- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 20 October 2017 17:30
- Hits: 690
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: ซื้อเพิ่มที่แนวรับ 1670 และ 1660
SET Index: 1682.43 ฟื้นตัวค่อนข้างแรงไปทดสอบแนวต้านของเส้นค่าเฉลี่ย 20 วันที่ระดับ 1690 จุด ก่อนที่จะปรับตัวลดลงมาสร้างฐานเหนือระดับ 1680 จุด หลังจากปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคหลุดแนวรับที่ 1700 จุดลงไป ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1670 จุด แต่เราแนะนำให้ใช้เป็นจังหวะในการเข้าซื้อ เนื่องจากแนวโน้มในระยะยาวยังเป็นขาขึ้น
แนวต้าน : 1686 และ 1690
แนวรับ : 1680 และ 1677
PTTEP = 85.00/86.00, PTT = 408/414, IRPC = 6.20/6.30, KTB = 18.50/18.70, AOT = 57.50/58.50
Bangkok Dusit Medical Services (BDMS TB; THB 21.20) – ซื้อ
แนวต้าน : 21.70 และ 22.00 / แนวต้านสำคัญ 22.20
แนวรับ : 21.20 และ 21.00
ราคาหุ้นฟื้นตัวในระยะสั้นหลังจากปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคไปทดสอบแนวรับที่บริเวณ 21.00 แต่ปริมาณการซื้อขายไม่สูงมาก ในขณะที่โครงสร้างของราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันขึ้นไปได้แล้ว
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลงต่อเนื่อง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 60
แนะนำซื้อ BDMS โดยมีแนวรับที่ 21.20 และ 21.00 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 21.70 และ 22.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 20.50 ลงไป
Bangkok Life Assurance (BLA TB; THB 38.50) – ซื้อ
แนวต้าน : 42.00 และ 43.00
แนวรับ : 38.50 และ 38.00
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค หลังจากปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับของกรอบแนวโน้มขาลง และเส้นแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาว ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวทางเทคนิค
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มลงปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มขึ้น RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 60
แนะนำซื้อ BLA โดยมีแนวรับที่ 38.50 และ 38.00 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 42.00 และ 43.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 37.50 ลงไป
SET Index: 1682.43 ฟื้นตัวค่อนข้างแรงไปทดสอบแนวต้านของเส้นค่าเฉลี่ย 20 วันที่ระดับ 1690 จุด ก่อนที่จะปรับตัวลดลงมาสร้างฐานเหนือระดับ 1680 จุด หลังจากปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคหลุดแนวรับที่ 1700 จุดลงไป ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1670 จุด แต่เราแนะนำให้ใช้เป็นจังหวะในการเข้าซื้อ เนื่องจากแนวโน้มในระยะยาวยังเป็นขาขึ้น
แนวต้าน : 1686 และ 1690
แนวรับ : 1680 และ 1677
PTTEP = 85.00/86.00, PTT = 408/414, IRPC = 6.20/6.30, KTB = 18.50/18.70, AOT = 57.50/58.50
Bangkok Dusit Medical Services (BDMS TB; THB 21.20) – ซื้อ
แนวต้าน : 21.70 และ 22.00 / แนวต้านสำคัญ 22.20
แนวรับ : 21.20 และ 21.00
ราคาหุ้นฟื้นตัวในระยะสั้นหลังจากปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคไปทดสอบแนวรับที่บริเวณ 21.00 แต่ปริมาณการซื้อขายไม่สูงมาก ในขณะที่โครงสร้างของราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันขึ้นไปได้แล้ว
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลงต่อเนื่อง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 60
แนะนำซื้อ BDMS โดยมีแนวรับที่ 21.20 และ 21.00 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 21.70 และ 22.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 20.50 ลงไป
