WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

KTBบล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily

 

ภาพตลาดวันวาน
  ดัชนีเปิดตัวแรง พร้อมกับแกว่งตัวแคบ ๆ ที่มีจุดต่ำสุดของวันที่ 1719.12 จุด เพิ่มขึ้น 6.64 จุด ก่อนที่จะขยับขึ้นทำจุดสูงสุดของวันที่ 1728.62 จุด เพิ่มขึ้น 16.14 จุด โดยได้แรงซื้อหลักจากหุ้นขนาดใหญ่-กลาง นำโดย BBL, TOA, PTT, ADVANC, AOT, BDMS, PTTGC, PRM TOP, BH, BCPG, GPSC ทั้งนี้มีกรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันที่ 9.50 จุด ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1726.67 จุด เพิ่มขึ้น 14.19 จุด (+0.83%) มูลค่าการซื้อขาย 66,895 ล้านบาท


ภาพตลาดวันนี้
  ดัชนีวานนี้ยังคงเดินหน้าต่อ ไม่หวั่นไหวต่อสัญญาณที่เตือนในเชิงลบ โดยเปิดตัวแรงขึ้นยืนเหนือ 1720 จุด พร้อมกับทำ New High ที่ 1728 จุด ขณะที่มี Low 1719 จุด ทำให้ดัชนียังมีแนวโน้มของการขยับทำ High ได้เรื่อย ๆ โดยมีเป้าหมายถัดไปที่ 1735 // 1745 จุด แต่อย่างไรก็ตามระหว่างทางอาจมีสลับการพักตัว เพื่อลดความร้อนแรงได้ ขยับแนวรับ 1715-1720 จุด แนวต้าน 1730-1735 จุด
แกว่งตัวผันผวน – มีโอกาสไปต่อ สลับการพักตัวระหว่างทาง
   Support 1690 // 1680 จุด Resistance 1720 // 1735 จุด


พรรณนภา เขมะสุรัตน์ Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110 Tel 02- 6481124
Email: [email protected]

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell

 

'ได้แรงหนุนจาก Fund Flow'
      ทิศทางตลาดหุ้นไทย : คาดดัชนีฯมีโอกาสเดินหน้าต่อ จากเม็ดเงินที่ไหลกลับเข้ามาในสตลาดหลังผ่านช่วงวันหยุด ....... เรามองเป้าสูงสุดของดัชนีฯรอบนี้ ไว้ที่ 1,758 จุด .... ตัวแปรสำคัญ ยังเป็นของไทยเอง คือ การเมือง ในเรื่องกำหนดการเลือกตั้งปลายปีหน้า ที่เป็นการปลดล็อตตลาดหุ้นไทยไม่ให้ดีเหมือนตลาดหุ้นเอเซียแห่งอื่นๆในรอบหลายปีที่ผ่านมา และกำไรของตลาดหุ้นที่ขยายตัวดีหรืออาจดีกว่าคาด (KTBST คาดกำไรตลาดปีนี้ขยายตัว 5.6% และปีหน้า 11.1%) …. ตัวแปรต่างประเทศ ส่วนใหญ่แล้วเป็นบวกต่อตลาด ประธาน Fed ยังส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเดือน ธ.ค. เศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวดี ....ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดในช่วงต่อจากนี้ คือ กฎหมายภาษีและการเลือกประธาน Fed คนใหม่ ของสหรัฐฯ ทางออกของปัญหาเกาหลีเหนือ
       กลยุทธ์การลงทุน : ด้วยแรงซื้อของนักลงทุนที่น่าจะเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จะหนุนดัชนีฯให้มีแนวโน้มสดใส.... หุ้นขนาดใหญ่-หุ้นเติบโตดี ของแต่ละกลุ่มหลัก (ธนาคาร-พลังงาน-ปิโตรเคมี-ค้าปลีก-ไอซีที) จะเป็นเป้าหมายของการซื้อจากนี้เป็ต้นไป ..... คำแนะนำของเรา ยังแนะให้นักลงทุนถือหุ้นต่อไปได้ หรือเข้าซื้อเพิ่ม โดยเน้นหุ้นขนาดใหญ่ตามที่กล่าวในข้างต้น สำหรับหุ้นกลุ่มอื่นๆ ควรเลือกซื้อหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกำไรหรือมีการเติบโตสูง
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน : สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ CHG, TMB, BDMS, AMATA*, JMT


