WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

“เลือกซื้อ/ถือต่อเมื่อ SET ยืนเหนือ 1540”
      • หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ภาพตลาดวันก่อน : ทะลุขึ้นไปยืนเหนือ 1550 ได้แล้ว ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ปรับขึ้นไปยืนเหนือ 1550 จุดได้แล้ว ถึงแม้ว่าปิดตลาดในระดับที่ไม่ได้ดีมากนัก (ปิดที่ 1556.97 จากระดับสูงสุด 1559.21 และต่ำสุด 1555.01) แต่ก็อยู่ในโมเมนตัมบวก การซื้อขายหลักๆ อยู่ในกลุ่มหุ้นขนาดกลาง-เล็ก นักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างชาติซื้อสุทธิ ส่วนพอร์ตบล.และรายย่อยขายสุทธิ

 

      ปัจจัยและกลยุทธ์ : เลือกซื้อเป็นรายบริษัท แม้ว่าตลาดจะมีแกว่งตัวจากแรงขายทำกำไรที่สลับออกมาหลังจบ     รายงานกำไร 2Q57 และปันผลระหว่างกาล แต่โดยรวมแล้วโมเมนตัมของตลาดยังเป็นบวก และสามารถเลือกซื้อลงทุนเป็นรายบริษัทได้ โดยกลุ่มที่อิงกับอุปสงค์ในประเทศ (แบงค์, อสังหาฯ,รับเหมา&วัสดุก่อสร้าง, พาณิชย์ & อาหาร) ขนส่ง และท่องเที่ยวยังโดดเด่น ซึ่งในวันนี้มีข่าวบวกเรื่อง BTS & BLAND จะเริ่มซื้อหุ้นคืน เราแนะนำซื้อทั้ง BTS &BLAND ด้าน THCOM จะยิงดาวเทียมไทยคม 7 ในวันที่ 27 ส.ค.นี้ และออกหุ้นกู้ลดภาระดอกเบี้ยจ่าย 5 พันล้านบาท ในเชิงกลยุทธ์แนะนำซื้อเช่นกัน ส่วนกลุ่มที่พักอาศัยและให้เช่าพื้นที่

     เรามองว่ายังไปได้ดีตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว เราชอบ AP, SPALI, QH, PS, CPN รวมถึง SF ที่น่าสนใจลงทุนระยะยาว เพื่อรับโครงการเมกกะอีก 2 แห่งที่จะเข้ามาหนุนรายได้และกำไรให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต ส่วนหุ้นที่ต้องลุ้นกัน คือ JAS (ศาลฯจะยกคำร้องคุ้มครองชั่วคราวในวันนี้หรือไม่), PTT (กรณีโอนธุรกิจท่อก๊าซคืนก.คลังที่ยังถูกประท้วงในขณะนี้), THAI (ข่าวนักบินจะลาออกเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีกระแสมาว่าทางบริษัทจะชี้แจงในช่วงเช้าวันนี้) เป็นต้น สำหรับปัจจัยภายนอก เห็นว่าถ้อยแถลงของประธานเฟดในการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็คสัน โฮล มลรัฐไวโอมิง ซึ่งเฟดสาขาแคนซัส ซิตี้จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 21-23 ส.ค.เป็น Neutral โดยไม่ได้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเพิ่มเติมเท่าใดนักเพียงแต่ระบุควรจะมีการทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนที่อัตราเงินเฟ้อจะถึงระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายเงินเฟ้อระยะยาว หุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อวันนี้เป็นCPN

     กลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก ค่าลบหรือการอ่อนตัวที่ต่ำกว่า 1540 จุด ควรชะลอการเก็งกำไร/ลดพอร์ตตามในกรณีที่มีหุ้นมาก เหลือเงินสดอยู่น้อย เพราะดัชนีมีโอกาสอ่อนไปยัง 1510-1500 จุดหรือต่ำกว่า ส่วนการปรับขึ้นต่อมีแนวต้านระยะสั้น 1560-1570 จุด สำหรับหุ้นที่คาดว่าราคามีโอกาสทำ New High เมื่อพิจารณาจากสัญญาณทางเทคนิค คือ CCP, STEC, BANPU, RATCH, SIM, GLOBAL, HMPRO, NUSA, RASA, UV, OTO ส่วนหุ้นที่อยู่ในพื้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ AOT, PTG, SOLAR

