- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 19 October 2017 17:24
- Hits: 8904
บล.โกลเบล็ก : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Market Summary 18-10-17
Close 1,707.53 Volume B59,247M
Change -16.94 P/E 18.42
%Change -0.98% P/BV 2.07
Market Summary 18-10-17
Close 1,707.53 Volume B59,247M
Change -16.94 P/E 18.42
%Change -0.98% P/BV 2.07
หุ้นแนะนำพิเศษ
กลุ่มทีวีดิจิตอล
จากกรณี กสทช.เห็นชอบ แนวทางลดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล จากที่ประชุมเมื่อวันที่ 18 ต.ค. 60 (วานนี้) ซึ่งจะนำไปสู่กระบวนการร่างประกาศ และนำไปสู่การรับฟังความคิดเห็น สาธารณะต่อไปนั้น ฝ่ายวิจัยได้ประเมิณอัตราค่าธรรมเนียมเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (ตามรายได้แบบขั้นบันได) ที่เปลี่ยนแปลงพบว่าสามารถแบ่งผู้ประกอบการที่ได้ประโยชน์ เป็น 2 กลุ่มหลักๆ คือ ผู้ที่มีรายได้ระดับต่ำกว่า 5 พันล้านบาท และผู้ที่มีรายได้ระดับ 5 พัน - 1 หมื่นล้านบาท พบว่าผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท จะได้ประโยชน์มากกว่า คือมีค่าธรรมเนียมลดลงราว 1% ขณะที่ผู้ที่มีรายได้สูงกว่าจะได้ประโยชน์ราว 0.8%
โดยหากพิจารณาผู้ประกอบการที่มีกำไร 1H60 และได้รับผลบวกดังกล่าว ฝ่ายวิจัยชื่นชอบ MONO มากสุด เนื่องจากมีรายได้จากธุรกิจทีวีดิจิตอลอยู่ในกรอบ ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท กอปรกับมีฐานกำไรที่ต่ำส่งผลให้คาดจะมี Impact ราว 10 - 20% จึงแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร"
Market View : ปัจจัยบวกหนุน
Stock of the town : BIG ECF
กลุ่มทีวีดิจิตอล
จากกรณี กสทช.เห็นชอบ แนวทางลดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล จากที่ประชุมเมื่อวันที่ 18 ต.ค. 60 (วานนี้) ซึ่งจะนำไปสู่กระบวนการร่างประกาศ และนำไปสู่การรับฟังความคิดเห็น สาธารณะต่อไปนั้น ฝ่ายวิจัยได้ประเมิณอัตราค่าธรรมเนียมเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (ตามรายได้แบบขั้นบันได) ที่เปลี่ยนแปลงพบว่าสามารถแบ่งผู้ประกอบการที่ได้ประโยชน์ เป็น 2 กลุ่มหลักๆ คือ ผู้ที่มีรายได้ระดับต่ำกว่า 5 พันล้านบาท และผู้ที่มีรายได้ระดับ 5 พัน - 1 หมื่นล้านบาท พบว่าผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท จะได้ประโยชน์มากกว่า คือมีค่าธรรมเนียมลดลงราว 1% ขณะที่ผู้ที่มีรายได้สูงกว่าจะได้ประโยชน์ราว 0.8%
โดยหากพิจารณาผู้ประกอบการที่มีกำไร 1H60 และได้รับผลบวกดังกล่าว ฝ่ายวิจัยชื่นชอบ MONO มากสุด เนื่องจากมีรายได้จากธุรกิจทีวีดิจิตอลอยู่ในกรอบ ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท กอปรกับมีฐานกำไรที่ต่ำส่งผลให้คาดจะมี Impact ราว 10 - 20% จึงแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร"
Market View : ปัจจัยบวกหนุน
Stock of the town : BIG ECF
หุ้นแนะนำพิเศษ : กลุ่มทีวีดิจิตอล
หุ้นมีข่าว : DTAC CMO KKP TCAP D
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันก่อนปรับตัวลงแรงจากแรงขายในหุ้นกลุ่ม ENERG หลังราคาน้ำมันดิบทรงตัว และกลุ่ม ICT จากการประกาศผลประกอบการ 3Q60 และยังมีแรงขายกลุ่ม ธ.พ. รายตัวซึ่งจะรายงานงบการเงิน 3Q60 จนถึงวันที่ 20 ต.ค. 60 โดยรวม SET Index ปิดที่ 1,707.53 จุด (-16.94 จุด) Volume 5.92 หมื่นลบ. โดย Foreign Net -1,670.09 ลบ. TFEX Net –9,068 สัญญา ตราสารหนี้ +2,436 ลบ.
