- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 28 September 2017 16:25
- Hits: 10161
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวต้าน 1675 แนวโน้มลงทดสอบแนวรับ 1650
SET Index: 1671.58 เคลื่อนไหวในกรอบแคบต่อเนื่องที่บริเวณ 1670 จุด ในขณะที่มูลค่าการซื้อขายยังคงลดลงต่อเนื่อง หลังจากถูกขายทำกำไรที่แนวต้านสำคัญของกรอบแนวโน้มขาขึ้นที่ 1675-1680 จุด ซึ่งเราคาดว่า แนวโน้มหลักยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยมีแนวรับที่ 1650 จุดเป็นจังหวะในการเข้าซื้อหุ้นและมีแนวรับถัดไปที่ 1620 จุด โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 1680 จุด
แนวต้าน : 1672 และ 1674
แนวรับ : 1665 และ 1660
AOT = 58.50/60.00, ASIAN = 15.50/16.20, BANPU = 17.40/17.70, BCP = 39.50/40.25, BEAUTY = 15.50/15.80
Robinson (ROBINS TB; THB 65.00) – ซื้อ
แนวต้าน : 67.00 และ 68.00
แนวรับ : 65.00 และ 64.50
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐานในระยะสั้นหลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันขึ้นไปได้
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 70
แนะนำซื้อ ROBINS โดยมีแนวรับที่ 65.00 และ 64.50 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 67.00 และ 68.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 63.50 ลงไป
Esso (Thailand) (ESSO TB; THB 12.10) – ซื้อ
แนวต้าน : 13.00 และ 13.40
แนวรับ : 12.10 และ 12.00
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง หลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับของเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันแล้วฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ ESSO โดยมีแนวรับที่ 12.10 และ 12.00 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 13.00 และ 13.40 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 11.30 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 761-9231 - [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET…เน้นเก็งรายตัว
แรงซื้อที่เข้ามาหนุนดัชนี SET หลังขึ้นมาทะลุ 1600 จุด เป็นแรงซื้อของนักลงทุนในประเทศทั้งกองทุนในประเทศและพอรท์โบรกเกอร์ ส่วนต่างชาติการซื้อระดับ 1.7 หมื่นล้าน ถือยังเป็นลักษณะ trading มากกว่า แต่อย่างไรก็ตามหากงบ Q3/17 ทยอยออกมาแล้วออกมาดีกว่าคาดหรือส่งสัญญาณว่าจะดีขึ้นใน Q4/17 มีความเป็นไปได้ที่เม็ดเงินจากต่างชาติจะไหลเข้ามาอย่างเป็นจริงเป็นจัง กลุ่มอุตสาหกรรมที่ถือว่าเป็นตัวหนุนดัชนีและโดดเด่น ยังคงเป็นหุ้นที่อิงกับวัฎจักรเศรษฐกิจ มากกว่าหุ้นที่โตจากภายใน (Domestic play) แต่ในช่วงระยะหลังเริ่มมีแรงซื้อหุ้นเหล่านี้เข้ามาจากการมองว่ายัง Laggard ราคาไม่แพงและกำลังจะได้รับผลในเชิงบวกจากการเข้าสู่ช่วง High ของการท่องเที่ยว
การประชุม กนง.ที่ประชุม มีมติคงดอกเบี้ยไว้ที่เดิม 1.5% ส่งผลให้มีแรงขายหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยแต่ไม่มาก สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ค่อยๆ มีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องจากการฟื้นตัวที่เกินคาดของจำนวนนักท่องเที่ยว คือกลุ่มโรงแรม อาหาร การบินและท่าอากาศยาน ซึ่งกลุ่มเหล่านี้น่าจะยังมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องเพราะหุ้นหลายๆ ตัวยังไม่ถือว่าแพง หากดูราคาหุ้นในกลุ่มเหล่านี้ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) พบว่า AOT ขึ้นแรงที่สุดที่ 46% ตามมาด้วย ERW NOK MINT CENTEL และที่ยังติดลบคือ THAI และ BA ที่ -18.1% และ-18.9% ดูรูปด้านขวา อย่างไรก็ตามหากดูเปอร์เซ็นต์การขึ้นตั้งแต่วันที่ 28 ส.ค.ที่ดัชนีดีดตัวขึ้นแรงข้าม 1600 จุดและมีปริมาณการซื้อขายที่สูงมากๆ พบว่ายังมีหุ้นหลายตัวที่ขึ้นได้น้อย อย่าง MINT ที่ขึ้นได้เพียง 3.8% เทียบ ERW ที่ 4.2% และ CENTEL 9.4% ดูรูปด้านขวา
