 จุด แนวต้าน
1,690/1,700 จุด
กลยุทธ์ ยังคงแนะกระชับพอร์ตหุ้นบูลชิพ เช่น โรงไฟฟ้า โรงกลั่น ปิโตรเคมี แบงก์ (กำไรแบงก์ออกมาผิด
คาด จาก NPL แบงก์ใหญ่ยังไม่ยอมลด ทำให้สำรองหนี้ยังเพิ่มไม่หยุด) และ หุ้นที่แรลรี่ขึ้นแรงรอบนี้ แล้ว
เปลี่ยนตัว เข้าสะสม (ค่อยๆรับ) หุ้นเชื่อมโยงการบริโภคในประเทศ เช่น มือถือ, ค้าปลีก, รีเทลไฟแนนซ์, สื่อ
โฆษณา-ทีวี และหุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว
แนวโน้ม เดือน พย. คาดกลับเข้าสูภาวะ “ฟื้นตัว” คาดกรอบใหญ่ 1,650-1,700 จุด ปัจจัยที่ต้องตาม มี...
(1) MSCI Quarterly review รู้กลางเดือน พย. หุ้นเข้า-ออก และน้ำหนักเปลี่ยนแปลง (2) งบ 3Q17 รอดูว่ามี
หุ้นที่กำไร ดีกว่าคาดหรือแย่กว่าคาด อันไหนมากกว่ากัน (3) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปะรเทศจาก
ภาครัฐฯ (4) ประธานเฟดคนใหม่
โดย WORK RS) รีบาวด์ รับข่าว กสทช.เตรียมหาทางปรับลดค่าธรรมเนียมทีวีดิจิตอล (2) กลุ่ม “รีเทล
ไฟแนนซ์” (S11 THANI TK) จากความคาดหวังกำไรจะเติบโตสูง เหมือน THANI ด้วยภาวะดอกเบี้ยที่ต่ำ
นาน เอื้อต่อส่วนต่างดอกเบี้ยรับของกลุ่มรีเทลไฟแนนซ์ (3) กลุ่มยานยนต์ (AH SAT) (หุ้นปล่อยกู้รถยนต์
คาดเป็นบวกด้วยจากข่าวนี้) รับข่าวยอดผลิตส่งออกและยอดขายรถยนต์เดือน กย.เติบโตสูงสุดในรอบ 2 ปี...
เห็นได้ว่า หุ้น Local play ตัวกลาง-เล็ก วิ่งสวนตลาดได้ดีกว่าหุ้นบูลชิพฝรั่ง ตามที่คาด
ตลาดที่ปรับฐานแรงรอบนี้ ใครที่ กระชับพอร์ต “หุ้นฝรั่ง” ที่แรลรี่แรง ตามที่แนะนำไปแล้ว ยังไม่ต้องรีบกลับ
เข้าเล่นใหม่ แนะ หันหัวเรือ (Rotation) หมุนเข้าเล่นหุ้น Local play ระหว่างรอตลาดปรับฐาน
วันนี้คาด ดัชนีฯยังคง Sideways down กรอบ 1,675/1,670-1,690 จุด จากข่าว งบแบงก์ BBL SCB KBANK
แย่กว่าคาด NPL ยังไม่ลงอย่างที่คิด และ กรณี PTTEP (PTT) ประกาศตั้งด้อยค่าแหล่งพลังงาน Mariana Oil
Sands ที่แคนนาดา อีก US$ 550 mn จากที่ตั้งไปแล้ว US$ 1.256 bn ทำให้มูลค่าแหล่งนี้เหลือ Book
value แค่ US$45 mn คิดว่าไม่มีความเสี่ยงให้ตั้งด้อยค่าอีกต่อไป แต่ตลาดจะกลัวความเสี่ยงในแหล่ง
พลังงานอื่น เช่นที่ โมซัมบิค มูลค่า US$2000 mn ซึ่งยังไม่ค่อยตั้งด้อยค่ามาก่อน กลายเป็นความเสี่ยงใหม่
