- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 12 October 2017 16:25
- Hits: 2713
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตลาดปรับตัวขึ้นแรง แกว่งตัวผันผวนขยับขึ้นทำจุดสูงสุดของวันที่ 1718.97 จุด เพิ่มขึ้น 12.02 จุด จากแรงซื้อหลักจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน วัสดุก่อสร้าง และแบงก์ ก่อนที่ช่วงบ่ายเริ่มมีแรงขายทำกำไรกดดัชนีไหลลงมาทำจุดต่ำสุดของวันที่ 1710.76 จุด เพิ่มขึ้น 3.81 จุด ทำให้มีกรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันที่ 8.21 จุด ทั้งนี้หุ้นที่มี Impact ต่อการปรับตัวขึ้นของดัชนีได้แก่ PTT, BANPU, KBANK, SCC, WHA, SAWAD ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1714.14 จุด เพิ่มขึ้น 7.19 จุด (+0.42%) มูลค่าการซื้อขาย 78,058 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
ดัชนีวานนี้แกว่งตัวมีทิศทางผิดจากวันก่อนหน้า ด้วยการเปิดตัวแรงกระโดดสร้าง Gap ที่มีความกว้าง (1708.35-1710.76) 2.41 จุด พร้อมกับขยับทำ New High ที่ 1718 จุด ก่อนที่ภาคบ่ายเผชิญแรงขายกดดัชนีลงมาทำ Low ที่ 1710 และทำปิดที่ 1714 จุด จากภาพของดัชนีที่เปิดสูงปิดต่ำส่งผลกราฟแท่งเทียนมีรูปแบบในเชิงลบ และอยู่3ใกล้แนวต้านสำคัญของ Fibonacci Projections 100% (1615-1678)= 1720 จุด ด้วยบวกกับสัญญาณ Overbought ทำให้ดัชนีมีโอกาสอ่อนตัวลงมาปิด Gap ที่เพิ่งเปิดไว้จากวันก่อนหน้า แต่ไม่ควรหลุด 1700 จุด แนวรับ 1705-1710 จุด แนวต้าน 1718-1722 จุด
แกว่งตัวผันผวน – มีโอกาสชะลอตัวหลังจากเข้าใกล้แนวต้าน 1720 จุด
Support 1690 // 1680 จุด Resistance 1715-1720 จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์ Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110 Tel 02- 6481124
Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
'แนวโน้มดี แต่ชะลอก่อนวันหยุดยาว'
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : คาดดัชนีฯ จะซื้อขายเบาบางลง ก่อนเข้าช่วงวันหยุดยาว .... ตัวแปรสำคัญของตลาด คือ การเลือกตั้งที่ถูกกำหนดเวลา เป็น พ.ย.ที่เป็นบวกต่อทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วง 2 วันที่ผ่านมา เพียงต่วันนี้จะลดความร้อนแรงลงไปบ้างก็ตาม ....... ตลาดต่างประเทศ ให้ความสนใจกับ รายงานประชุม Fed ที่เผยคืนที่ผ่านมา ว่ามีโอกาสที่ Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.นี้ แม้เสียงจะไม่เอกฉันท์ก็ตาม ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI กลับขึ้นมายืนเหนือ $50 เหรียญอีกครั้ง เป็นบวกต่อตลาดเช่นกัน ..... ปัจจัยในประเทศ นอกจากประเด็นการเมือง นักลงทุนจะเข้ามาเก็งกำไรต่อผลประกอบการ 3Q-17 หลังงบ TISCO ออกมาดีตามคาดและ NPLs ไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ แต่ถึงกระนั้น ด้วยเป็นวันหยุดการซื้อขายจะน้อยกว่าปกติ และวันพรุ่งนี้ (13) ต่างประเทศ ก็มีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญๆ หลายตัว อาทิ เงินเฟ้อของสหรัฐฯและจีน และตัวเลขส่งออกของจีน ซึ่งมีผลต่อทิศทางตลาดต่างประเทศ