หุ้นแนะนำทางเทคนิค : BGRIM, TMILL, SC
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์


บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
(+) MTLS : ปรับกำไรสุทธิเพิ่มตามจำนวนสาขาที่เพิ่มมากกว่าคาด


ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
     ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (13 ต.ค.) ปิดที่ระดับ 1,726.67 จุด เพิ่มขึ้น 14.19 จุด หรือ +0.83% มูลค่าการซื้อขาย 66,894.62 ล้านบาท มองตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยบวกอยู่ จากการกำหนดการเลือกตั้งและความคืบหน้าของมาตรการ EEC โดยต่างชาติยังมีสถานะเป็นซื้อสุทธิที่ 1,243 ล้านบาท
      ตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,956.96 จุด เพิ่มขึ้น 85.24 จุด หรือ +0.37% ตลาดยังทำ New High ต่อเนื่อง นำโดยกลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น โดยภาพรวมเศรษฐกิจของสหรัฐฯอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราว่างงานอยู่ในระดับต่ำ .... ด้าน Stoxx Europe 600 ทรงตัวที่ระดับ 391.41 จุด
ปัจจัยต่างประเทศ : การขึ้นดอกเบี้ยของ Fed เป็นที่พูดถึงมากขึ้น, ติดตามการเลือกประธาน Fed คนใหม่ แม้ดัชนี CPI ของสหรัฐฯจะปรับตัวขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ทคาดไว้ (รายงาน 0.5 นักวิเคราะห์คาด 0.6%) แต่เจ้าหน้าที่ Fed หลายคนออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ และในปีหน้า …. การเลือกประธาน Fed คนใหม่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นนี้ โดยผู้ที่ได้รับคะแนนจากผลสำรวจสูงสุดยังเป็น Warsh ซึ่งเป็นสายเหยี่ยว หรือ "Hawkish" ซึ่งหากประธาน Fed คนใหม่เป็นสายเหยี่ยวจะ มีการปรับดอกเบี้ยเร็วขึ้น ค่าเงินดอลลาร์มีโอกาสที่จะแข็งค่าเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ได้ .... กลุ่ม EU และรัสเซียมีมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันใหม่ต่อตลาดหุ้นต่างประเทศ แต่คาดกระทบตลาดหุ้นไทยไม่มาก
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นได้ต่อ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น 42 เซนต์ หรือ 0.82% ปิดที่ 51.87 ดอลลาร์/บาร์เรล ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นจากความไม่สงบในอีรัคซึ่งสามารถยึดเมืองเคอร์คุก ทำให้เกิดความวิตกว่าเกี่ยวกับการส่งออกน้ำมันจากดินแดนดังกล่าว …. การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบเป็นไปตามที่เราคาดไว้ในช่วงก่อนหน้านี้ จากที่ OPEC ปรับลดคาดการณ์การผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มประเทศนอกโอเปก โดยลดลง 100,000 บาร์เรล/วันในปีนี้ และ 60,000 บาร์เรล/วันในปีหน้า
ปัจจัยในประเทศ : ติดตามการประกาศงบการเงิน นำโดยกลุ่มธนาคาร หุ้นต่างๆจะเริ่มทยอยส่งงบการเงินสำหรับผลการดำเนินงานช่วง 3Q17 เรามองว่านักลงทุนจะเริ่มเข้ามาเก็งกำไรในหุ้นที่คาดว่าผลการดำเนินงาน 3Q17 จะออกมาดี โดยผลสำรวจจาก Bloomberg คาดการณ์กำไรสุทธิ 111 บริษัทที่มีการทำประมาณการ จะเติบโต +11 YoY, +5% QoQ .... กลุ่มแบงก์ทุกตัวจะส่งงบการเงินภายในสัปดาห์นี้ วันนี้จะเป็นหุ้น TMB (KTBST คาดกำไรสุทธิ + 19.7% YoY, -5.2% QoQ) และ KKP (KTBST คาดกำไรสุทธิ + 19.7% YoY, -5.2% QoQ)


