- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 11 October 2017 21:16
- Hits: 3295
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> ซื้อลงทุนหุ้น Big Cap
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัว Sideways ตามคาดในช่วงครึ่งเช้า ก่อนที่จะปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นทะลุ 1,700 จุดซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญทางจิตวิทยาได้ในช่วงบ่ายด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นหลังนายกฯกล่าวว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือน พ.ย. 2018 ซึ่งสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน โดยวานนี้นักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศซื้อสุทธิหนาแน่นในตลาดหุ้นถึง 2,314 ลบ. และ 1,836 ลบ. ตามลำดับ
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET มีโอกาสแกว่งตัวในแดนบวกต่อเนื่องจาก Sentiment เชิงบวกหลังทะลุผ่านระดับ 1,700 จุดขึ้นมาจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่สูงขึ้น กระแสเงินทุนมีโอกาสไหลเข้าหนาแน่นขึ้นสังเกตได้จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างรวดเร็ว เราเชื่อว่าหุ้นขนาดใหญ่จะกลับมา Outperform ตลาดได้อีกครั้งโดยกลุ่มพลังงานได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบยังปรับตัวพุ่งขึ้น 2.7% เมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะที่กลุ่มธนาคารที่จะเริ่มประกาศผลการดำเนินงาน 3Q17 วันนี้วันแรกเชื่อว่าจะไม่สร้างความผิดหวังให้ตลาด
กลยุทธ์ : ซื้อลงทุนหุ้นพื้นฐานขนาดใหญ่
หุ้นเด่นเดือน ต.ค. : ADVANC, ATP30, BANPU, IRPC, KKP
Fund flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่น US$757ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$715ล้าน และไทย US$69ล้าน ขณะที่ไหลออกจากอินโดนีเซีย US$34ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคหลังจากเมื่อวานนี้ไม่มีการยิงขีปนาวุธจากเกาหลีเหนืออย่างที่ตลาดคาด ขณะที่กลุ่มพลังงานน่าจะหนุนตลาดได้หลังราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นราว 2%
ชวนเม้าส์หุ้นเด่น >> SCC <<
Downside ของราคาหุ้นจำกัด โดยปัจจุบันซื้อขายบน P/E 11.1 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และยัง laggard SET ที่ +11% YTD และหุ้นขนาดใหญ่อย่าง AOT ADVANC PTT KBANK ที่ปรับขึ้นเฉลี่ย 29% YTD แต่ SCC +1% YTD
มีโอกาสเป็นเป้าหมายในการเข้าซื้อของนักลงทุนต่างชาติ เพราะยอดถือครองยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต
ตลาดกังวลกับแนวโน้ม 2H17 มากเกินไป เพราะภาพรวมกำไรทั้งปียังน่าจะใกล้เคียงปีก่อนที่เป็น new high
แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 610 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) IMF เพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจโลก ปีนี้เป็น +3.6% (เดิม 3.5%) และปีหน้าเป็น +3.7% (เดิม 3.6%) ปัจจัยบวกคือ IMF มองว่าการขยายเป็นวงกว้าง ทั้งในสหรัฐ ยุโรป จีน (โดยเฉพาะจีนและอินเดีย) และญี่ปุ่น ยกเว้นอังกฤษที่มองว่าอาจถูกกระทบจาก Brexit ส่วนไทย IMF ปรับ GDP ปีนี้เพิ่มเป็น +3.7% (เดิมคาด +3.3) และคาดปีหน้า +3.5%
(+) ราคาน้ำมันบวก 2% จากประเด็นซาอุฯจะลดการส่งออกน้ำมันเดือน พ.ย. 17 ลง และเรียกร้องให้สหรัฐสนับสนุนการลดการผลิตของโอเปก เป็นบวกต่อกลุ่มพลังงาน แนะนำ PTTEP ราคาเป้าหมาย 98 บาท เพราะยัง laggard สุดในกลุ่ม โดย YTD -5% กลุ่มพลังงาน +31% และ SET +11%