Fundamental Pick
CPN แนะนำซื้อราคาปิด 48.50 บาท เป้าหมาย 54 บาท
     * กำไร 2Q57 เป็นไปตามคาด คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 29% y-o-y สืบเนื่องจากรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นดีและอัตรากำไรขั้นต้นทำได้กว้างขึ้น ด้านกำไรรอบ 1H57 เป็นสัดส่วน 48% เทียบกับประมาณการทั้งปี 57 แล้ว
* บริษัทยังไม่ได้มีการบันทึกกำไรจากการขายสินทรัพย์ เซ็นทรัล แอร์พอร์ต เชียงใหม่ เข้าสู่กองทุน CPNRF ใน 2Q57 แต่คาดว่าจะช้ามาเป็น 3Q57 แทน เพราะรอข้อสรุปจากผู้มีอำนาจในการตัดสินเรื่องทางบัญชีเกี่ยวกับการบันทึกกำไร โดยการขายครั้งนี้จะเป็นการปล่อยเช่าระยะยาว 30 ปี แต่ข้อดีที่มีแน่ๆ คือ ทำให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน (gearing ratio) ชอง CPNลดลงเป็น 37% ณ ปลาย 2Q57 จาก 1Q57 ที่ 45%
* คาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรของ CPN อยู่ในเกณฑ์ดี ปีนี้เป็น 17% และปีหน้าเป็น 16%สืบเนื่องจากการขยายไปยังศูนย์การค้าใหม่ๆ และการเติบโตของสาขาที่มีอยู่ในปัจจุบัน
* คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐานกำหนดไว้เป็น 54.00 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี SOTP

ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
    •ถ้อยแถลงประธานเฟดไม่บ่งชี้ถึงระยะเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย...ซึ่งเป็นไปตามคาด
* ถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐไม่ได้มีข้อมูลเพิ่มเติมเป็นพิเศษ โดยเยลเลนกล่าวว่าตลาดแรงงานสหรัฐกำลังปรับตัวดีขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงมีภาวะซบเซาอยู่ และกล่าวย้ำว่านโยบายการเงินไม่ได้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า และการเปลี่ยนไปใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดทันทีที่เงินเฟ้อปรับตัวกลับขึ้นสู่ระดับ 2% นั้นอาจเป็นการขัดขวางไม่ให้ตลาดแรงงานฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ และอาจไม่สอดคล้องกับ Dual Mandate (การจ้างงานสูงสุด และความมีเสถียรภาพด้านราคา) ของเฟด ทั้งนี้ถ้อยแถลงดังกล่าวบ่งชี้ว่านางเยลเลนยังคงสงวนท่าทีในการแสดงความเห็นว่าการฟื้นตัวของภาคแรงงานจะมีผลต่อนโยบายการเงินของเฟดอย่างไร และอัตราดอกเบี้ยจะเริ่มปรับขึ้นเมื่อไร ซึ่งมีทั้งประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์คาดการณ์กันว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกใน4Q58แต่ประธานเฟดสาขาแอตแลนตาคาดว่าจะเป็นกลางปี58

- สถานการณ์ตึงเครียดยูเครนกลับมาอีกครั้ง
   * สถานการณ์ความขัดแย้งล่าสุดระหว่างยูเครนและรัสเซียนั้นดูเหมือนว่าจะกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง เมื่อรถบรรทุกมากกว่า 150 คันได้ลำเลียงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากรัสเซียข้ามพรมแดนมายังยูเครน และมุ่งหน้าไปยังเมืองลูฮานสก์ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศยูเครนได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรงและเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการกระทำอันรุกรานและไตร่ตรองไว้ก่อนของทางฝั่งรัสเซีย

• ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งในกรอบแคบ หุ้นเทคโนโลยีปรับขึ้นต่อ
       * ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 38.27 จุด หรือ 0.22% ปิดที่ 17,001.22 จุด ดัชนี S&P500 ลดลง 3.97 จุด หรือ 0.20% ปิดที่ 1,988.40 จุด ดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 6.45 จุด หรือ0.14% ปิดที่ 4,538.55 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุด 4 ปีครึ่ง