โดยสรุปจากทั้ง 2 รูปกลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวน่าจะยังมีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อจากการเข้าสู่ช่วงฤดูการท่องเที่ยว การเก็งผลการดำเนินงาน Q3คาดว่าจะดีขึ้น และอาจมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเกิดขึ้นในช่วงปลายปี หุ้นในกลุ่มนี้ที่ราคาหุ้นยังไม่ไปไหน คือ BA และ MINT สำหรับแรงกดหุ้นในกลุ่มการบินยังคงเป็นการรอดูการปลดล๊อกของ ICAO
ทิศทางดัชนีในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ เรามองยังคงอยู่ในภาวะที่ผันผวนได้ทุกขณะ หลังตลาดเริ่มขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ แม้นาย Donald trumpจะออกมาแถลงว่าจะมีการปฎิรูปโครงสร้างภาษีรอบใหญ่ แต่ยังขาดรายละเอียด นอกจากนั้นในช่วงต้น-กลางเดือน ต.ค. จะเป็นช่วงที่งบหุ้นกลุ่มสถาบันการเงินทั้งสหรัฐและไทย ทยอยประกาศ ปัจจัยด้านบวกกับตลาดหุ้นไทยในตอนนี้ คือค่าเงินบาทค่อยๆ อ่อนตัวลงหลังค่าเงินดอลลาร์แข็งตัวรับข่าวแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.และตัวเลขเศรษฐกิจ ที่จะส่งผลให้แรงกดดันหุ้นในกลุ่มส่งออกคลายตัวลง
วันนี้มองแนวโน้มตลาดจะยังคงแกว่งในกรอบแคบ แม้จะได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นสหรัฐ แต่ราคาน้ำมันกลับอ่อนตัว การเล่นหุ้นคาดยังเป็นการเน้นรายตัวและกระจัดกระจาย โดยกลุ่มที่น่าจะยังไปต่อได้ คือ โยงท่องเที่ยว ค้าปลีก ส่งออก (อาหาร-ชิ้นส่วนอิเลกทรอนิกค์) วันนี้มองกรอบแนวต้านที่ 1675-1679 จุดและแนวรับที่ 1664-1660 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร BJC CPF HANA MINT TMB
Analysts :
Kiatkong Decho +662 761-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,671.58 จุด เพิ่มขึ้น 1.31 จุด (+0.08%) มูลค่าการซื้อขาย27,678.83 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้แกว่งแคบ เนื่องจาก Fund Flow ชะลอตัว หลังเงินบาทอ่อนค่า ส่งผลให้มีแรงซื้อในกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาทอย่างกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ด้านตลาดภูมิภาคแกว่งบวก-ลบ หลัง “ทรัมป์” เผยรายละเอียดแผนปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า ติดตามการรายงานตัวเลข GDP ใน2Q17 ของสหรัฐ (คืนนี้)
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย มีโอกาสปรับฐานย่อย เรามองว่าการเริ่มอ่อนตัวลงของค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ น่าจะกดดันให้เกิดการปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติตามมา ทำให้ช่วงสั้นมีโอกาสที่จะเห็นแรงขายนักลงทุนต่างชาติออกมา รวมถึงอาจจะเห็นแรงขายทำกำไรของพอร์ตนักลงทุนสถาบันในประเทศด้วยเช่นกัน ซึ่งในกรณีนี้มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นการอ่อนตัวลงของ SET Index ลงไปในระดับ 1650 - 1655 จุด ระยะสั้นเราแนะนำขายทำกำไรในหุน้ กลุ่มนำตลาด และไปรอซื้อกลับที่บริเวณแนวรับ 1650 จุด โดยหุน้ ที่ยังสามารถเก็งกำไรต่อได้จะเป็นกลุ่มส่งออก ซึ่งจะได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของค่าเงินบาท แนะนำ KCE HANA CPF TU EPG
Technical Pick (PM) & Cash Balance...
Robinson (ROBINS TB; THB 65.00) – ซื้อ
Esso (Thailand) (ESSO TB; THB 12.10) – ซื้อ
Cash Balance Preview : คาดหลักทรัพย์ที่มีโอกาสจะติด Cash Balance ในสัปดาห์หน้า : KCM, PRINC, GL-W4
Analysts :
Kitichan Sirisukarcha +66(2) 761 9232 – [email protected]
Teerawut Kanniphakul +66(2) 761 9233 – [email protected]