สัปดาห์นี้ “พักฐาน” ตามคาด และ ลงมาสร้างฐานบริเวณ 1,680 จุด (MA 25 วัน)
สัปดาห์หน้า คาดดัชนีฯ ซึมลง แต่คาด ดีกรีการลงจะไม่รุนแรงเท่ากับสัปดาห์นี้ แนวรับถัดไปเมื่อหลุดเส้น
ค่าเฉลี่ย MA25 วัน 1,680 จุด คือ Trend line 1,660 จุด และFibo.61.8 แถว 1,657 จุด แนวต้าน
1,690/1,700 จุด
กลยุทธ์ ยังคงแนะกระชับพอร์ตหุ้นบูลชิพ เช่น โรงไฟฟ้า โรงกลั่น ปิโตรเคมี แบงก์ (กำไรแบงก์ออกมาผิด
คาด จาก NPL แบงก์ใหญ่ยังไม่ยอมลด ทำให้สำรองหนี้ยังเพิ่มไม่หยุด) และ หุ้นที่แรลรี่ขึ้นแรงรอบนี้ แล้ว
เปลี่ยนตัว เข้าสะสม (ค่อยๆรับ) หุ้นเชื่อมโยงการบริโภคในประเทศ เช่น มือถือ, ค้าปลีก, รีเทลไฟแนนซ์, สื่อ
โฆษณา-ทีวี และหุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว
แนวโน้ม เดือน พย. คาดกลับเข้าสูภาวะ “ฟื้นตัว” คาดกรอบใหญ่ 1,650-1,700 จุด ปัจจัยที่ต้องตาม มี...
(1) MSCI Quarterly review รู้กลางเดือน พย. หุ้นเข้า-ออก และน้ำหนักเปลี่ยนแปลง (2) งบ 3Q17 รอดูว่ามี
หุ้นที่กำไร ดีกว่าคาดหรือแย่กว่าคาด อันไหนมากกว่ากัน (3) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปะรเทศจาก
ภาครัฐฯ (4) ประธานเฟดคนใหม่
หุ้นแนะนำวันนี้
FTE แนวรับ 3.38 ต้าน 3.62 Stop loss 3.24 หุ้นตัวตามของ กลุ่มนิคม “EEC theme” คาดงานติดตั้งระบบ
ดับเพลิงตามนิคมฯเติบโตสูง ซึ่งช่วงไตรมาส 3 กลุ่มนิคมฯเริ่มขายพื้นที่ได้เพิ่มขึ้น โตทั้ง q-q, y-y คาดกำไร
หุ้นกลุ่มติดระบบดับเพลิง กำไรโตตาม และโตแรงต่อเนื่องตามโมเมนตั้ม โรงงานสำเร็จรูปและพื้นที่นิคม ที่
ส่วนใหญ่ขายดี ไตรมาส 4
BCH แนวรับ 15.6 ต้าน 16.3 Stop loss 15.5 หุ้น Low beta play (ช่วงนี้เน้นเล่นหุ้นที่ไม่เกี่ยวกับฝรั่ง)
FTE แนวรับ 3.38 ต้าน 3.62 Stop loss 3.24 หุ้นตัวตามของ กลุ่มนิคม “EEC theme” คาดงานติดตั้งระบบ
ดับเพลิงตามนิคมฯเติบโตสูง ซึ่งช่วงไตรมาส 3 กลุ่มนิคมฯเริ่มขายพื้นที่ได้เพิ่มขึ้น โตทั้ง q-q, y-y คาดกำไร
หุ้นกลุ่มติดระบบดับเพลิง กำไรโตตาม และโตแรงต่อเนื่องตามโมเมนตั้ม โรงงานสำเร็จรูปและพื้นที่นิคม ที่
ส่วนใหญ่ขายดี ไตรมาส 4
BCH แนวรับ 15.6 ต้าน 16.3 Stop loss 15.5 หุ้น Low beta play (ช่วงนี้เน้นเล่นหุ้นที่ไม่เกี่ยวกับฝรั่ง)
รายงานวันนี้
PTTEP: Third impairment on oil sands—finally the end of it?
