- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 29 September 2017 16:53
- Hits: 1321
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวต้าน 1675 แนวโน้มลงทดสอบแนวรับ 1650
SET Index: 1670.91 ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1670 จุดอีกครั้ง ในขณะที่มูลค่าการซื้อขายไม่สูงมาก และมีแนวต้านของกรอบแนวโน้มขาขึ้นที่ 1675-1680 จุด ซึ่งเราคาดว่า แนวโน้มหลักยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยมีแนวรับที่ 1650 จุดเป็นจังหวะในการเข้าซื้อหุ้นและมีแนวรับถัดไปที่ 1620 จุด โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 1680 จุด
แนวต้าน : 1672 และ 1674
แนวรับ : 1667 และ 1665
ESSO = 13.40/13.80, PTT = 404/410, AOT = 58.50/59.50, GL = 22.00/23.50, IVL = 42.00/42.50
Synnex (Thailand) (SYNEX TB; THB 14.10) – ซื้อ
แนวต้าน : 15.00 และ 15.50 / แนวต้านสำคัญ 16.00
แนวรับ : 14.10 และ 14.00
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับของเส้นแนวโน้มขาขึ้น และจุดสูงสุดเดิม ทำแนวโน้มในระยะสั้นมีโอกาสฟื้นตัวที่แนวรับสำคัญกลับขึ้นไป
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยทดสอบระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวลดลงต่ำกว่าแนวโน้มลง RSI ปรับตัวลดลงต่ำกว่าระดับ 50
แนะนำซื้อ SYNEX โดยมีแนวรับที่ 14.10 และ 14.00 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 15.00 และ 15.50 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 13.60 ลงไป
Susco (SUSCO TB; THB 3.50) – ซื้อ
แนวต้าน : 3.64 และ 3.80
แนวรับ : 3.50 และ 3.46
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านแนวโน้มขาลงขึ้นไปได้ ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทดสอบระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ SUSCO โดยมีแนวรับที่ 3.50 และ 3.46 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 3.64 และ 3.80 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 3.38 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 761-9231 - [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET…สัญญาณในเชิงการทำกำไรของไทยดีขึ้นตามลำดับ
ประเด็นที่นักลงทุนเฝ้ารอในอาทิตย์นี้คือ การประกาศแผนปฎิรูปโครงสร้างภาษีของสหรัฐ ทางนาย Donald trump ได้ประกาศเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ว่าจะมีการปฎิรูปโครงสร้างภาษีครั้งใหญ่สุดในรอบ 30 ปี แต่ตลาดหุ้นสหรัฐไม่ตอบสนองในเชิงบวกมากนักเนื่องจากยังขาดรายละเอียดของแผน ว่าจะต้องทำอย่างไรที่ไม่ให้เกิดการขาดดุลหรือเพิ่มหนี้มากเกินไป การผ่านแผนดังกล่าวนักวิเคราะห์มองอาจต้องใช้เวลาไปถึงปลายปีหลังฝ่าย Democrat แย้งว่าแผนการลดภาษีจะต้องเป็นผลดีกับประชาชนสหรัฐโดยรวม มากกว่าที่จะเป็นคนชั้นกลาง นอกจากนั้นการจะผ่านแผนดังกล่าวจะต้องรอการสนับสนุนของฝ่าย Democrat เพราะในสภาสูงพรรค Republican : Democrat มีคะแนนนำแค่ 52 : 48
หลังตลาดไม่ตอบสนองต่อนโยบายปฎิรูปภาษี ที่ผ่านมา คือ นโยบายปฎิรูปการประกันสุขภาพ ที่ประสบความล้มเหลวในสภาสูงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ตลาดจึงมองว่าประเด็นที่จะหนุนดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ หลังจากนี้มีแค่ผลการดำเนินงาน Q3/17 ซึ่งคาดกันว่าจะโตแค่ 6-6.2% ต่ำสุดในรอบปี เราจึงมองว่าหลังจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐจะแขวนอยู่กับความเสี่ยงและจะเกิดความผันผวนที่แรง จากการที่ไม่มีปัจจัยเล่น ประกอบกับความเสี่ยงที่ FED จะทยอยขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.