หุ้นมีข่าว : DTAC CMO KKP TCAP D
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันก่อนปรับตัวลงแรงจากแรงขายในหุ้นกลุ่ม ENERG หลังราคาน้ำมันดิบทรงตัว และกลุ่ม ICT จากการประกาศผลประกอบการ 3Q60 และยังมีแรงขายกลุ่ม ธ.พ. รายตัวซึ่งจะรายงานงบการเงิน 3Q60 จนถึงวันที่ 20 ต.ค. 60 โดยรวม SET Index ปิดที่ 1,707.53 จุด (-16.94 จุด) Volume 5.92 หมื่นลบ. โดย Foreign Net -1,670.09 ลบ. TFEX Net –9,068 สัญญา ตราสารหนี้ +2,436 ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น ขานรับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ที่ออกมาดีกว่าการคาดการณ์ของตลาด โดยเฉพาะบริษัทไอบีเอ็มและแอ๊บบอต
+น้ำมันดิบปรับตัวขึ้นหลังจากอิหร่านอาจฉีกข้อตกลงนิวเคลียร์หากสหรัฐเลือกที่จะทิ้งข้อตกลงดังกล่าว
+เฟดเผยรายงาน Beige Book ชี้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวต่อเนื่องทั้ง 12 เขตโดยขยายตัวปานกลาง แม้ได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคน
+IMF ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 60 เพิ่มจาก 3.2% เป็น 3.7% และได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจของปี 61 ขยายตัวจาก 3.3% เป็น 3.5%
+พาณิชย์ แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ก.ย.60 ที่ระดับ 39.5 จาก 38.4 ใน ส.ค.60
+ส.อ.ท.เผยยอดส่งออกรถยนต์ ก.ย.ขยายตัว 7.19% มาที่ 120,654 คัน สูงสุดรอบ 24 เดือน
+/- Fund Flow พลิกเป็น Net Sell 2 วันติดต่อกัน 2.3 ล้านบาท ขณะที่เงินบาทอ่อนค่า 33.12 Bath/USD อย่างไรก็ตามตั้งแต่เดือนก.ย. TFEX เป็น Net Short ราว 1.2 แสนสัญญา
** ติดตามการประกาศงบกลุ่มธนาคาร 19 ต.ค. BBL KTB SCB 20 ต.ค. BAY KBANK KKP
**ในสัปดาห์นี้ สหรัฐเตรียมโหวตร่างงบประมาณประจำปี 2561 เพื่อปูทางสู่การพิจารณากฎหมายปฏิรูปภาษีในปีนี้
ภาวะตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยบวกจาก IMF ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP และตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงรายงาน Beige Book เกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ อย่างไรก็ตามมีปัจจัยลบกดดันจาก fund flow ที่ผันผวน ดังนั้นประเมินว่า SET จะปรับตัวขึ้นในกรอบ 1,700-1,713 จุด
+ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น ขานรับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ที่ออกมาดีกว่าการคาดการณ์ของตลาด โดยเฉพาะบริษัทไอบีเอ็มและแอ๊บบอต
+น้ำมันดิบปรับตัวขึ้นหลังจากอิหร่านอาจฉีกข้อตกลงนิวเคลียร์หากสหรัฐเลือกที่จะทิ้งข้อตกลงดังกล่าว
+เฟดเผยรายงาน Beige Book ชี้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวต่อเนื่องทั้ง 12 เขตโดยขยายตัวปานกลาง แม้ได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคน
+IMF ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 60 เพิ่มจาก 3.2% เป็น 3.7% และได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจของปี 61 ขยายตัวจาก 3.3% เป็น 3.5%
+พาณิชย์ แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ก.ย.60 ที่ระดับ 39.5 จาก 38.4 ใน ส.ค.60
+ส.อ.ท.เผยยอดส่งออกรถยนต์ ก.ย.ขยายตัว 7.19% มาที่ 120,654 คัน สูงสุดรอบ 24 เดือน
+/- Fund Flow พลิกเป็น Net Sell 2 วันติดต่อกัน 2.3 ล้านบาท ขณะที่เงินบาทอ่อนค่า 33.12 Bath/USD อย่างไรก็ตามตั้งแต่เดือนก.ย. TFEX เป็น Net Short ราว 1.2 แสนสัญญา
** ติดตามการประกาศงบกลุ่มธนาคาร 19 ต.ค. BBL KTB SCB 20 ต.ค. BAY KBANK KKP
**ในสัปดาห์นี้ สหรัฐเตรียมโหวตร่างงบประมาณประจำปี 2561 เพื่อปูทางสู่การพิจารณากฎหมายปฏิรูปภาษีในปีนี้
ภาวะตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยบวกจาก IMF ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP และตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงรายงาน Beige Book เกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ อย่างไรก็ตามมีปัจจัยลบกดดันจาก fund flow ที่ผันผวน ดังนั้นประเมินว่า SET จะปรับตัวขึ้นในกรอบ 1,700-1,713 จุด
กลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน
- การปฎิรูปภาษีของสหรัฐ IVL EPG
- กลุ่มโรงกลั่นคาดกำไร Q3/17 เติบโต
- กลุ่มเดินเรืออานิสงส์ค่าระวางเรือทำ New High 1,566 จุด
- ประมูล SPP HYBRID 300MW BPP GPSC TPCH PSTC BCPG
- กลุ่มที่คาดว่างบ Q3/17 จะเติบโตขึ้น ได้แก่ PTTGC TOP IRPC BCP BCPG HARN FTE ASIMAR ATP30 JWD ERW CKP COMAN SYNEX XO TPCH
- การปฎิรูปภาษีของสหรัฐ IVL EPG
- กลุ่มโรงกลั่นคาดกำไร Q3/17 เติบโต
- กลุ่มเดินเรืออานิสงส์ค่าระวางเรือทำ New High 1,566 จุด
- ประมูล SPP HYBRID 300MW BPP GPSC TPCH PSTC BCPG
- กลุ่มที่คาดว่างบ Q3/17 จะเติบโตขึ้น ได้แก่ PTTGC TOP IRPC BCP BCPG HARN FTE ASIMAR ATP30 JWD ERW CKP COMAN SYNEX XO TPCH
หุ้นมีข่าว
DTAC (ราคาปัจจุบัน 52.25 บาท Bloomberg Consensus 52.34 บาท)รายงานกำไร 3Q60 ออกมาที่ 601 ล้านบาท ลดลง 8.8%YoY จากรายได้บริการ (ไม่รวม IC) ลดลง 1.5%YoY มาที่ 1.59 หมื่นล้านบาท หลักๆมาจากลูกค้าบริการระบบเติมเงิน ลดลง 12%YoY มาที่ 17.6 ล้านเลขหมาย แต่ถูกชดเชยบางส่วนด้วยลูกค้ากลุ่มเติมเงินที่เพิ่มขึ้น 7.8%YoY มาที่ 5.5 ล้านเลขหมาย ขณะที่ต้นทุนในการให้บริการ ลดลงในอัตราส่วนที่น้อยกว่า ที่ 0.2%YoY จากการปรับเพิ่มขึ้นของ ค่าใช้จ่ายด้านโครงข่าย (12% ของต้นทุน) เพิ่มขึ้น 9%YoY จากการเพิ่มความจุของบริการ 4G และการเพิ่มความหนาแน่นของโครงข่าย 4G และค่าเสื่อมราคา (45% ของต้นทุน) ที่เพิ่มขึ้น 15%YoY จากการลงทุนในโครงข่ายเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม DTAC ยังมี EBITDA เพิ่มขึ้น 7.2%YoY รวม 9M60 DTAC ยังมีรายได้รวมจากการให้บริการ (ไม่รวม IC) ทรงตัว YoY ซึ่งเป็นไปตามกรอบเป้าหมายของบริษัททั้งปี 60 แต่ทั้งนี้ กำไรที่รายงานในงวด 3Q60 ต่ำกว่าที่ตลาดคาดราว 5 - 6% อย่างไรก็ตาม ในด้านราคาหุ้นได้มีการปรับตัวลดลงแรงกว่า 9% เพียง 2 วันทำการ