• สัญญาน้ำมันดิบ : เคลื่อนไหวในกรอบแคบ
     * สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ลดลง 31 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 93.65 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 34เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 102.29 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากตลาดยังขาดปัจจัยใหม่ ทั้งนี้ฤดูกาลขับรถท่องเที่ยวในสหรัฐ ซึ่งโดยปกติแล้วจะดำเนินไปจนถึงวันแรงงาน ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 1 ก.ย.กำลังใกล้เข้ามาแล้ว ซึ่งหมายความว่าความต้องการใช้น้ำมันของสหรัฐ ซึ่งเป็นประเทศที่มีการใช้พลังงานมากที่สุดในโลกนั้น กำลังจะอ่อนแรงลง

• สัญญาทองคำ COMEX : รีบาวด์หลังร่วงแรง
* สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ปรับตัวขึ้น 4.80ดอลลาร์ หรือ 0.38% ปิดที่ 1,280.20 ดอลลาร์/ออนซ์ ทั้งนี้ราคาทองคำปรับขึ้นจากการรีบาวด์ทางเทคนิคหลังร่วงลงมาแรงในวันก่อนหน้า

ปัจจัยในประเทศ
+ KCE : คาดไตรมาส 3 จะทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน47 บาท
* เราคาดว่าบริษัทจะสามารถทำกำไรสูงสุดใหมได้อีกครั้งในงวดไตรมาส 3/57 เพราะเข้าสู่ฤดูกาลขายที่ดีที่สุดของปี (High season quarter) นอกจากนี้ใน 4Q57 จะเริ่มมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามา คิดเป็นการเพิ่ม 19% y-o-y เป็น 2.8 ล้านตารางฟุต สำหรับการขยายกำลังการผลิตจะเพิ่ม CAGR 17% ในช่วงปี 56-59 โดยใช้เงินลงทุน 4.7 พันล้านบาท แบ่งออกเป็น 3 เฟส คือต.ค.57 ครึ่งหลังปี 58 และปี 59 รวมเป็น 2 ล้านตารางฟุต หรือคิดเป็น 85% จากกำลังการผลิตแผ่นพิมพ์วงจรในปัจจุบัน


* เงินบาทแข็งกระทบบ้างแต่ไม่รุนแรง เนื่องจากบริษัทมีการนำเข้าวัตถุดิบคิดเป็นประมาณ60-70% ของการใช้ทั้งหมด ประกอบกับการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นทำให้มีต้นทุนคงที่ต่อหน่วยลดลง ดังนั้นการแข็งค่าของเงินบาทประมาณ 1.5-2% ในไตรมาส 3/57 เมื่อเทียบ QoQ จะกระทบกับอัตรากำไรขั้นต้นค่อนข้างจำกัด
* คงคำแนะนำซื้อ โดยให้ KCE เป็น Top Pick ในกลุ่มอิเล็กโทรนิกส์ เนื่องจากอัตราการเติบโต CAGR เฉลี่ย 3 ปีคือ ปี 57-59 ที่ 28% ถือว่าแข็งแกร่ง ให้ราคาพื้นฐานที่ 47 บาท ซึ่งคิดจาก P/E ปี 58 ที่ 13 เท่า ส่วนคาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลปี 58 น่าพอใจเป็น 3.4%

+ BTS & BLAND เริ่มซื้อหุ้นคืนวันนี้ (25 ส.ค.57)...แนะนำซื้อ BTS และ BLAND
* BTS-BLAND เริ่มซื้อหุ้นคืนวันนี้ ซึ่งสรุปรายละเอียดของการซื้อหุ้นคืน เป็นดังนี้
# BTS : คณะกรรมการมีมติให้บริษัทซื้อหุ้นคืน ในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 6 พันล้านบาท และจำนวนหุ้นซื้อคืนไม่เกิน 5% ของทุนเรียกชำระแล้ว หรือไม่เกิน 595.71 ล้านหุ้น ระยะเวลาซื้อคืน 6 เดือน คือ 25 ส.ค.57 – 24 ก.พ.58 ... ราคาซื้อคืนเฉลี่ยไม่เกิน 10.07 บาท/หุ้น(ราคาปิดวันศุกร์ที่ 22 ก.พ.57 เท่ากับ 9.50 บาท)
# BLAND : คณะกรรมการมีมติให้บริษัทซื้อหุ้นคืน ในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 3 พันล้านบาท และจำนวนหุ้นซื้อคืนไม่เกิน 5.81% ของทุนเรียกชำระแล้ว หรือไม่เกิน 1.2 พันล้านหุ้นระยะเวลาซื้อคืน 6 เดือน คือ 25 ส.ค.57 – 24 ก.พ.58 ... ราคาซื้อคืนเฉลี่ยไม่เกิน 2.50บาท/หุ้น (ราคาปิดวันศุกร์ที่ 22 ก.พ.57 เท่ากับ 2.20 บาท)