สำหรับสถานะการณ์ในประเทศ หลัง ธปท. ประกาศปรับเพิ่มการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้ (GDP) ขึ้นจาก 3.5% เป็น 3.8% ถือเป็นปัจจัยในเชิงบวกกับตลาดแต่ไม่มาก เนื่องจากกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ต่างขึ้นมารอ ไม่เว้นหุ้น Laggard ดังนั้นจุดเปลี่ยนของลตาด จะอยู่ที่การประกาศงบ Q3/17 ว่าจะออกมาอย่างไร หากมาดูอัตราการทำกำไรของตลาดหุ้นไทยเทียบภูมิภาค ในรูปด้านซ้าย จะพบว่า อัตราการทำกำไรของตลาดหุ้นไทยในปีนี้จากฐานข้อมูลใน IBES สูงกว่าแค่ ฟิลิปปินส์และมาเลเชีย ส่วนปีหน้าแม้จะเพิ่มขึ้นแต่ยังต่ำกว่าภูมิภาค ดังนั้นการที่ดัชนี SETขึ้นมายืนในระดับสูงกว่า 1650 จุดถือว่ารับข่าวในเชิงบวกที่เกิดขึ้นและสอดรับกับการเติบโตในปีหน้าที่ประมาณ 8% ส่วนสัญญาณของ Earning momentum ของตลาดหุ้นไทย ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังอยู่ในแดนลบ ดูรูปด้านขวา
ในต้น-กลางเดือน ต.ค. หากตลาดหุ้นต่างประเทศเกิดความผันผวนไม่ว่าจะมาจากประเด็นไหน เราคาดว่าดัชนีจะแกว่งตัวที่แรง โดยเฉพาะในเชิงลบ แต่หากเกิดผลเชิงบวกคาด ดัชนีคงขึ้นได้สูงที่กรอบ 1710-1720 จุด ผลในด้านลบที่จะเกิดในเดือน ต.ค. ในทางพื้นฐาน เราคาดจะมาจากการผิดหวังผลการดำเนินงาน Q3/17 ในสหรัฐและไม่มีความคืบหน้าของแผนประกันสุขภาพรวมทั้งแผนปฎิรูปโครงสร้างภาษี
วันนี้คาดดัชนี SET น่าจะแกว่งตัวในกรอบแคบทั้งแดนบวกและลบ แบบไร้ทิศทาง หลังไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ๆ ขณะที่ต่างชาติทยอยขายหุ้นเพิ่มมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามดัชนี SET น่าจะยังประคับประคองจนกว่าจะถึงอาทิตย์หน้า ที่เรามองว่าดัชนี SET จะค่อยๆ ซึมลง วันนี้มองแนวต้านที่1670-1674 จุดและแนวรับที่ 1660-1655 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร TASCO CENTEL AP
Analysts :
Kiatkong Decho +662 761-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,670.91 จุด เพิ่มขึ้น 4.55 จุด (+0.27%) มูลค่าการซื้อขาย26,108.39 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้รีบาวด์ โดยมีแรงซื้อในกลุ่มค้าปลีก และโรงกลั่น ด้านตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่แกว่งบวก
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย คาดแกว่งในกรอบ โดยมองว่าตลาดยังอยู่ในช่วงปรับฐาน การปรับขึ้นของ SET ในวันนี้ยังอยู่ในกรอบจำกัด เนื่องจากเป็นวันซื้อขายสุดท้ายของสัปดาห์และตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา นอกจากนี้แนวโน้ม Fund flow เริ่มชะลอตัว หลังเงินบาทอ่อนค่า ซึ่งอาจส่งผลต่อการปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศเรายังแนะนำขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มนำตลาด แนะเก็งกำไร CPF EPG TU บ่ายมองแนวรับ 1665-1660 แนวต้าน 1675-1678 จุด
Technical Pick (PM) & Cash Balance...
Synnex (Thailand) (SYNEX TB; THB 14.10) – ซื้อ
Susco (SUSCO TB; THB 3.50) – ซื้อ
Analysts :
Kitichan Sirisukarcha +66(2) 761 9232 – [email protected]
Teerawut Kanniphakul +66(2) 761 9233 – [email protected]