กลยุทธ์การลงทุน : ด้วยเรามองตลาดมีโอกาสเดินหน้าต่อจาก Fund Flow ที่เล็งว่าปัจจัยในประเทศนั้นเอื้อต่อการลงทุนมากขึ้น และการเข้ามาซื้อหน่วยลงทุน LTF-RMF ..... คำแนะนำของเรา ยังแนะให้นักลงทุนถือหุ้นต่อไปได้ หรือเข้าซื้อเพิ่ม แต่ควรเลือกหุ้นที่ยังปรับตัวขึ้นมาไม่มากนัก และเป็นหุ้นที่บวกจาก Fund Flow ไว้ก่อน เช่น PTT, KBANK , CPALL เป็นต้น ...... รวมทั้งหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก การเลือกตั้งที่ชัดเจนมากขึ้น จะเป็นหุ้นกลุ่มรับเหมาฯ และหุ้นกลุ่มนิคมฯ ที่จะได้อานิสงค์จากการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ .... ส่วนหุ้นที่ราคาปรับขึ้นมาก่อนหน้านี้มาก หรือขึ้นมากว่าการเติบโตของผลกำไรของบริษัท อย่างเช่นกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้า หรือหุ้นตัวอื่นๆ ที่มีลักษณะเดียวกัน ควรระวังการขายทำกำไร เนื่องจากนักลงทุนอาจขายหุ้นเหล่านี้ออกเพื่อไปซื้อหุ้นที่ราคาขึ้นมาน้อยกว่า
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน : สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ KBANK, PSH, ROBINS, CENTEL, WHAUP
หุ้นแนะนำทางเทคนิค : MEGA, RCL, GOLD
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
(+) TISCO : กำไรสุทธิใน 3Q17 ที่ 1.57 พันล้านบาท +26% YoY และ +4.5% QoQ ดีกว่าที่เราคาด 4.1%
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (11 ต.ค.) ปิดที่ระดับ 1,714.14 จุด เพิ่มขึ้น 7.19 จุด หรือ +0.42% มูลค่าการซื้อขาย 78,057.59 ล้านบาท ตลาดยังสามารถปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องได้ มองยังได้ผลบวกต่อเนื่องจากความเชื่อมั่นจากต่างชาติต่อประเทศไทยที่สูงขึ้นหลังไทยมีการประกาศวันเลือกตั้ง โดยยอดการซื้อสุทธิของต่างชาติอยู่ที่ระดับ +1,614 ล้านบาท
ตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,872.89 จุด เพิ่มขึ้น 42.21 จุด หรือ +0.18% ตลาดยังทำ New High ต่อเนื่อง จากรายงานผลการประชุม Fed ที่สร้างความ surprise ต่อตลาดในทางบวก หลังมีเจ้าหน้าที่ Fed บางส่วนมองว่ายังไม่ควรรีบขึ้นดอกเบี้ยและปัจจัยเฉพาะตัวจาก ผลประกอบการของบริษัทบริหารสินทรัพย์แบล็คร็อคและสายการบินเดลต้า แอร์ไลนส์ ออกมาดี .... ด้าน Stoxx Europe 600 ทรงตัวที่ระดับ 390.15 จุด
ปัจจัยต่างประเทศ : รายงานการประชุม Fed เป็นบวกต่อตลาด, ติดตามการเลือกประธาน Fed คนใหม่ รายงานการประชุม Fed ประจำเดือน ก.ย. สร้างความ surprise ในทางบวกต่อตลาด โดยมีเจ้าหน้าที่ Fed บางคนยังไม่เห็นด้วยต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปลายปีนี้เนื่องจากสถานการณ์เงินเฟ้อยังไม่ถึงเป้า ตรงข้ามกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ …. เรามองว่าการเลือกประธาน Fed คนใหม่จะมีการพูดถึงในช่วงเวลาอันสั้นนี้ โดยผู้ที่ได้รับคะแนนจากผลสำรวจสูงสุดยังเป็น Warsh ซึ่งเป็นสายเหยี่ยว (Hawkish) สายนี้จะไม่สนับสนุนนโยบายที่จะก่อให้เกิดเงินเฟ้อ เช่น มาตรการ QE, การลดดอกเบี้ยเป็นเวลานาน ในเชิงกลยุทธ เรามองว่ามีโอกาสที่ค่าเงินดออลาร์จะแข็งค่าอีกได้ ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าในท้ายที่สุด …. มองเป็นบวกต่อกลุ่มส่งออกไทย