* สรุปคำแนะนำด้านปัจจัยพื้นฐาน เป็นดังข้างล่างนี้
      # BTS (แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 10.17 บาท) : กำไรสุทธิ 1Q57-58 (สิ้นสุด มิ.ย.57) เป็น650 ล้านบาท ลดลงถึง 94% y-o-y แต่เพราะฐานมีกำไรพิเศษขายรายได้สุทธิเข้า BTSGIFหากไม่นับกำไรพิเศษ กำไรหลัก 1Q57-58 เติบโตดี 14% y-o-y และ 32% q-o-q ในด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้อยลงเทียบทั้ง y-o-y และ q-o-q เพราะโอนคอนโดเพียง 42 ห้องธุรกิจโฆษณาจาก VGI ดีขึ้น q-o-q แต่ยังด้อยกว่า y-o-y ตามปัจจัยการเมืองไทย ธุรกิจที่ดีขึ้นมากคือ บริหารเดินรถ บริการพื้นที่และอื่นๆ ด้านกำไรตามส่วนได้เสียจาก BTSGIFเพิ่มขึ้นดี แม้การเติบโตผู้โดยสารยังต่ำเป้า การที่บริษัทมีเงินสดมากขณะที่ยังไม่ได้ประมูลบริหารเดินรถ จึงไปลงทุนได้ผลตอบแทนดีสะท้อนมายังดอกเบี้ย และเงินปันผลรับ มีกำไรขายเงินลงทุน แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐานที่ 10.17 บาท


    # BLAND (แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 2.83 บาท) : คาดว่าการขายสินทรัพย์อิมแพ็คเข้าREIT มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท จะได้กำไรประมาณ 2.8-3 พันล้านบาท คิดเป็นเท่าตัวจากกำไรสุทธิต่อปีในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เมื่อมีความคืบหน้าการจัดตั้ง REITใน 3Q-4Q ปีนี้จะให้ความสนใจหุ้นกันอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทมีแผนนำเงินขายกองทรัสต์ไปใช้ประโยชน์ คือการขยายการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ทั้งการสร้างสินทรัพย์ของอิมแพ็คเพิ่มในอนาคต การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ตลอดจนอาจจะมีการซื้อหุ้นคืน บริษัทมีที่ดินเปล่าจำนวนมากที่คาดว่าราคาตลาดในปัจจุบันจะปรับตัวขึ้นสูง เช่น กรุงเทพกรีฑาและแจ้งวัฒนะ เป็นต้น แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 2.83 บาท ประเมินด้วย P/BV ปี 58-59ที่ 1.2 เท่า

+ THCOM : ยิ่งดาวเทียมไทยคม 7 วันที่ 27ส.ค.นี้ เริ่มรับรู้รายได้ 4Q57 นี้...แนะนำซื้อ
       * THCOM จะยิงไทยคม 7 ขึ้นสู่วงโคจรที่ตำแหน่ง 120 องศาตะวันออก วันที่ 27 ส.ค.57 โดยขณะนี้บริษัทกล่าวว่ามียอดจองเต็ม 100% และที่เซ็นสัญญาแล้วมีประมาณ 50% ที่เหลือจ่อเซ็นสัญญาหลังยิง คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/57 บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้อายุ 5 ปีและ 7 ปี วงเงินไม่เกิน 5 พันล้านบาทเพื่อรีไฟแนนซ์ช่วยลดภาระดอกเบี้ยจ่าย ซึ่งคาดว่าภาระดอกเบี้ยจ่ายในส่วนนี้จะลดลงราว 50% และคิดเป็นประมาณ 7% ของกำไรสุทธิในปี 58* ความต้องการใช้ดาวเทียมในมาเลเซียจะเพิ่มขึ้นในช่วง 4Q57 ซึ่งทำให้อัตราการใช้ดาวเทียมของลูกค้า iPSTAR ในมาเลเซียจะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 55% ในช่วง 4Q57 ขณะเดียวกันความต้องการใช้ดาวเทียมจากช่องทีวีดิจิตอลช่วยหนุนด้วย บริษัทมีแผนที่ยิงดาวเทียมไทยคม 8ภายในปี 1H59 ซึ่งผู้บริหารเชื่อมั่นว่าจะมียอดจองก่อนยิงได้ 100% เพราะกระแสความต้องการใช้ดาวเทียมสูงขึ้นมาก แนะนำซื้อ โดย DBS ประเมินราคาพื้นฐานไว้ที่ 42.50 บาท (UnderReview) ส่วนราคาพื้นฐานใน SAA Consensus อยู่ที่ 48 บาท (จาก 7 สำนักวิจัยฯ และทุกรายแนะนำซื้อ)