Bangkok Life Assurance (BLA TB; THB 38.50) – ซื้อ
แนวต้าน : 42.00 และ 43.00
แนวรับ : 38.50 และ 38.00
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค หลังจากปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับของกรอบแนวโน้มขาลง และเส้นแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาว ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวทางเทคนิค
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มลงปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มขึ้น RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 60
แนะนำซื้อ BLA โดยมีแนวรับที่ 38.50 และ 38.00 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 42.00 และ 43.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 37.50 ลงไป
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET…เข้าสู่ช่วงหยุดยาว
หากจะดูว่าดัชนี SET ในปีนี้เป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับอดีต นับตั้งแต่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2008 เป็นต้นมา จากรูปด้านซ้าย พบว่าปีปัจจุบัน 2017 ดัชนี SET ขึ้นมาสูงสุดประมาณเกือบ 12% ถือเป็นปีที่ให้ผลตอบแทนดี หรือกลางๆ หากเทียบกับปี 2011 2013 2015 2008 ซึ่งปีเหล่านี้ดัชนี SET ให้ผลตอบแทนในแดนลบ ถึง ณ. สิ้นปี ส่วนปีที่ดัชนีให้ผลตอบแทนสูงมากๆ คือ 2009 2010 2012 2016 และ 2014 ดังนั้นในช่วงที่เหลือของปีทิศทางดัชนี SET จะขึ้นต่อหรือปรับตัวลง ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่สำคัญ คือ กำไรใน Q3-Q4/17 ของตลาด การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เม็ดเงินไหลเข้าและตลาดหุ้นสหรัฐ
การขึ้นแรงๆ ของดัชนี SET เกิดในช่วงปลายเดือน ส.ค. คือขึ้นทะลุ 1600 จุด อย่างรวดเร็วและเป็นการขึ้นเกือบทุกกลุ่ม หากมาดูว่าเป็นกลุ่มไหนบ้าง ดูจากรูปด้านขวา พบว่ากลุ่มที่ถือว่าสำคัญกับดัชนี อย่าง ค้าปลีก (14%) อสังหาริมทรัพย์ (13.4%) พลังงาน (11.1%) ขนส่ง (9.9%)ปิโตรเคมี (9.6%) สื่อสาร (7.5%)และธนาคาร (6.8%) ส่วน SET ขึ้นได้ที่ประมาณ 8.7% ประเด็นการขึ้นมาจากแรงหนุนของการมองภาพเศรษฐกิจฟื้นตัวตามมาด้วยมาตรการต่างๆ ของภาคร้ฐ (ทั้งเศรษฐกิจและการเมือง) และตลาดหุ้นสหรัฐเป็นใจ
อย่างไรก็ตามการขึ้นรอบนี้ถือว่ารวดเร็วมาก คือใช้เวลาในการข้ามดัชนีที่ 1600 จุดไปทะลุ 1700 จุด เพียง 30 กว่าวัน คล้ายๆ กับตลาดหุ้นสหรัฐที่ใช้เวลาการข้ามจาก 22000 ไปทะลุ 23000 จุดเพียง 54 วัน ดังนั้นสิ่งที่ตามมาคือ ดัชนีที่ขึ้นมาระดับนี้ ปัจจัยในเชิงพื้นฐานตามทันหรือไม่ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า เราพบว่าดัชนีที่ขึ้นมาระดับดังกล่าว ได้รับข่าวล่วงหน้าผลการดำเนินงาน Q4/17 ของตลาดไปแล้ว ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะออกมาอย่างไร อย่าง กำไรใน Q3/17 ที่กำลังทยอยประกาศออกมา ถือว่ายังทรงๆ ตัวมากกว่าที่จะดีกว่าคาดมากๆ เราจึงมองว่า เมื่อไม่เห็นปัจจัยหนุนใหม่ๆ ในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า ตลาดจึงมีแรงขายออกมาค่อนข้างแรง
ทิศทางดัชนี SET ในอาทิตย์หน้าคงฝากความหวังไว้กับผลการดำเนินงานหุ้นใหญ่ที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน และความคืบหน้าของนโยบายปฎิรูปโครงสร้างภาษีของสหรัฐ หากยังไม่มีอะไรทั้งเชิงบวกและลบ เรามองว่าดัชนีจะซึมลงต่อ แต่หากเกิดมีแรงกระแทกจากการปรับตัวลงของดัชนีดาวโจนส์แรงๆ ดัชนีจะลงมาเล่นในระดับ 1650 จุดหรือต่ำกว่า นอกจากนั้นในสัปดาห์หน้าจะเป็นช่วงหยุดยาว ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มลดความเสี่ยงการลงทุน ซึ่งอาจได้เห็นตั้งแต่วันนี้ อย่างไรก็ตามหากเกิดมีปัจจัยหนุนในสัปดาห์หน้า อย่าง สหรัฐมีข่าวดีเรื่องนโยบายปฎิรูปภาษีหริออื่นๆดัชนี SET ก็ขึ้นได้มากสุดก็แค่กรอบ คือ 1690-1700 จุด