เมื่อวานนี้บริษัทประกาศเลื่อนการพัฒนาแหล่ง oil sand ที่แคนนาดา ส่งผลให้จะต้องมีการทำ impairment
ทรัพย์สินมูลค่าราว US$550m ซึ่งจะแสดงในงบ 3Q17 นี้ ดังนั้นจะส่งผลให้ผลประกอบการ 3Q17 พลิก
เป็นขาดทุนราว 1.2 หมื่นล้านบาท (จากเดิมเราคาดกำไร 6 พันล้านบาท) และเราปรับกำไรปี 2017 ลง
57% เป็น 1.05 หมื่นล้านบาท เรามองว่าในอนาคตการทำ impairment ในแหล่ง oil sand ไม่น่าจะมีแล้ว
เพราะ book value ของโครงการนี้เหลือเพียง $45m เท่านั้น แต่อาจมีความเสี่ยงในการทำ impairment ใน
แหล่งอื่นเช่น Mozambique ซึ่งมี book value อยู่ราว $2,000m ดังนั้นเราปรับลดคำแนะนำลงเป็น ถือ และ
ปรับราคาเป้าหมาย DCF ลงเหลือ 97 บาท
PTTEP: Third impairment on oil sands—finally the end of it?
เมื่อวานนี้บริษัทประกาศเลื่อนการพัฒนาแหล่ง oil sand ที่แคนนาดา ส่งผลให้จะต้องมีการทำ impairment
ทรัพย์สินมูลค่าราว US$550m ซึ่งจะแสดงในงบ 3Q17 นี้ ดังนั้นจะส่งผลให้ผลประกอบการ 3Q17 พลิก
เป็นขาดทุนราว 1.2 หมื่นล้านบาท (จากเดิมเราคาดกำไร 6 พันล้านบาท) และเราปรับกำไรปี 2017 ลง
57% เป็น 1.05 หมื่นล้านบาท เรามองว่าในอนาคตการทำ impairment ในแหล่ง oil sand ไม่น่าจะมีแล้ว
เพราะ book value ของโครงการนี้เหลือเพียง $45m เท่านั้น แต่อาจมีความเสี่ยงในการทำ impairment ใน
แหล่งอื่นเช่น Mozambique ซึ่งมี book value อยู่ราว $2,000m ดังนั้นเราปรับลดคำแนะนำลงเป็น ถือ และ
ปรับราคาเป้าหมาย DCF ลงเหลือ 97 บาท
กลุ่มค้าปลีก (Earnings preview): Insight into 3Q17 earnings
เราเชื่อว่าการเติบโตของยอดขายที่แข็งแกร่งในเดือน ก.ย. จะหนุนให้ SSSG ของกลุ่มกลับมาเติบได้ใน
3Q17 และคาดผลประกอบการจะออกมาดีกว่าที่เราคาดไว้ก่อนหน้า โดย BEAUTY คาด SSSG เติบโต
แข็งแกร่งที่สุด 20% แต่คาดยอดขายจะเติบโตมากขึ้นไปอีกกว่า 37% จากยอดขายในต่างประเทศที่
เติบโตได้ดี ในด้านของบริษัทที่คาดว่า SSSG จะพลิกกลับมาเป็นบวกได้แข็งแกร่งคือ BJC (คาด SSSG
ของ BIGC เติบโต 8% จาก -15% ใน 2Q17) เรามองว่ายังมีเพียง 2 บริษัท (FN และ GLOBAL) ที่รายงาน
SSSG ติดลบ
ในด้านของกำไรคาดกำไรโดยรวมของกลุ่มเติบโต 9% YoY และ QoQ โดยคาด COL จะรายงานกำไรสุทธิ
เติบโตแข็งแกร่งที่สุด จากการลดขาดทุนในธุรกิจออนไลน์ (Divestment gain) ในขณะที่กำไรหลัก คาด
BJC เติบโตดีที่สุด จากสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นใน BIGC จากมุมมองผลประกอบการที่คาดจะออกมาดีกว่าที่
ประเมินไว้ก่อนหน้า เรามีการปรับประมาณการกำไรขึ้นเกือบทุกบริษัท แต่บริษัทที่ปรับขึ้นแบบมีนัยยะ
ประกอบด้วย BEAUTY (+4.9% ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 19.6 บาท) , BJC (+4.1% ปรับราคาเป้าหมาย
ขึ้นเป็น 59 บาท) และ HMPRO (+2.2% ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 13.5 บาท)