• JAS : วันนี้ (25 ส.ค.) ลุ้นว่าศาลฯจะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่?
    * ศาลนัดฟังคำสั่งวันนี้ (25 ส.ค.57) กรณี TT&T ยื่นฟ้องศาลแพ่งเพื่อร้องสิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มทุนTTTBB พร้อมร้องขอศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวทรัพย์สินทั้งหมดของ TTTBB ซึ่งหากศาลยกคำร้องโดยไม่คุ้มครองชั่วคราว จะเป็นข่าวดีกับ JAS ที่ทำให้สามารถดำเนินธุรกิจและรับรู้รายได้TTTBB ต่อไปได้ แต่จะสามารถจัดตั้งกองทุนโครงสร้างขั้นพื้นฐาน (IFF) ต่อได้หรือไม่ ต้องรอดูต่อไป
* ถ้าศาลฯมีการยกเลิกคำร้อง เชื่อว่าราคาหุ้น JAS จะดีดกลับได้ (นักวิเคราะห์เทคนิคให้แนวต้านกรณีดีดกลับไว้ที่ 7.5-8 บาท) แต่ถ้ามีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ราคาหุ้นก็จะดิ่งลงต่อ (แนวรับ5.5-5.0 บาท)

• THAI : มีข่าวว่าบริษัทจะชี้แจงเรื่องกระแสข่าวนักบินจะลาออกจำนวนมากในเช้าวันนี้
* เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสข่าวว่านักบินของ THAI จะลาออกจำนวน 200 คน และทางผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจะมีการนัดแถลงข่าวในวันนี้ (25 ส.ค.57) เวลา 9.00 น. ที่ห้องประชุม 3305 อาคาร 3 สำนักงานใหญ่การบินไทย ถ.วิภาวดีรังสิต เพื่อให้ความกระจ่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งต้องติดตามกันต่อว่าจะเป็นจริงอย่างที่เป็นกระแสข่าวหรือไม่ และหากเป็นจริงทางTHAI จะปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจอย่างไร

• PTT : ร้องศาลปกครองสูงสุดพิจารณาข้อยุติเกี่ยวกับการคืนท่อก๊าซให้กับก.คลัง
       * นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTT เปิดเผยว่าปตท.ได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 22 ส.ค.57 เพื่อขอให้ศาลปกครองแสดงความชัดเจนที่เป็นข้อยุติเกี่ยวกับกรณี PTT คืนท่อก๊าซธรรมชาติให้กับกระทรวงการคลังตามคำสั่งศาลตั้งแต่ปี 50 เนื่องจากปัจจุบันสังคมวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่า PTT คืนท่อก๊าซธรรมชาติให้กับกระทรวงการคลังไม่ครบถ้วน ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับ PTT เป็นอย่างมาก ทั้งที่ผ่านมาศาลปกครองได้มีคำวินิจฉัยไปแล้วและยืนยันว่า PTT ได้คืนท่อก๊าซฯครบถ้วนแล้ว ขณะเดียวกันคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในสมัยนั้นก็ได้รับทราบการคืนท่อก๊าซฯ อย่างถูกต้องแล้ว อย่างไรก็ตามแม้ไม่ทราบว่าศาลฯจะแสดงความชัดเจนอย่างไรและเสร็จสิ้นเมื่อใด แต่อยากให้ดำเนินการให้เร็วที่สุด เพื่อยุติปัญหาความสับสนของสังคมในขณะนี้

นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!