(+) นายกฯคาดเลือกตั้ง พ.ย. ปีหน้า หลังจากนี้เหลือเวลาอีกปีเศษ ซึ่งถ้าอิงข้อมูลในอดีตช่วง 1 ปีก่อนเลือกตั้งอาจยาวเกินไปและการเลือกตั้ง 2 ครั้งล่าสุด (ธ.ค. 07 และ ก.ค. 11 ไม่นับ ก.พ. 14 ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย) ที่ SET ขึ้น 20-30% ใน 1 ปีก็สอดคล้องกับ MSCI Asia แต่ที่น่าสนใจคือกลุ่มนำตลาดทั้งในช่วง 1 ปีและ 1 เดือนก่อนเลือกตั้งนั้นสอดคล้องกัน คือ เป็น Big cap. พลังงาน แบงก์ ค้าปลีก สื่อสาร บันเทิง และวัสดุก่อสร้าง เราคาดว่าหลังจากนี้หุ้นใหญ่จะ Outperform ขณะที่ กลุ่มแบงก์อาจไม่ถูก sell on fact หลังประกาศงบ 3Q17 เพราะตลอดเดือนที่ผ่านมา laggard SET (BANK +1% vs. SET +4%) ปัจจัยเสี่ยงส่วนใหญ่เป็นเรื่องภายนอก แต่ไม่น่ากระทบ Fund flow เพราะปีนี้ไหลเข้าน้อยกว่าภูมิภาค เรายังคาดเป้า SET ปีหน้า 1900 จุด หุ้นที่เข้าธีมเลือกตั้งหรือเป็นหุ้นใหญ่ที่ laggard คือ KBANK TMB MTLS IRPC ADVANC CPALL SCC CK SEAFCO และ PLANB
(+) TCAP เราคาดมีกำไรจากการขาย MBK (2.08%) ราว 440 ลบ. น่าจะเข้า 4Q17 ส่งผลต่อประมาณการกำไรทั้งปีเพิ่มขึ้นจากเดิม 5% เป็น 7 พันลบ. +16% Y-Y และน่าจะทำให้กำไร 4Q17 โดดเด่นมาก คาด +18% Y-Y อยู่ที่ 2 พันลบ. จาก 3Q17 ที่คาด 1.69 พันลบ. + 1% Q-Q, +12.5% Y-Y อยู่ระหว่างปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 2018 ซึ่งถ้าอิงมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากการขายเงินลงทุน และ PBV ที่ 1 เท่า จะอยู่ที่ราว 55 บาท ราคาปิดเมื่อวานมี Upside จึงแนะนำซื้อ
(+) THANI เราคาดกำไรสุทธิ 3Q17 จะออกมาดีมากที่ราว 280-300 ลบ. เพิ่มขึ้น 9-16% Q-Q และดีที่สุดในประวัติการณ์ เนื่องจากค่าใช้จ่ายสำรองฯ และต้นทุนทางการเงินลดลง แนวโน้มกำไร 4Q17 คาดว่ายังมีโมเมนตัมที่ดีและ new high ต่อตามฤดูกาล เรามีแนวโน้มปรับประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้าขึ้น 5% และ 12% ตามลำดับ แนะนำซื้อเก็งกำไรผลประกอบการ โดยเราอยู่ระหว่างการปรับไปใช้ราคาเหมาะสมปี 2018 ที่ราว 8.20 บาท
(0) ADB เป็นผู้ผลิตกาวและยาแนว และเม็ดพลาสติกพีวีซีคอมปาวด์ที่ใช้ในการผลิตสายไฟและเคเบิ้ล ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มมีสัดส่วนรายได้ใกล้เคียงกันคือราว 50% ของรายได้รวม โดยในส่วนของกาวและยาแนวที่อัตรากำไรขั้นต้นสูง มีโอกาสเติบโตจากตลาดส่งออกและสินค้า DIY ที่ใช้ในครัวเรือนซึ่งกำลังได้ผลดีจากการฟื้นตัวของกำลังซื้อในประเทศ ส่วนพีวีซีคอมปาวด์ ในอดีตที่ผ่านมาโตไม่สูง แต่หลังจากนี้คาดว่าจะเร่งตัวขึ้น จากการเริ่มผลิตเม็ดพลาสติกเพื่อใช้ในทางการแพทย์ ซึ่งทั้งหมดจะหนุนให้กำไรสุทธิปีหน้า +318% ส่วนปีนี้คาด –78% Y-Y จากวัตถุดิบที่ผันผวนสูงผิดปกติ ประเมินราคาเหมาะสมปี 2018 อิง PE เฉลี่ยของกลุ่มที่ 20 เท่า ได้ 2.30 บาท (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น ADB)
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
11 ต.ค. - ไทย: TISCO ผลประกอบการ 3Q17
12 ต.ค. - สหรัฐฯ: FOMC Meeting Minute (จากการประชุม 19-20 ก.ย. 17)
13 ต.ค. - สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อและยอดค้าปลีก (ก.ย.)
14-15 ต.ค. - IMF ประชุมประจำปี
17 ต.ค. - ไทย: TMB ผลประกอบการ 3Q17
18 ต.ค. - สหรัฐฯ: ยอดอนุญาตก่อสร้างและยอดสร้างบ้านใหม่
- ไทย: TCAP ผลประกอบการ 3Q17
19 ต.ค. - จีน: GDP3Q17 และผลผลิตภาคอุตสาหกรรม
Contact person : Jitra Amornthum
Register : 014530 Tel: 02-646-9966
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research