Stock in Focus
หุ้น เหตุผล
CHG(ราคาปิด 2.64) CHG เป็นหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่ราคาหุ้นยัง laggard โดยวานนี้เริ่มมีโวลุ่มเข้ามามาก .... การเพิ่มค่าบริการทางการแพทย์ของ สปส.โดยเพิ่มค่าเหมาจ่ายรายหัวเป็น 1,500 บาท/ราย/ปี จากเดิม 1,460 บาท และการขยายโรงพยาบาลจุฬารัตน์ชลเวช โดยมีเตียงพร้อมใช้งานเพิ่มขึ้นประมาณ 20 เตียง จากเดิม 9 เตียง ส่งผลบวกต่อ CHG .... กำไร 2Q-17 อยู่ที่ 119 ลบ. +2% YoY และ -22% QoQ ...... ประมาณการกำไรสุทธิเดิมสำหรับปี 2017 ที่ 645 ล้านบาท เติบโต 14.4% YoY …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 2.76 บาท)

TMB(ราคาปิด 2.62) เรามอง TMB มีความโดดเด่นจากสินเชื่อจนถึงเดือน ก.ย. เมื่อเทียบ YTD เติบโตได้ดีที่สูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร โดยการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อบ้านเป็นหลัก นอกจากนี้ เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ TMB จากกำไรสุทธิในปีนี้และปีหน้าที่จะเติบโตได้ดี 10% YoY เพราะมีรายได้ค่าธรรมเนียมจาก FWD เข้ามาช่วยปีละ 1.3 พันล้านบาท นอกจากนี้เรายังคาดการณ์ผลประกอบการช่วง 3Q17 จะเติบโตถึง +19.7% YoY ในขณะที่อุตสาหกรรมจะลดลง -2.3% YoY .... คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 9,044 ล้านบาท +9.9% YoY …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 2.80 บาท)

BDMS(ราคาปิด 21.70) เราแนะนำ BDMS ต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน โดยเรามองว่า BDMS เป็นหนึ่งในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่รายงานกำไร 2Q17 เติบโตดีมาก และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องในช่วง 3Q17 โดย BDMS รายงานกำไรสุทธิ 2Q17 อยู่ที่ 3,791 ล้านบาท (+127.1% YoY, +92.1% QoQ) กำไรสุทธิเติบโตมากเนื่องจากมีกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนใน BH จำนวน 2,195 ล้านบาท …. มองว่า 3Q17 นี้ กำไรปกติของ BDMS จะทำจุดสูงสุดของปี เนื่องจากฝนยังคงตกต่อเนื่องและเริ่มมีไข้หวัดใหญ่ระบาดตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิถุนายน …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 22.50 บาท)

AMATA*(ราคาปิด 22.00) เรามองว่ามาตรการ EEC จะถูกเร่งรัดให้เกิดขึ้นก่อนช่วงเวลาเลือกตั้งนี้ โดยเรามองว่า AMATA ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เนื่องจากพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้งหมดของ AMATA ตั้งอยู่บนพื้นที่เขต EEC จำนวนมากที่สุด ได้แก่ นิคมอมตะซิตี้ ตั้งอยู่บนเนื่อที่ประมาณ 14,550 ไร่ จังหวัดระยอง และ นิคมอมตะนคร ตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 25,700 ไร่ จังหวัดชลบุรี และจากความสนใจลงทุนในเขต EEC ของนักลงทุนญี่ปุ่น จะส่งผลบวกต่อ AMATA มากที่สุด เนื่องจาก AMATA มีสัดส่วนลูกค้าส่วนใหญ่มาจากญี่ปุ่นและเป็นอุตสาหกรรม Auto .... คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2017 สำรวจโดย Bloomberg ที่ 1,317 ล้านบาท (+10% YoY) และคาดจะเติบโตสูงขึ้นในปี 2018 อีก +23% YoY ที่ 1,616 ล้านบาท โดยคาดว่านักวิเคราะห์จะมีการปรับประมาณการขึ้นไปอีกหลังความชัดเจนเรื่องนโยบาย EEC มีมากขึ้น .... (ราคาที่เหมาะสมโดย Bloomberg ที่ 22.72 บาท)

