- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 03 October 2017 17:10
- Hits: 8898
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
'SET เหนือ 1670…เลือกซื้อ/ถือต่อ'
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : TIPCO (จากถือเป็น Fully Valued)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : SET Index เมื่อวานนี้ปิดบวก 15.48 จุดที่ 1688.54 นำโดยกลุ่มแบงค์, พลังงาน รวมทั้งมีการเลือกซื้อหุ้นกลาง-เล็กที่มีแนวโน้มกำไรดี นักลงทุนสถาบันในปท.และต่างชาติซื้อสุทธิ
สำหรับปัจจัยภายนอก : ตัวเลข PMI ภาคผลิตของสหรัฐในเดือนก.ย.ออกมาสูงสุดในรอบ 13 ปี และความหวังว่าแผนปฎิรูปภาษีมูลค่าเกือบ 6 ล้านล้านUS$ ของทรัมป์จะได้รับการสนับสนุนจากสภาคองเกรส ได้บดบังเหตุการณ์ยิงกราดในลาสเวกัสซึ่งมีผู้เสียชีวิต 59 ราย บาดเจ็บกว่า 500 รายที่มากสุดเป็นประวัติศาสตร์สหรัฐ เงิน US$ แข็งค่าขึ้นต่อโดยดัชนี Dollar index ล่าสุดอยู่ที่ 93.82 เพิ่มจากต่ำสุดที่ 91 เมื่อ 8 ก.ย.60 ส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าลง ซึ่งเป็นไปตามที่เราประเมินไว้ว่ากลุ่มส่งออกจะถูกกระทบจากบาทแข็งน้อยลงใน 4Q60 หุ้นส่งออกเด่นเป็น HANA, KCE, GFPT
ปัจจัยในประเทศ : เงินเฟ้อเดือนก.ย.ของไทยยังต่ำที่ 0.86% และ 9M60 เงินเฟ้อทั่วไปเท่ากับ 0.59% และทั้งปีนี้คาดว่าจะต่ำกว่า 1% เราคิดว่าเงินเฟ้อจะไม่เป็นแรงกดดันให้ทางการไทยต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยไปอย่างน้อยถึง 3Q61 ซึ่งอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นบวกกับการลงทุน การซื้อที่พักอาศัย และหุ้นปันผลสูง ซึ่งหุ้นเด่นในกลุ่ม Residentail เป็น SPALI (ราคา TP : 25.70 บาท) ส่วนหุ้นปันผลเป็น TISCO, KKP, SENA, DIF, LHHOTEL ด้านราคาน้ำมันดิบในช่วง 4Q60 อาจจะแผ่วลงหลังจากพุ่งขึ้นกว่า 16%QoQ ใน 3Q60 เพราะประเทศผู้ผลิตมักจะผลิตเพิ่มในช่วงที่ราคาดี ซึ่งเมื่อวานนี้มีรายงานว่ากลุ่มโอเปกผลิตน้ำมันเพิ่ม 1.2 แสนบาร์เรลในเดือนก.ย.60 และแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐกลับมาเพิ่มขึ้นเป็น 750 แท่นในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงานยังมีปัจจัยหนุนจากผลประกอบการ 3Q60 ที่จะเติบโตกว่า 20% ทั้ง YoY และ QoQ ซึ่งหุ้นพื้นฐานและเทคนิคเด่นช่วงนี้เป็น PTT, PTTGC, IRPC
กลยุทธ์ลงทุน : เลือกซื้อ/ถือต่อ เมื่อ SET และราคาหุ้นอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน (ระยะสั้นมากอยู่ที่ 1670 จุด) หุ้นกลยุทธ์พื้นฐานแนะนำรายสัปดาห์ (วันที่ 27 ก.ย.-3 ต.ค.60) ประกอบด้วย KBANK (Value Play) และ PTTGC (Cyclical Play) ส่วนหุ้นแนะนำใน Wealth Perspective - Equity เดือนต.ค.60 คือ ERW, MTLS, KBANK, PTTGC, TISCO และ Dark Horse เป็น COM7 สำหรับเดือนก.ย.60 หุ้นที่เราเลือก คือ AMATA, CPN, MINT, TISCO, SEAFCO ให้ Return ใน 1 เดือนเท่ากับ +8.1% Operform SET ที่ +3.4%
หุ้นที่มีสัญญาณเทคนิคดี ประกอบด้วย BBL, TISCO, PTT, PTTGC, IRPC, SPALI ส่วนที่แนะนำไปแล้ว และให้หาจังหวะขายทำกำไร ได้แก่ CPALL, ROBINS ส่วน TMB, TCAP, MTLS, MALEE, TKN, COM7 ถือต่อถ้าหุ้นยังบวกต่อ/อ่อนตัวไม่มาก หุ้นที่หลุด List คือ TU
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
+ สหรัฐ : ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ย.พุ่งขึ้นทั้งของ ISM และ Markit
# ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่าดัชนีภาคการผลิตของ ISM พุ่งขึ้นสู่ระดับ 60.8 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.47 โดยเพิ่มจาก 58.8 ในเดือนส.ค.
# ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของมาร์กิต ปรับตัวเป็น 53.1 ในเดือนก.ย. จาก 52.8 ในเดือนส.ค.โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อใหม่ที่ปรับตัวขึ้น และการจ้างงานมีการขยายตัวสูงสุดในรอบ 9 เดือน
# การใช้จ่ายด้านการก่อสร้าง +0.5%MoM ในเดือนส.ค. แตะระดับ 1.21 ล้านล้านดอลลาร์ ดีกว่าคาด
+ สหรัฐ : การปฎิรูประบบภาษีทรัมป์...รอความเห็นชอบจากสภาคองเกรส
# มาตรการปฏิรูปภาษีวงเงินเกือบ 6 ล้านล้านดอลลาร์ของทรัมป์ ซึ่งรวมถึงการเสนอให้มีการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ลงสู่ระดับ 20% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% และลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาขั้นสูงสุดลงสู่ระดับ 35% จากปัจจุบันที่ 39.6% โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขันในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐ
- สหรัฐ : เกิดเหตุยิงกราดในลาสเวกัสเมื่อวานนี้
# มีรายงานข่าวว่ามีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากถึง 59 ราย และบาดเจ็บกว่า 500 ราย จากเหตุกราดยิงในงานคอนเสิร์ต Route 91 Harvest ใกล้กับโรงแรมมัณฑะเลย์ เบย์ ที่เมืองลาสเวกัสของสหรัฐเมื่อวานนี้ ซึ่งนับเป็นการก่อเหตุกราดยิงที่มีจำนวนผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ
+ ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ตลาดหุ้นปิดบวกแม้มีเหตุการณ์ยิงกราดในลาสเวกัส
# ดัชนีภาคการผลิตที่ขยายตัวสูงสุดในรอบ 13 ปี การใช้จ่ายภาคก่อสร้างที่ขยายตัวได้ดีเกินคาด หนุนตลาดหุ้นสหรัฐ แม้มีเหตุกราดยิงในเมืองลาสเวกัสของสหรัฐเมื่อวานนี้
# ดัชนี DJIA ปิด +152.51 จุด หรือ +0.68% ดัชนี Nasdaq ปิด +20.76 จุด หรือ +0.32% และดัชนี S&P500 ปิด +9.76 จุด หรือ +0.39%
- ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาร่วงลงหลังโอเปกผลิตเพิ่มในเดือนก.ย.
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ร่วงลง 1.09 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 50.58 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 67 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 56.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
# มีรายงานว่ากลุ่มโอเปกเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมัน 120,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนก.ย. ขณะที่อิรักและลิเบียก็เพิ่มกำลังการผลิตเช่นกัน
ปัจจัยในประเทศ และหุ้นมีข่าว
• เงินเฟ้อไทย : เดือนก.ย.60 อยู่ที่ 0.86% และเงินเฟ้อพื้นฐาน 0.53%
# ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือนก.ย.60 อยู่ที่ 101.22 ขยายตัว 0.86%YoY และขยายตัว 0.58%MoM ส่งผลให้ CPI ช่วง 9 เดือนปี 60 ขยายตัว 0.59%YoY เป็นผลจากราคาน้ำมันค้าปลีกเดือนก.ย.ที่เพิ่มขึ้น
# ส่วน Core CPI เดือน ก.ย.60 อยู่ที่ 101.44 ขยายตัว 0.53%YoY และขยายตัว 0.09%MoM จากเดือนส.ค.60 ส่งผลให้ Core CPI ช่วง 9 เดือนปี 60 ขยายตัว 0.54%YoY
# กระทรวงพาณิชย์ ได้ปรับคาดการณ์เงินเฟ้อปี 60 ใหม่เป็นขยายตัว 0.4-1.0% ลดลงจากเดิมคาด 0.7-1.7%
# ความเห็น DBS : คาดอัตราเงินเฟ้อในช่วงที่เหลือของปีนี้จะเร่งตัวขึ้น แต่เงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปีนี้จะต่ำกว่า 1% (ทาง DBS Bank ประเมินไว้ที่ 0.5% ปีนี้และ 1.2% ปีหน้า และประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ที่ 1.5% ไปถึงไตรมาส 3/61 โดยมีค่าเงินบาทเฉลี่ย 33.1 บาท/US$ อัตราการเติบโตของจีดีพีปี 60 เท่ากับ 3.5% และปีหน้า 3.6%
+ TISCO : โอนสินเชื่อรายย่อย SCBT เข้ามาเรียบร้อยแล้ว
# ธนาคารประกาศรับโอนสินเชื่อธุรกิจรายย่อยจากสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ส (ประเทศไทย) หรือ SCBT เข้ามา 4 หมื่นล้านบาทแล้วตั้งแต่ 1 ต.ค.60 ทำให้พอร์ตสินเชื่อเพิ่มก้าวกระโดดเป็น 2.4 แสนล้านบาท (ประมาณ 65% เป็นสินเชื่อที่พักอาศัย) ด้านผลประกอบการไตรมาส 3/60 คาดว่าจะออกมาแข็งแกร่ง ทาง DBSV แนะนำซื้อให้ราคาพื้นฐาน 82 บาท โดย TISCO เป็นหนึ่งในหุ้น Top pick เดือนต.ค.60 ของเราด้วย
• กลุ่มเซ็นทรัลเสนอซื้อดีนแอนด์เดลูก้านอกสหรัฐจาก PACE มูลค่า 1.6 พันล้านบาท
# มีกระแสข่าว่ากลุ่มเซ็นทรัลเสนอซื้อสิทิในการดำเนินธุรกิจนอกสหรัฐ มูลค่า 50 ล้านUS% หรือราว 1.6 พันล้านบาท โดยกลุ่มเซ็นทรัลจะได้รับสิทธิบริหารและขยายสาขาในตลาดปัจจุบันและเปิดตลาดใหม่นอกสหรัฐ ส่วน PACE ยังถือสิทธิในแบรนด์และดำเนินธุรกิจในสหรัฐ และสิทธิในการผลิต & จำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์แบรนด์ดีนแอนด์เดลูก้าทั่วโลกต่อไป
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]