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นได้ต่อ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น 38 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 51.30 ดอลลาร์/บาร์เรล ราคาน้ำมันดิบยังปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้ OPEC จะรายงานการผลิตน้ำมันเดือน ก.ย. ที่เพิ่มขึ้น 88,500 บาร์เรล/วัน มาอยู่ที่ 32.75 ล้านบาร์เรล/วัน อย่างไรก็ตาม OPEC คาดการณ์คาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ และ 1.4 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า …. เรายังคงมีมุมมองในเชิงบวกต่อราคาน้ำมันดิบ โดยได้แรงหนุนจาก ที่ OPEC ปรับลดคาดการณ์การผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มประเทศนอกโอเปก โดยลดลง 100,000 บาร์เรล/วันในปีนี้ และ 60,000 บาร์เรล/วันในปีหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากการตกลงลดการผลิตน้ำมัน
ปัจจัยในประเทศ : ยังได้รับปัจจัยบวกต่อเนื่องจากวานนี้ โดยปกติแล้ว ก่อนตลาดเข้าสู่ช่วงปิดตลาด 3 วันทำการ ปริมาณการซื้อขายจะเบาบางลง เพื่อรอติดตามปัจจัยใหม่เข้ามากระทบตลาด …. ในนวันนี้เรามองว่าตลาดยังได้รับผลบวกจจากปัจจัยเดียวกับวานนี้ โดยตลาดยังได้รับแรงหนุนอย่างต่อเนื่องจากการประกาศวันเลือกตั้งในเดือน มิ.ย. 18 และจะมีการเลือกตั้งในเดือน พ.ย.18.... คาดนักลงทุนบางส่วนจะเข้ามาเก็งกำไรสำหรับงบการเงินช่วง 3Q17 โดย preview งบการเงินสำหรับช่วง 3Q17 คาดว่าจะออกมาดี โดย Bloomberg คาดว่าช่วง 3Q17 การเติบโตจะอยู่ที่ประมาณ +9% YoY, +3% QoQ
Stock in Focus
หุ้น เหตุผล
KBANK(ราคาปิด 217.00) เรายังคงแนะนำ KBANK ต่อเนื่องจากวันก่อน ได้รับผลบวกจากการประกาศวันเลือกตั้งของไทย และได้แรงซื้อจากการคาดการณ์ Fund Flow จากต่างชาติยังคงเข้าตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง โดย KBANK เป็นหุ้นขนาดใหญ่และเป็นตัวเลือกแรกๆของต่างชาติ …. ผลประกอบการ KBANK ยังไม่โดดเด่นนัก KBANK ยังเน้นการตัดหนี้สูญ ทำให้ต้องตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญอย่างต่อเนื่อง คาดผลประกอบการปี 2017 ลดลง -7.8% YoY .... (ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 239.00 บาท)
PSH(ราคาปิด 24.30) มอง PSH เป็นทั้งหุ้นที่มีปันผลจ่ายสูง ราว 6-7% ต่อปี โดย คาดกำไรสุทธิ 2H17 ยังคงมีทิศทางที่ดีขึ้นทั้ง YoY และ HoH เนื่องจากยังคงมียอดโอนคอนโดใหม่ใน 2Q17 อย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะมีคอนโดใหม่เริ่มโอนในงวด 2H17 อีกจำนวน 3 โครงการ …. คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 6,225 ล้านบาท (+4.8% YoY) PSH ยังจัดเป็นหุ้นที่มีปันผลเด่นราว 6% - 7% ต่อ.... (ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 27.00 บาท)
ROBINS(ราคาปิด 68.00) เรายังคงชอบกลุ่มค้าปลีกอยู่ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน โดยปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 74.5 สวนทางกับที่เราคาดว่าจะลดลง ซี่งเราคาดว่ากลุ่มค้าปลีกจะพลิกกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง .... บริษัทมีแผนการขยายสาขาอีก 2 สาขาในช่วง 2H17 จะช่วยหนุนให้ผลประกอบการปี 2017 เติบโต +7% ที่ประมาณ 2.8 พันล้านบาท…. (ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 79.00 บาท)