วันนี้มองดัชนี SET ยังมีแนวโน้มปรับตัวลงต่อ หลังไม่เห็นปัจจัยในการเล่นและจะเข้าสู่ช่วงหยุด 3 วัน ขณะที่ทิศทางดัชนีตลาดหุ้นเอเชียกลับมีความผันผวนแรงขึ้น มองวันนี้ดัชนี SET จะเปิดลบและลงต่อ แต่มีรีบาวน์ระหว่างวันเกิดขึ้นบ้าง แต่ไม่แรงและไม่สามารถต้านแรงขายที่จะออกมาอีก โดยมีแนวรับที่ 1675-1670 จุดและแนวต้านที่ 1688-1692 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร BANPU และ MINT
หากจะดูว่าดัชนี SET ในปีนี้เป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับอดีต นับตั้งแต่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2008 เป็นต้นมา จากรูปด้านซ้าย พบว่าปีปัจจุบัน 2017 ดัชนี SET ขึ้นมาสูงสุดประมาณเกือบ 12% ถือเป็นปีที่ให้ผลตอบแทนดี หรือกลางๆ หากเทียบกับปี 2011 2013 2015 2008 ซึ่งปีเหล่านี้ดัชนี SET ให้ผลตอบแทนในแดนลบ ถึง ณ. สิ้นปี ส่วนปีที่ดัชนีให้ผลตอบแทนสูงมากๆ คือ 2009 2010 2012 2016 และ 2014 ดังนั้นในช่วงที่เหลือของปีทิศทางดัชนี SET จะขึ้นต่อหรือปรับตัวลง ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่สำคัญ คือ กำไรใน Q3-Q4/17 ของตลาด การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เม็ดเงินไหลเข้าและตลาดหุ้นสหรัฐ
การขึ้นแรงๆ ของดัชนี SET เกิดในช่วงปลายเดือน ส.ค. คือขึ้นทะลุ 1600 จุด อย่างรวดเร็วและเป็นการขึ้นเกือบทุกกลุ่ม หากมาดูว่าเป็นกลุ่มไหนบ้าง ดูจากรูปด้านขวา พบว่ากลุ่มที่ถือว่าสำคัญกับดัชนี อย่าง ค้าปลีก (14%) อสังหาริมทรัพย์ (13.4%) พลังงาน (11.1%) ขนส่ง (9.9%)ปิโตรเคมี (9.6%) สื่อสาร (7.5%)และธนาคาร (6.8%) ส่วน SET ขึ้นได้ที่ประมาณ 8.7% ประเด็นการขึ้นมาจากแรงหนุนของการมองภาพเศรษฐกิจฟื้นตัวตามมาด้วยมาตรการต่างๆ ของภาคร้ฐ (ทั้งเศรษฐกิจและการเมือง) และตลาดหุ้นสหรัฐเป็นใจ
อย่างไรก็ตามการขึ้นรอบนี้ถือว่ารวดเร็วมาก คือใช้เวลาในการข้ามดัชนีที่ 1600 จุดไปทะลุ 1700 จุด เพียง 30 กว่าวัน คล้ายๆ กับตลาดหุ้นสหรัฐที่ใช้เวลาการข้ามจาก 22000 ไปทะลุ 23000 จุดเพียง 54 วัน ดังนั้นสิ่งที่ตามมาคือ ดัชนีที่ขึ้นมาระดับนี้ ปัจจัยในเชิงพื้นฐานตามทันหรือไม่ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า เราพบว่าดัชนีที่ขึ้นมาระดับดังกล่าว ได้รับข่าวล่วงหน้าผลการดำเนินงาน Q4/17 ของตลาดไปแล้ว ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะออกมาอย่างไร อย่าง กำไรใน Q3/17 ที่กำลังทยอยประกาศออกมา ถือว่ายังทรงๆ ตัวมากกว่าที่จะดีกว่าคาดมากๆ เราจึงมองว่า เมื่อไม่เห็นปัจจัยหนุนใหม่ๆ ในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า ตลาดจึงมีแรงขายออกมาค่อนข้างแรง
ทิศทางดัชนี SET ในอาทิตย์หน้าคงฝากความหวังไว้กับผลการดำเนินงานหุ้นใหญ่ที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน และความคืบหน้าของนโยบายปฎิรูปโครงสร้างภาษีของสหรัฐ หากยังไม่มีอะไรทั้งเชิงบวกและลบ เรามองว่าดัชนีจะซึมลงต่อ แต่หากเกิดมีแรงกระแทกจากการปรับตัวลงของดัชนีดาวโจนส์แรงๆ ดัชนีจะลงมาเล่นในระดับ 1650 จุดหรือต่ำกว่า นอกจากนั้นในสัปดาห์หน้าจะเป็นช่วงหยุดยาว ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มลดความเสี่ยงการลงทุน ซึ่งอาจได้เห็นตั้งแต่วันนี้ อย่างไรก็ตามหากเกิดมีปัจจัยหนุนในสัปดาห์หน้า อย่าง สหรัฐมีข่าวดีเรื่องนโยบายปฎิรูปภาษีหริออื่นๆดัชนี SET ก็ขึ้นได้มากสุดก็แค่กรอบ คือ 1690-1700 จุด
