- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 03 October 2017 16:35
- Hits: 2375
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวรับสำคัญ 1680 ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขาย
SET Index: 1688.21 เคลื่อนไหวในกรอบแคบที่บริเวณ 1690 จุด ในขณะที่มูลค่าการซื้อขายปรับตัวลดลง หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 1690 จุดตามกรอบแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งเราคาดว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นยังมีความเสี่ยงในการถูกขายทำกำไร โดยมีแนวรับที่ 1680 จุด ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขายทางเทคนิคต่อเนื่อง และมีแนวต้านที่ 1705 และ 1720 จุด
แนวต้าน : 1690 และ 1692
แนวรับ : 1686 และ 1680**
GL = 24.00/25.00, PTT = 414/420, CPALL = 67.50/68.50, TRUE = 6.10/6.20, SCC = 500/504
Bangkok Chain Hospital (BCH TB; THB 15.70) – ซื้อ
แนวต้าน : 16.20 และ 17.00 / แนวต้านสำคัญ 17.30
แนวรับ : 15.70 และ 15.50
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง หลังจากเคลื่อนไหวในกรอบแคบเพื่อสร้างฐานเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 และ 20 วันต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือนแนวโน้มลงต่อเนื่อง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 70
แนะนำซื้อ BCH โดยมีแนวรับที่ 15.70 และ 15.50 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 16.20 และ 17.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 15.00 ลงไป
M.C.S. Steel (MCS TB; THB 17.00) – ซื้อ
แนวต้าน : 17.40 และ 18.00 / แนวต้านสำคัญ 18.40
แนวรับ : 17.00 และ 16.80
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐานเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 70
แนะนำซื้อ MCS โดยมีแนวรับที่ 17.00 และ 16.80 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 17.40 และ 18.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 16.40 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 761-9231 - [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET…ขึ้นทดสอบใกล้ 1700+/- จุด
สิ้นสุดใน Q3/17 ปรากฏว่าสินทรัพย์การลงทุนต่างๆ รูปดอลลาร์ ส่วนใหญ่ต่างปรับตัวขึ้นในแดนบวกหมด ยกเว้นดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (Dollarindex) โดยสินทรัพย์ที่ขึ้นมากที่สุด คือ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ตลาดหุ้นเกิดใหม่ ตลาดหุ้นยูโรโซน ตลาดหุ้นชายขอบ และราคาทองแดง และหากนับ 9 เดือน (YTD) ตลาดหุ้นเกิดใหม่ขึ้นได้สูงสุดที่ 25.5% ตามมาด้วยยูโรโซน 24.5% ชายขอบ 21.2% ราคาทองแดง 16.5% ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐ (S&P500) ขึ้นมา 14.2% ตลาดหุ้นจีน 12.9% อังกฤษ 12.1% ญี่ปุ่น 10.3% หากดูเฉพาะการขึ้นในเดือน ก.ย.ของตลาดหุ้นเอเชีย (รูปสกุลเงินท้องถิ่น) พบว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นกับไทยขึ้นได้สูงที่สุดที่ 3.61% และ 3.53%
ความร้อนแรงของตลาดหุ้นในตอนนี้ นำไปสู่ความกังวลว่าจะไปต่อไหวหรือต้องปรับฐานก่อน จากรูปด้านขวา เป็นการแสดงความเสี่ยงของสินทรัพย์ต่างๆ ผ่านการวิเคราะห์แบบ Z-scores ของ Thomson Reuters/Fathom consulting พบว่าสถานการณ์ในปัจจุบัน สินทรัพย์การลงทุนที่สำคัญๆ อย่างดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ พันธบัตรรัฐบาล และดัชนีวัดความกลัว (VIX) ต่างขึ้นมาสูงสุด โดยในช่วงแรกก่อนที่ตลาดหุ้นสหรัฐจะปรับตัวลงในปี 2543 มีสินทรัพย์ที่ส่งสัญญาณความร้อนแรง คือตลาดหุ้น S&P500 และ Nasdaq รอบที่ 2 ในปี 2550 คือ ราคาบ้านและดัชนีความกลัว (VIX) และรอบนี้คือรอบที่ 3 ที่เกือบทุกสัญญาณ ยกเว้นราคาบ้าน กำลังส่งสัญญาณว่าจะ Peak หากรอบนี้สถานการณ์ กลับย้อนรอยเหมือนในอดีต เราก็จะได้เห็นผันผวนที่รุนแรงของตลาดหุ้นสหรัฐ