ความเห็น คาดสะท้อนประเด็นผลประกอบการ 3Q60 ที่ต่ำคาด ทั้งนี้ ประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดสำหรับ DTAC คือ การเข้าเซ็นสัญญากับ TOT เป็น Parter เพื่อให้มีใบอนุญาตชดเชยของเดิมที่จะหมดอายุลงในเดือน ก.ย. 61 อย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี ซึ่งจะหนุนให้ DTAC กลับมาเป็นหุ้นกลุ่มสื่อสารที่น่าสนใจอีกครั้ง
CMO (ราคาปัจจุบัน 1.97 บาท) จากที่ประชุม ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 60 อยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท ส่วนปีหน้าเติบโต 10%YoY โดยการเติบโตหลักช่วง 1 - 2 ปี นี้ ยังมาจากธุรกิจหลัก 2 ส่วน คือ จัดงาน Event (50% ของรายได้) และให้เช่าอุปกรณ์จัดงาน (40% ของรายได้) จากการกลับมาขยายตัวของค่าใช้จ่ายในการจัดงานนิทรรศการเพื่อทำการตลาดของภาคธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ส่วนธุรกิจที่พึ่งเริ่มดำเนินการคือ Imaginia (ธุรกิจสวนสนุก) และ Himmapan Avatar ยังคงสร้างผลขาดทุนอยู่ เป็นปัจจัยที่จะฉุดรั้งการเติบโตบางส่วนในช่วงนี้
ความเห็น โดยรวม ฝ่ายวิจัยคาดว่าแรงหนุนจากอุตฯ น่าจะช่วยให้งานจัดทรรศการและการเช่าใช้อุปกรณ์มีเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามกลยุทธ์ในการขยายสาขา และการขาย franchise ของธุรกิจสวนสนุก ว่าจะสามารถทำให้ธุรกิจสร้างผลกำไรได้เมื่อใด ซึ่งจะเป็นแรงส่งสำคัญในการกลับมาทยอยเติบโตอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง
KKP (ราคาปิด 75.50 Bloomberg Consensus 71.17) มีประเด็นบวกจาก 1)การเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3 ที่คาดว่าจะออกมาดีกว่าไตรมาสก่อน 2) เก็งกำไรดีลขายหุ้นให้พันธมิตรรายใหม่ หลังจากที่ผู้บริหารของแบงก์ออกมายอมรับว่าพร้อมเปิดกว้างรับผู้ร่วมทุน เพื่อให้แบงก์สามารถเติบโตและแข่งขันกับแบงก์พาณิชย์อื่นในระบบต่อไปได้จากกลุ่มสถาบันการเงินจีนและญี่ปุ่นที่ต้องการขยายฐานการลงทุนในภูมิภาค โดยคาดว่า KKP จะใช้วิธีคล้ายกับ LHBANK โดยการเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงให้ผู้ร่วมทุนรายใหม่เข้ามา แต่ไม่ได้ให้เข้ามาเทกโอเวอร์กิจการแต่อย่างใด (ที่มา ข่าวหุ้น)
TCAP (ราคาปิด 52 Bloomberg Consensus 50.83) เปิดเผยว่า 3Q60 มีกำไรสุทธิ 1,788.43 ล้านบาท +19%YoY 9M60 มีกำไรสุทธิ 5,066 ล้านบาท +17.28%YoY โดยมี %NPL ลดเหลือ 2.21% Coverage Ratio อยู่ที่ 143.09%