เราเชื่อว่าการเติบโตของยอดขายที่แข็งแกร่งในเดือน ก.ย. จะหนุนให้ SSSG ของกลุ่มกลับมาเติบได้ใน
3Q17 และคาดผลประกอบการจะออกมาดีกว่าที่เราคาดไว้ก่อนหน้า โดย BEAUTY คาด SSSG เติบโต
แข็งแกร่งที่สุด 20% แต่คาดยอดขายจะเติบโตมากขึ้นไปอีกกว่า 37% จากยอดขายในต่างประเทศที่
เติบโตได้ดี ในด้านของบริษัทที่คาดว่า SSSG จะพลิกกลับมาเป็นบวกได้แข็งแกร่งคือ BJC (คาด SSSG
ของ BIGC เติบโต 8% จาก -15% ใน 2Q17) เรามองว่ายังมีเพียง 2 บริษัท (FN และ GLOBAL) ที่รายงาน
SSSG ติดลบ
ในด้านของกำไรคาดกำไรโดยรวมของกลุ่มเติบโต 9% YoY และ QoQ โดยคาด COL จะรายงานกำไรสุทธิ
เติบโตแข็งแกร่งที่สุด จากการลดขาดทุนในธุรกิจออนไลน์ (Divestment gain) ในขณะที่กำไรหลัก คาด
BJC เติบโตดีที่สุด จากสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นใน BIGC จากมุมมองผลประกอบการที่คาดจะออกมาดีกว่าที่
ประเมินไว้ก่อนหน้า เรามีการปรับประมาณการกำไรขึ้นเกือบทุกบริษัท แต่บริษัทที่ปรับขึ้นแบบมีนัยยะ
ประกอบด้วย BEAUTY (+4.9% ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 19.6 บาท) , BJC (+4.1% ปรับราคาเป้าหมาย
ขึ้นเป็น 59 บาท) และ HMPRO (+2.2% ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 13.5 บาท)
SCB (Earnings Result): 3Q17 profit miss; heavy LLPs
ธนาคารรายงานกำไร 1.01 หมื่นล้านบาท ลดลง 12%YoY และ 15%QoQ ต่ำกว่าเราคาด 19% cและต่ำ
กว่าตลาดคาด 16% เพราะธนาคารตั้งสำรองมากกว่าคาด มุมมอง 4Q17 เราคาดกำไรจะเติบโตได้ YoY
เพราะสินเชื่อที่เติบโตได้ดี และ NIM ที่ยังมีเสถียรภาพ อย่างไรก็ดีจากการตั้งสำรองที่มากกว่าคาด เราปรับ
กำไรปี 2017-18 ลง 8% และ 6% เป็น4.5 และ 5.1 หมื่นล้านบาท และปรับราคาเป้าหมายปี 2018 ลง
เหลือ 173 บาท อิง PBv 1.5x คงแนะนำ ซื้อ
ธนาคารรายงานกำไร 1.01 หมื่นล้านบาท ลดลง 12%YoY และ 15%QoQ ต่ำกว่าเราคาด 19% cและต่ำ
กว่าตลาดคาด 16% เพราะธนาคารตั้งสำรองมากกว่าคาด มุมมอง 4Q17 เราคาดกำไรจะเติบโตได้ YoY
เพราะสินเชื่อที่เติบโตได้ดี และ NIM ที่ยังมีเสถียรภาพ อย่างไรก็ดีจากการตั้งสำรองที่มากกว่าคาด เราปรับ
กำไรปี 2017-18 ลง 8% และ 6% เป็น4.5 และ 5.1 หมื่นล้านบาท และปรับราคาเป้าหมายปี 2018 ลง
เหลือ 173 บาท อิง PBv 1.5x คงแนะนำ ซื้อ
BBL (Earnings results): Missed estimate, due to heavy LLPs
BBL รายงานกำไรสุทธิ 3Q17 ที่ 8.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% YoY และ 1% QoQ กำไรที่ออกมาต่ำกว่าที่
เราคาด 6% และต่ำกว่าตลาดคาด 4% จากการตั้งสำรองฯ ที่สูงกว่าคาด มุมมอง 4Q17 คาดกำไรเติบโต
4% YoY หนุนโดยการเติบโตของสินเชื่อและการบริหาร OPEX ที่ดี รวมถึงคาดการตั้งสำรองจะลดลง QoQ