ดัชนี SET คาดจะยังได้รับแรงหนุนจากเม็ดเงินภายในและต่างชาติ ที่จะดันให้ดัชนีขึ้นต่อไปที่กรอบ 1695-1700 จุด หลังจากนั้นก็ไปลุ้นงบQ3/17 ของหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน เรามองว่ากรอบการขึ้นให้ทะลุ 1700 จุด ยังต้องรอปัจจัยหนุนที่ดีพอ เนื่องจากตอนนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ขึ้นมาเล่นที่ค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าที่ 15.1 เท่า ซึ่งถือเป็นค่า P/E สูงสุดหลังเกิดวิกฤติเศรษฐกิจในปี 1997 (ดูรูปด้านซ้าย) ส่วนปริมาณการซื้อขายหุ้นหลักๆ ก็เริ่มเบาบางลง จะมีก็แค่การพยุงดัชนี โดยตัวแปรที่จะหนุนดัชนี ยังคงต้องดูราคาน้ำมัน
วันนี้คาดดัชนี SET จะยังขึ้นต่อหลังได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นภูมิภาคและการกลับมาซื้อของต่างชาติ ขณะที่ราคาน้ำมันย่อตัวลง โดยคาดน่าจะขึ้นไปทดสอบใกล้ 1700+/- จุด แล้วย่อตัวลง ส่วนแรงซื้อต่างชาติคาดยังคงเน้นหุ้นรายตัวและเป็นแรงซื้อในช่วงสั้นๆ วันนี้มองแนวต้านที่ 1695-1700 จุดและแนวรับที่ 1684-1680 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร TASCO CPF TRUE KCE และ BA
Analysts :
Kiatkong Decho +662 761-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,688.21 จุด ลดลง 0.43 จุด (-0.03%) มูลค่าการซื้อขาย25,137.39 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้แกว่งบริเวณ 1693-1686 จุด หลัง SET ปรับขึ้นกว่า20 จุดในในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ขณะที่เงินบาทยังอ่อนค่าต่อเนื่อง ส่งผลให้มีแรงซื้อเก็งกำไรในกลุ่มส่งออกอย่าง กลุ่มอิเล็กโทรนิคส์ ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่แกว่งบวกหลังตัวเลข PMI ภาคการผลิตของสหรัฐฯออกมาดี
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย คาดว่าตลาดยังพยายามประคับประคองตัวขึ้นทดสอบระดับ 1700จุดในสัปดาห์นี้ โดยจะเห็นได้ว่าแม้มีแรงขายทำกำไรออกมาในช่วงเช้าแต่ก็มีแรงซื้อพยุงไว้ในหุ้นหลักอย่าง PTT, CPALL, SCC และ AOT แม้ว่านักลงทุนต่างประเทศจะกลับมาซื้อสุทธิ 2.8 พันล้านบาท เมื่อวานนี้ แต่การที่ค่าเงินบาทวันนี้อ่อนค่าลงต่อเนื่องไปที่ระดับ33.52 บาท/ดอลลาร์ ก็ทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่นักลงทุนต่างประเทศอาจเริ่มกลับมาทยอยขายทำกำไรอีกครั้ง (เพื่อล็อคกำไรและลดความเสี่ยงการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน) ในขณะที่ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่องก็จะเป็นบวกกับหุ้นกลุ่มอิเล็กโทรนิคส์(KCE HANA SVI) ส่งออกอาหาร (BR CPF GFPT TU) และท่องเที่ยว (CENTEL ERWMINT) ดังนั้นกลยุทธ์ในบ่ายวันนี้ให้เน้นขายทำกำไรไว้ก่อน แล้วรอการปรับฐานของตลาดเพื่อกลับเข้าซื้อเก็งกำไรอีกรอบ โดยบ่ายนี้เราให้แนวต้านที่ 1693-1695 จุดและแนวรับที่1685-1680 จุด โดยบ่ายนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร GFPT, KCE, SPALI และ TASCO
Technical Pick (PM) ...
Bangkok Chain Hospital (BCH TB; THB 15.70) – ซื้อ
M.C.S. Steel (MCS TB; THB 17.00) – ซื้อ
Analysts :
Kitichan Sirisukarcha +66(2) 761 9232 – [email protected]
Teerawut Kanniphakul +66(2) 761 9233 – [email protected]