JMT(ราคาปิด 33.25) เรายังคงแนะนำ JMT ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สอง โดยเรามองว่า JMT มีผลการดำเนินงานดีขึ้นจากแนวโน้มอัตราความสำเร็จ, อัตราค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น, รายได้จากการบริหารลูกหนี้ที่เพิ่มขึ้นตามมูลหนี้ที่บริหารสูงขึ้น และอัตราส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยที่ลดลง และการย้าย J Fintech ซึ่งมีผลขาดทุนไปอยู่ใต้ JMART จะช่วยให้ JMT มีผลประกอบการที่ดีขึ้นมาก .... Bloomberg คาดผลประกอบการปี 2017 ที่ 386 ล้านบาท (+33% YoY) และคาดจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2018 ที่ 504 ล้านบาท (+30% YoY) .... (ราคาพื้นฐานโดย KTBST ที่ 38.00 บาท)


Source: KTBST Research
Sector / Stock Updates
(+) CPALL ตั้ง SCB-KTB เป็นผู้จัดการจัดจำหน่ายหุ้นกู้อายุ 5 ปีเตรียมเสนอขาย พ.ย.
เราเห็นว่า เป็นการรีไฟแนนซ์ห้นกู้ที่ถึงกำหนดไถ่ถอนเดิม และต้นทุนทางการเงินยังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากเครดิตองค์กรยังอยู่ในระดับสูงที่ A+ และคาดว่าจะได้รับผลดีจากฟื้นตัวของภาคการบริโภคในปลายปี คงคำแนะนำ ซื้อ เป้าหมาย 79 บาท
(+) MTLS เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2017-2018 ตามจำนวนสาขาที่ขยายตัวมากกว่าที่เราคาดการณ์เดิม
  เราคาดว่าบริษัทจะมีสาขาในปี 2017-2018 ที่ 2,384 และ 2,934 สาขา และสินเชื่อสุทธิปี 2017-2018 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดิม 12.2% และ 10.0% ส่งผลให้เราคาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิปี 2017-2018 ที่ 2.3 และ 3.3 พันล้านบาท โดยใน 3Q17
  เรามองว่าบริษัทจะยังคงขยายสินเชื่อตามจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 2.3 พันสาขา เราจึงคาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิ 3Q17 ที่ 606 ล้านบาท (+51.2%YoY และ +6.1%QoQ) เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" แต่ปรับราคาเป้าหมายปี 2018 เป็น 44.00 บาท (อิง PBV 8.1x)
(-) GL นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ได้พ้นจากตำแหน่งประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ GL ภายหลังที่ถูก DSI กล่าวโทษเรื่องการทุจริตทำธุรกรรมอำพรางเพื่อให้ผลประกอบการสูงเกินความจริงนั้น
เรามองว่าการดำเนินงานในอนาคตของ GL จะยังมีทิศทางที่ไม่ชัดเจน ทั้งการที่บริษัทขาดประธานในการดำเนินงาน และความน่าเชื่อถือของเงินให้กู้ยืมแก่กลุ่มลูกหนี้ในประเทศไซปรัส และสิงคโปร์ที่ได้ถูกกล่าวอ้างว่านายมิทซึจิ มีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินงาน และมีแนวโน้มในการตกแต่งตัวเลขทางการเงินของ GL เราจึงควรให้ความระมัดระวังในการลงทุน GL จากผลการดำเนินงานในอนาคตที่อาจลดลงตามการด้อยค่าเงินลงทุนในประเทศศรีลังกา และการดำเนินงานในอนาคต


Source: KTBST Research
Analyst : Mongkol Puangpetra
License No: 001937
+662 648 1123
[email protected]

Nontapat Rushtasomboon
License No: 081447
+662 648 1127
[email protected]

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!