CIMBT รายงานกำไร 3Q60 เท่ากับ 76.5 ล้านบาท -82%YoY 9M60 มีกำไรสุทธิ 554 ล้านบาท -31%YoY
D (ราคาปิด 9.05 ซื้อ ราคาเหมาะสม 10.22) ปรับลดเป้ารายได้ปี 2560 เป็นเติบโต 5% จากเดิม 10-15% เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทำให้ชาวต่างชาติชะลอการเข้ามาใช้บริการ ประกอบกับการแข่งขันที่รุนแรง ส่งผลให้ไม่มีการปรับขึ้นค่ารักษา อย่างไรตามแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังคาดจะเติบโตต่อเนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นประกอบกับสาขาเดิมยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงไตรมาส 3/60 จะมีค่าใช้จ่ายในการจ้างที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อขอความเห็นในการเข้าลงทุนโครงการโรงพยาบาลทันตกรรม (Bangkok International Dental Hospital : BIDH) (ที่มา ข่าวหุ้น)
ความเห็น ประมาณการของฝ่ายวิจัยที่ยึดหลักอนุรักษ์นิยมคาดรายได้ปี 60 ราว 461 ล้านบาทเติบโต 5% และคาดกำไรสุทธิปี 60 ราว 50 ล้านบาท เติบโต 19% กำไร 1H60 เท่ากับ 22.5 ล้านบาท +14%YoY เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานในอนาคตที่มีศักยภาพเติบโตต่อเนื่องโดยเฉพาะเมื่อโครงการ BIDH เริ่มให้บริการราวปี 2562
นักวิเคราะห์ 02-672-5999 ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
วิลาสินี บุญมาสูงทรง ext.5937 ระพีพัฒน์ ด่านไพบูลย์
ชัยยศ จิวางกูร ext.5805 สรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ext.5936
ธนวินท์ พิเชษฐศิริพร ext.5940
ความเห็น คาดสะท้อนประเด็นผลประกอบการ 3Q60 ที่ต่ำคาด ทั้งนี้ ประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดสำหรับ DTAC คือ การเข้าเซ็นสัญญากับ TOT เป็น Parter เพื่อให้มีใบอนุญาตชดเชยของเดิมที่จะหมดอายุลงในเดือน ก.ย. 61 อย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี ซึ่งจะหนุนให้ DTAC กลับมาเป็นหุ้นกลุ่มสื่อสารที่น่าสนใจอีกครั้ง
CMO (ราคาปัจจุบัน 1.97 บาท) จากที่ประชุม ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 60 อยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท ส่วนปีหน้าเติบโต 10%YoY โดยการเติบโตหลักช่วง 1 - 2 ปี นี้ ยังมาจากธุรกิจหลัก 2 ส่วน คือ จัดงาน Event (50% ของรายได้) และให้เช่าอุปกรณ์จัดงาน (40% ของรายได้) จากการกลับมาขยายตัวของค่าใช้จ่ายในการจัดงานนิทรรศการเพื่อทำการตลาดของภาคธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ส่วนธุรกิจที่พึ่งเริ่มดำเนินการคือ Imaginia (ธุรกิจสวนสนุก) และ Himmapan Avatar ยังคงสร้างผลขาดทุนอยู่ เป็นปัจจัยที่จะฉุดรั้งการเติบโตบางส่วนในช่วงนี้