และ YoY อย่างไรก็ตามจากกำไรที่ออกมาต่ำกว่าคาด เรามีการปรับประมาณการการตั้งสำรองขึ้น 11%-
13% ในปี 2017-18 และปรับการเติบโตของสินเชื่อลงจาก 4% เป็น 2% ทำให้เรามีการปรับประมาณการ
กำไรปี 2017 ลง 4.3% มาที่ 3.3 หมื่นล้านบาท และปี 2018 ลงมา 3.8% มาที่ 3.8 หมื่นล้านบาท และ
ปรับราคาเป้าหมายลงมา 3% ที่ 225 บาท อย่างไกร็ตามเราเชื่อว่าภาพการเติบโตใน 2018 จะดีขึ้น และ
การใช้จ่ายจากภาครัฐที่จะเข้ามาจะช่วยหนุนผลประกอบการในปี 2018 เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ
BBL รายงานกำไรสุทธิ 3Q17 ที่ 8.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% YoY และ 1% QoQ กำไรที่ออกมาต่ำกว่าที่
เราคาด 6% และต่ำกว่าตลาดคาด 4% จากการตั้งสำรองฯ ที่สูงกว่าคาด มุมมอง 4Q17 คาดกำไรเติบโต
4% YoY หนุนโดยการเติบโตของสินเชื่อและการบริหาร OPEX ที่ดี รวมถึงคาดการตั้งสำรองจะลดลง QoQ
และ YoY อย่างไรก็ตามจากกำไรที่ออกมาต่ำกว่าคาด เรามีการปรับประมาณการการตั้งสำรองขึ้น 11%-
13% ในปี 2017-18 และปรับการเติบโตของสินเชื่อลงจาก 4% เป็น 2% ทำให้เรามีการปรับประมาณการ
กำไรปี 2017 ลง 4.3% มาที่ 3.3 หมื่นล้านบาท และปี 2018 ลงมา 3.8% มาที่ 3.8 หมื่นล้านบาท และ
ปรับราคาเป้าหมายลงมา 3% ที่ 225 บาท อย่างไกร็ตามเราเชื่อว่าภาพการเติบโตใน 2018 จะดีขึ้น และ
การใช้จ่ายจากภาครัฐที่จะเข้ามาจะช่วยหนุนผลประกอบการในปี 2018 เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ
BAY (Earnings results): 3Q17 result as expected
รายงานกำไร 3Q17 ที่ 6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% YoY และ 2% QoQ กำไรที่ออกมาเป็นไปตามที่เราและ
ตลาดคาด เราประเมินกำไรใน 4Q17 เติบโต 18% YoY ตามการเติบโตขงสินเชื่อและ NIM ที่รักษาระดับได้
อย่างไรก็ตามเรายังคงคำแนะนำ ถือ และชอบ BBL, KKP และ TISCO มากกว่า จาก Free float ที่มากกว่า
หนุนให้มีสภาพคลอ่งทีดี่กว่า
รายงานกำไร 3Q17 ที่ 6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% YoY และ 2% QoQ กำไรที่ออกมาเป็นไปตามที่เราและ
ตลาดคาด เราประเมินกำไรใน 4Q17 เติบโต 18% YoY ตามการเติบโตขงสินเชื่อและ NIM ที่รักษาระดับได้
อย่างไรก็ตามเรายังคงคำแนะนำ ถือ และชอบ BBL, KKP และ TISCO มากกว่า จาก Free float ที่มากกว่า
หนุนให้มีสภาพคลอ่งทีดี่กว่า
หุ้นมีข่าว/ประเด็น
(*) "ริโอ ทินโต" ถูกก.ล.ต.สหรัฐตั้งข้อหาฉ้อโกง เหตุรายงานมูลค่าสินทรัพย์เกินจริง (ที่มา สำนักข่าว
อินโฟเควสท์ 18 ต.ค. 60) คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ได้ตั้ง
ข้อหาฉ้อโกงต่อบริษัท ริโอ ทินโต ผู้ผลิตเหมืองแร่ยักษ์ใหญ่ของออสเตรเลีย รวมถึงอดีตผู้บริหารของ
บริษัทอีก 2 ราย เนื่องจากผู้ที่ถูกกล่าวหานั้นรายงานมูลค่าสินทรัพย์ที่สูงเกินจริงเพื่อปกปิดตัวเลขขาดทุน