วันนี้มองดัชนี SET ยังมีแนวโน้มปรับตัวลงต่อ หลังไม่เห็นปัจจัยในการเล่นและจะเข้าสู่ช่วงหยุด 3 วัน ขณะที่ทิศทางดัชนีตลาดหุ้นเอเชียกลับมีความผันผวนแรงขึ้น มองวันนี้ดัชนี SET จะเปิดลบและลงต่อ แต่มีรีบาวน์ระหว่างวันเกิดขึ้นบ้าง แต่ไม่แรงและไม่สามารถต้านแรงขายที่จะออกมาอีก โดยมีแนวรับที่ 1675-1670 จุดและแนวต้านที่ 1688-1692 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร BANPU และ MINT
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,682.43 จุด ลดลง 1.00 จุด (-0.06%) มูลค่าการซื้อขาย33,216.46 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ผันผวน โดยมีแรงกดดันจากกลุ่มพลังงาน จากการตั้งสำรองเงินลงทุนของ PTTEP และกลุ่มธนาคาร หลังประกาศงบ 3Q17 ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งบวก-ลบ
KKP รายงานผลประกอบ 3Q17 มีกำไรสุทธิ 1,723 ล้านบาท (+2% YoY, +45% QoQ)หรือ EPS 2.04 ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ 22% โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมาย 71.17 บาท (Buy/Hold/Sell : 10/7/5)
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,682.43 จุด ลดลง 1.00 จุด (-0.06%) มูลค่าการซื้อขาย33,216.46 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ผันผวน โดยมีแรงกดดันจากกลุ่มพลังงาน จากการตั้งสำรองเงินลงทุนของ PTTEP และกลุ่มธนาคาร หลังประกาศงบ 3Q17 ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งบวก-ลบ
KKP รายงานผลประกอบ 3Q17 มีกำไรสุทธิ 1,723 ล้านบาท (+2% YoY, +45% QoQ)หรือ EPS 2.04 ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ 22% โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมาย 71.17 บาท (Buy/Hold/Sell : 10/7/5)
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย มองการปรับฐานในรอบนี้ไม่น่ากังวล การปรับฐานในรอบนี้เกิดจากแรงขายทำกำไร ไม่ได้เกิดจากการมีปัจจัยลบเข้ามากระทบ ทำให้มองว่าการปรับตัวลดลงของ SET Index เป็นแค่การปรับฐานตามปกติของรอบขาขึ้น โดยจุดตัดสินที่จะทำให้การปรับฐานเข้าสู่กรอบขาลงที่ชัดเจนคือ SET Index จะต้องปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ1650 จุดลงไป ระยะสั้นเรามองแนวรับแรกจะอยู่ที่ระดับ 1680 จุด ถัดไปที่ 1665 จุด มองว่าหากไม่หลุดต่ำกว่าระดับ 1680 จุด มีลุ้น SET Index รีบาวน์กลับในช่วงท้ายตลาด โดยจะมีแนวต้านด้านบนที่ 1700 จุด แนะนำเสี่ยงซื้อลุ้นรีบาวน์ มองกลุ่มพลังงานโรงกลั่นปรับตัวลงมาในจุดน่าสนใจ แนะนำ IRPC IVL PTTGC
แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย มองการปรับฐานในรอบนี้ไม่น่ากังวล การปรับฐานในรอบนี้เกิดจากแรงขายทำกำไร ไม่ได้เกิดจากการมีปัจจัยลบเข้ามากระทบ ทำให้มองว่าการปรับตัวลดลงของ SET Index เป็นแค่การปรับฐานตามปกติของรอบขาขึ้น โดยจุดตัดสินที่จะทำให้การปรับฐานเข้าสู่กรอบขาลงที่ชัดเจนคือ SET Index จะต้องปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ1650 จุดลงไป ระยะสั้นเรามองแนวรับแรกจะอยู่ที่ระดับ 1680 จุด ถัดไปที่ 1665 จุด มองว่าหากไม่หลุดต่ำกว่าระดับ 1680 จุด มีลุ้น SET Index รีบาวน์กลับในช่วงท้ายตลาด โดยจะมีแนวต้านด้านบนที่ 1700 จุด แนะนำเสี่ยงซื้อลุ้นรีบาวน์ มองกลุ่มพลังงานโรงกลั่นปรับตัวลงมาในจุดน่าสนใจ แนะนำ IRPC IVL PTTGC
Technical Pick (PM) & Cash Balance...
Bangkok Dusit Medical Services (BDMS TB; THB 21.20) – ซื้อ
Bangkok Life Assurance (BLA TB; THB 38.50) – ซื้อ
Bangkok Dusit Medical Services (BDMS TB; THB 21.20) – ซื้อ
Bangkok Life Assurance (BLA TB; THB 38.50) – ซื้อ
Analysts : Kitichan Sirisukarcha +66(2) 761 9232 – [email protected]
Teerawut Kanniphakul +66(2) 761 9233 – [email protected]
Line ID : @CIMBS Youtube : CIMBS
Teerawut Kanniphakul +66(2) 761 9233 – [email protected]
Line ID : @CIMBS Youtube : CIMBS
OO1507