ความเห็น โดยรวม ฝ่ายวิจัยคาดว่าแรงหนุนจากอุตฯ น่าจะช่วยให้งานจัดทรรศการและการเช่าใช้อุปกรณ์มีเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามกลยุทธ์ในการขยายสาขา และการขาย franchise ของธุรกิจสวนสนุก ว่าจะสามารถทำให้ธุรกิจสร้างผลกำไรได้เมื่อใด ซึ่งจะเป็นแรงส่งสำคัญในการกลับมาทยอยเติบโตอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง
KKP (ราคาปิด 75.50 Bloomberg Consensus 71.17) มีประเด็นบวกจาก 1)การเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3 ที่คาดว่าจะออกมาดีกว่าไตรมาสก่อน 2) เก็งกำไรดีลขายหุ้นให้พันธมิตรรายใหม่ หลังจากที่ผู้บริหารของแบงก์ออกมายอมรับว่าพร้อมเปิดกว้างรับผู้ร่วมทุน เพื่อให้แบงก์สามารถเติบโตและแข่งขันกับแบงก์พาณิชย์อื่นในระบบต่อไปได้จากกลุ่มสถาบันการเงินจีนและญี่ปุ่นที่ต้องการขยายฐานการลงทุนในภูมิภาค โดยคาดว่า KKP จะใช้วิธีคล้ายกับ LHBANK โดยการเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงให้ผู้ร่วมทุนรายใหม่เข้ามา แต่ไม่ได้ให้เข้ามาเทกโอเวอร์กิจการแต่อย่างใด (ที่มา ข่าวหุ้น)
TCAP (ราคาปิด 52 Bloomberg Consensus 50.83) เปิดเผยว่า 3Q60 มีกำไรสุทธิ 1,788.43 ล้านบาท +19%YoY 9M60 มีกำไรสุทธิ 5,066 ล้านบาท +17.28%YoY โดยมี %NPL ลดเหลือ 2.21% Coverage Ratio อยู่ที่ 143.09%
CIMBT รายงานกำไร 3Q60 เท่ากับ 76.5 ล้านบาท -82%YoY 9M60 มีกำไรสุทธิ 554 ล้านบาท -31%YoY
D (ราคาปิด 9.05 ซื้อ ราคาเหมาะสม 10.22) ปรับลดเป้ารายได้ปี 2560 เป็นเติบโต 5% จากเดิม 10-15% เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทำให้ชาวต่างชาติชะลอการเข้ามาใช้บริการ ประกอบกับการแข่งขันที่รุนแรง ส่งผลให้ไม่มีการปรับขึ้นค่ารักษา อย่างไรตามแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังคาดจะเติบโตต่อเนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นประกอบกับสาขาเดิมยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงไตรมาส 3/60 จะมีค่าใช้จ่ายในการจ้างที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อขอความเห็นในการเข้าลงทุนโครงการโรงพยาบาลทันตกรรม (Bangkok International Dental Hospital : BIDH) (ที่มา ข่าวหุ้น)
ความเห็น ประมาณการของฝ่ายวิจัยที่ยึดหลักอนุรักษ์นิยมคาดรายได้ปี 60 ราว 461 ล้านบาทเติบโต 5% และคาดกำไรสุทธิปี 60 ราว 50 ล้านบาท เติบโต 19% กำไร 1H60 เท่ากับ 22.5 ล้านบาท +14%YoY เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานในอนาคตที่มีศักยภาพเติบโตต่อเนื่องโดยเฉพาะเมื่อโครงการ BIDH เริ่มให้บริการราวปี 2562
นักวิเคราะห์ 02-672-5999 ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
วิลาสินี บุญมาสูงทรง ext.5937 ระพีพัฒน์ ด่านไพบูลย์
ชัยยศ จิวางกูร ext.5805 สรรพกัณฑ์ ปัทมบริสุทธิ์
ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ext.5936
ธนวินท์ พิเชษฐศิริพร ext.5940
OO1451