ส่วนสินทรัพย์ที่ ริโอ ทินโต ได้รายงานมูลค่าเกินจริงคือธุรกิจถ่านหินที่ประเทศโมซัมบิก ซึ่งทางบริษัทได้
ซื้อไปวงเงิน 3.7 พันล้านดอลลาร์เมื่อปี 2554 หรือ 6 ปีที่แล้ว แต่หลังจากนั้นไม่กี่ปีได้ขายไปมูลค่า 50 ล้าน
ดอลลาร์ นอกเหนือจากสหรัฐแล้ว สำนักงานกำกับตลาดการเงินอังกฤษ (FCA) ยังได้สั่งปรับ ริโอ ทินโต เป็น
เงิน 27 ล้านปอนด์ด้วย ฐานฝ่าฝืนระเบียบการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจเดียวกัน
(+) HSBC และ Standard Charter bank ถูกตรวจสอบ หลังมีข่าวเอี่ยวการฟอกเงินใน
แอฟริกาใต้ กระทรวงคลังอังกฤษได้สั่งการให้หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงิน และสำนักงานปราบปรามการ
ทุจริต (SFO) เข้าตรวจสอบธนาคารสัญชาติอังกฤษสองแห่ง ได้แก่ธนาคารเอชเอสบีซี และธนาคาร
สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชั่นในแอฟริกาใต้หรือไม่
ลอร์ดปีเตอร์ เฮน หัวหน้าฝ่ายตุลาการอังกฤษแสดงความกังวลว่า ธนาคารทั้งสองแห่งอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับ
การส่งเงินฟอกโดยมิได้เจตนา และคาดว่า จะมีการถกประเด็นนี้ในสภาขุนนาง ซึ่งในขณะนี้ได้มีการยื่น
ประเด็นนี้ต่อหน่วยงานกำกับดูแลสถาบันการเงินของอังกฤษ (FCA) เรียบร้อยแล้ว (ที่มา สำนักข่าวอินโฟ
เควสท์)
(*) "ริโอ ทินโต" ถูกก.ล.ต.สหรัฐตั้งข้อหาฉ้อโกง เหตุรายงานมูลค่าสินทรัพย์เกินจริง (ที่มา สำนักข่าว
อินโฟเควสท์ 18 ต.ค. 60) คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ได้ตั้ง
ข้อหาฉ้อโกงต่อบริษัท ริโอ ทินโต ผู้ผลิตเหมืองแร่ยักษ์ใหญ่ของออสเตรเลีย รวมถึงอดีตผู้บริหารของ
บริษัทอีก 2 ราย เนื่องจากผู้ที่ถูกกล่าวหานั้นรายงานมูลค่าสินทรัพย์ที่สูงเกินจริงเพื่อปกปิดตัวเลขขาดทุน
ส่วนสินทรัพย์ที่ ริโอ ทินโต ได้รายงานมูลค่าเกินจริงคือธุรกิจถ่านหินที่ประเทศโมซัมบิก ซึ่งทางบริษัทได้
ซื้อไปวงเงิน 3.7 พันล้านดอลลาร์เมื่อปี 2554 หรือ 6 ปีที่แล้ว แต่หลังจากนั้นไม่กี่ปีได้ขายไปมูลค่า 50 ล้าน
ดอลลาร์ นอกเหนือจากสหรัฐแล้ว สำนักงานกำกับตลาดการเงินอังกฤษ (FCA) ยังได้สั่งปรับ ริโอ ทินโต เป็น
เงิน 27 ล้านปอนด์ด้วย ฐานฝ่าฝืนระเบียบการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจเดียวกัน
(+) HSBC และ Standard Charter bank ถูกตรวจสอบ หลังมีข่าวเอี่ยวการฟอกเงินใน
แอฟริกาใต้ กระทรวงคลังอังกฤษได้สั่งการให้หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงิน และสำนักงานปราบปรามการ
ทุจริต (SFO) เข้าตรวจสอบธนาคารสัญชาติอังกฤษสองแห่ง ได้แก่ธนาคารเอชเอสบีซี และธนาคาร
สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชั่นในแอฟริกาใต้หรือไม่
ลอร์ดปีเตอร์ เฮน หัวหน้าฝ่ายตุลาการอังกฤษแสดงความกังวลว่า ธนาคารทั้งสองแห่งอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับ
การส่งเงินฟอกโดยมิได้เจตนา และคาดว่า จะมีการถกประเด็นนี้ในสภาขุนนาง ซึ่งในขณะนี้ได้มีการยื่น
ประเด็นนี้ต่อหน่วยงานกำกับดูแลสถาบันการเงินของอังกฤษ (FCA) เรียบร้อยแล้ว (ที่มา สำนักข่าวอินโฟ
เควสท์)
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(+) ว่าที่ประธานเฟดคนใหม่ (รู้ผลภายในปลายเดือน ตค.-ต้น พย. นี้) ล่าสุดโพลชี้ Jerome Powell คะแนน
นำ ทิ้งห่าง Kevin Warsh คาดนโยบาย “โพเวล” ที่สนับสนุนการยกเลิกนโยบายผ่อนคลายทางการเงินแบบ
ค่อยเป็นค่อยไปเหมือน “เยลเลน” และเริ่มเอนเอียงต่อนโยบายผ่อนคลายกฎระเบียบคุมสถาบันการเงินคล้าย
ปธน.ทรัมป์ คาดส่งผลบวกต่อหุ้นโลกโดยเฉพาะกลุ่ม สถาบันการเงิน (Buy across the board กลุ่มสถาบัน
การเงิน)
(*) น้ำท่วม คาด ครม. จะออกมาตรการช่วยเหลือ ปชช.หลังน้ำลด เช่น เงินอุดหนุนเพื่อปรับปรุงที่อยู่อาศัย
ทั้งทางตรง และทางอ้อมเช่น ผ่านมาตรการช๊อปช่วยชาติ/บัตรสวัสดิการแห่งรัฐฯ , งบประมาณประจำปี 2561
เริ่มเดือน ตค.นี้ เน้นซ่อมสร้างถนน / หุ้นที่เชื่อมโยงแนะนำ GLOBAL TASCO / และอื่นๆ ASAP (ความ
ต้องการรถเช่าทดแทนระหว่างรอซ่อมเพิ่มขึ้น และอุทกภัยหนุนอุปสงค์ turn รถยนต์/ trade รถยนต์ ในปีหน้า
คาด เป็นบวกต่อธุรกิจใหม่ของ ASAP ที่จะเปิดศูยน์เทรดรถยนต์มือสอง) ECL (ให้บริการศูนย์ซ่อมรถยนต์)
ECF (เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ใหม่ และจับตาการประกาศตัวธุรกิจใหม่)
(+) ว่าที่ประธานเฟดคนใหม่ (รู้ผลภายในปลายเดือน ตค.-ต้น พย. นี้) ล่าสุดโพลชี้ Jerome Powell คะแนน
นำ ทิ้งห่าง Kevin Warsh คาดนโยบาย “โพเวล” ที่สนับสนุนการยกเลิกนโยบายผ่อนคลายทางการเงินแบบ
ค่อยเป็นค่อยไปเหมือน “เยลเลน” และเริ่มเอนเอียงต่อนโยบายผ่อนคลายกฎระเบียบคุมสถาบันการเงินคล้าย
ปธน.ทรัมป์ คาดส่งผลบวกต่อหุ้นโลกโดยเฉพาะกลุ่ม สถาบันการเงิน (Buy across the board กลุ่มสถาบัน
การเงิน)
(*) น้ำท่วม คาด ครม. จะออกมาตรการช่วยเหลือ ปชช.หลังน้ำลด เช่น เงินอุดหนุนเพื่อปรับปรุงที่อยู่อาศัย
ทั้งทางตรง และทางอ้อมเช่น ผ่านมาตรการช๊อปช่วยชาติ/บัตรสวัสดิการแห่งรัฐฯ , งบประมาณประจำปี 2561
เริ่มเดือน ตค.นี้ เน้นซ่อมสร้างถนน / หุ้นที่เชื่อมโยงแนะนำ GLOBAL TASCO / และอื่นๆ ASAP (ความ
ต้องการรถเช่าทดแทนระหว่างรอซ่อมเพิ่มขึ้น และอุทกภัยหนุนอุปสงค์ turn รถยนต์/ trade รถยนต์ ในปีหน้า
คาด เป็นบวกต่อธุรกิจใหม่ของ ASAP ที่จะเปิดศูยน์เทรดรถยนต์มือสอง) ECL (ให้บริการศูนย์ซ่อมรถยนต์)
ECF (เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ใหม่ และจับตาการประกาศตัวธุรกิจใหม่)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
OO1518
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
OO1518