CENTEL(ราคาปิด 45.00) ปริมาณการซื้อขายหุ้น CENTEL เข้ามามากวานนี้ มองเป็นผลจากการปรับขึ้นคาดการณ์เศรษฐกิจ IMF ซึ่งจะช่วยหนุนให้ท่องเที่ยวของไทยปรับตัวสูงขึ้นในช่วงปีนี้-ปีหน้า .... คาดกำไรสุธิปี 2017 ที่ 2,032 ล้านบาท (+9.8% YoY) และเติบโตอีก +8.6% YoY ที่ 2,207 ล้านบาทในปี 2018 …. (ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 45.00 บาท)
WHAUP(ราคาปิด 7.30) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานของ WHAUP จะสามารถฟื้นตัวได้อย่างโดดเด่นที่ระดับ 1,989 ล้านบาท (+105.5% YoY) ฟื้นตัวขึ้นจากฐานกำไรที่ต่ำผิดปกติในปีก่อน .... นอกจากนีเบริษัทมีแผนในการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าในปีนี้และปีหน้าอีก 6 โครงการ …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 7.00 บาท)
Source: KTBST Research
Sector / Stock Updates
(+) TISCO TISCO ประกาศกำไรสุทธิใน 3Q17 อยู่ที่ 1.57 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.8% YoY และ 4.5% QoQ ดีกว่าที่เราคาดไว้ 4.1% และดีกว่า Consensus คาด 2.7% โดยการเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากการกลับมาตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญสู่ภาวะปกติที่ระดับ 611 ล้านบาท ลดลงถึง 44% YoY แต่เพิ่มขึ้น 12.8% QoQ ขณะที่ NIM อยู่ที่ 4.2% ทรงตัวเมื่อเทียบกับ 2Q17 เนื่องจากการเติบโตของสินเชื่ออเนกประสงค์ (สมหวัง เงินสั่งได้) ซึ่งเป็นสินเชื่อที่มี NIM สูง
อย่างไรก็ดี รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเพิ่มขึ้นได้ดี 5% YoY และ 14% QoQ จากธุรกิจกองทุนรวมและประกัน รวมถึงรายได้จาก IB ส่วนสินเชื่อ 3Q17 ยังคงหดตัวลงอีก -0.5% QoQ หรือ -5.2% YTD โดยการลดลงยังคงมาจากสินเชื่อเช่าซื้อที่ลดลงเพราะยังกังวลหนี้ภาคครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่วน NPL Ratio ยังคงปรับตัวลงได้ดีอยู่ที่ 2.34% จาก 2.41% ใน 2Q17
เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" และอยู่ระหว่างปรับประมาณการหลังจากการประชุมนักวิเคราะห์วันนี้ ราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 84 บาท
(-) SCB (-) SCB เพซยอมรับการขายสิทธิ์ ดีนแอนด์เดลูก้า ในสหรัฐ ยังไม่ได้ข้อสรุป แจงตั๋วบีอีที่จะครบกำหนดเดือนต.ค.นี้มูลค่า 900 ล้านบาท ยันมีเงินพร้อม ชำระ จากเงินกู้แบงก์ และยอดโอนจากโครงการอสังหาริมทรัพย์ไตรมาส3ปีนี้ ส่วนประเด็นการขายสินทรัพย์อื่นยังไม่สามารถชี้แจงได้
เรามองว่า ประเด็นของ PACE จะกดดันให้เจ้าหนี้รายใหญ่อย่าง SCB ต้องมีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญเพิ่มเติม โดยปัจจุบัน SCB ยังไม่ได้มีการตั้งสำรองพิเศษสำหรับ PACE เลย มีเพียงการตั้งสำรองตามปกติเท่านั้น โดยเรายังไม่ทราบจำนวนเงินกู้ จึงได้ทำ sensitivity ทุกๆการตั้งสำรองเพิ่ม 1 หมื่นล้านบาท จะกระทบต่อกำไรสุทธิ 16.4% และกระทบต่อราคาหุ้น 2.24 บาท หรือคิดเป็น downside ราว 1.5%
Source: KTBST Research
Analyst : Mongkol Puangpetra
License No: 001937
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
License No: 081447
+662 648 1127
[email protected]