- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 27 September 2017 15:04
- Hits: 1240
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตัวแรงขึ้นยืน 1671 จุด แกว่งตัวสลับขึ้นลงที่อยู่ในแดนบวกได้ตลอดทั้งวัน โดยแรงซื้อหลักจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน และการเงิน ขึ้นทำจุดสูงสุดของวันที่ 1674.59 จุด เพิ่มขึ้น 7 จุด ขณะที่มีจุดต่ำสุดที่ 1667.92 จุด เพิ่มขึ้น 0.33 จุด กรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันที่ 6.67 จุด ทั้งนี้หุ้นที่มี Impact ต่อการปรับตัวขึ้นของดัชนีได้แก่ GL, SKN, PTT, PTTEP, GL-W4, WORK, BJC ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1669.75 จุด เพิ่มขึ้น 2.16 จุด (+0.13%) มูลค่าการซื้อขาย 60,208 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
ดัชนีวานนี้ฟื้นตัวได้ต่อ ด้วยการเปิดกระโดดขึ้นยืนเหนือ 1670 จุด ขึ้นทำ High ที่ 1674 จุด ก่อนที่จะอ่อนตัวลงมาทำ Low 1667 จุด ซึ่งถือว่าจะยังยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5/10 วันได้ ก่อนที่จะทำปิดใกล้จุดต่ำสุดของวันที่ 1669 จุด จากเห็นว่าภาพการฟื้นตัวนั้นยังไม่มีความแข็งแรง แต่การยืนเหนือเส้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยได้ ทำให้ดัชนีน่าจะยังคงมีทิศทางผันผวนในกรอบแคบ (ขึ้นยังจำกัด-ลงไม่ลึก) โดยมีแนวรับ 1660-1665 จุด ขณะที่การขึ้นมองยังจำกัด แนวต้าน 1673-1677 จุด
แกว่งตัวผันผวนในกรอบแคบ
Support 1660-1654 // 1634 จุด Resistance 1690-1700 จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์ Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110 Tel 02- 6481124
Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
2 ตัวแปร จะบอกได้ว่าผ่าน 1670 จุด ได้หรือไม่ ?
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : คาดดัชนีฯ จะยืนเหนือ 1670 จุด ได้อย่างไม่มั่นคง ..... จุดเปราะบางของตลาดเวลานี้ คือ ดัชนีฯ(ราคาหุ้นหลักๆ)ปรับขึ้นมามาก ปัจจัยลบที่เข้ามากวนตลาด ส่วนใหญ่เป็นปัจจัยต่างประเทศ การเริ่มลด QE เดือน ต.ค.ของ Fed และประธาน Fed ส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยในคืนที่ผ่านมา และสถานการณ์เกาหลีเหนือที่ยังไม่จางลง ...
.ขณะที่ปัจจัยในประเทศ การนัดอ่านคำพิพากษาคดีจำนำข้าวในวันนี้(27) และการประชุม กนง. ที่นักลงทุนกำลังให้ความสนในว่า กนง.จะมีการพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยตามคำแนะนำของกระทรวงการคลังหรือไม่ ขณะที่การประกาศแนวทางการระบุและการกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยยะฯ ที่บังคับใช้กับ BBL, BAY, KTB, KBANK และ SCB อาจทำให้นักลงทุนชะลอกาลงทุนในหุ้นเหล่านี้ จนกว่าจะมีความชัดเจนว่าประกาศนี้ ไม่ได้มีผลในทางลบต่อราคาหุ้นธนาคาร (KTBST ประเมินว่าไม่มีผลกระทบใดๆ เพราะเงินกองทุนฯสูงอยู่แล้ว) ..... ทั้งปัจจัยภายในและนอกประเทศวันนี้มีน้ำหนักทต่อตลาด โอกาสที่ดัชนีฯ จะขึ้นไปยืนเหนือ 1670 จุด ในช่วงสัปดาห์นี้ ดูเริ่มจะน้อยลงตามลำดับ
กลยุทธ์การลงทุน : การซื้อขายของนักลงทุนในตลาดเอเซีย(หุ้น+พันธบัตร) ที่อยู่ในฝั่ง net sell สะท้อนตัวแปรต่างประเทศที่ออกมาในทางลบ และวันนี้ ของไทยจะมี event สำคัญสองตัวคือ คดีจำนำข้าวและประชุม กนง. เราแนะนำให้ชะลอหรือรอดูผลที่จะออกมา ซึ่งจะมีผลต่อราคาหุ้นและตลาดหุ้นโดยตรง ในกรณีของประชุม กนง. หากปรับลดดอกเบี้ย จะเป็นลบต่อหุ้นธนาคารแต่จะบวกต่อหุ้นเช่าซื้อและหุ้นที่อยู่อาศัย รวมทั้งหุ้นกลุ่มส่งออก(บวกจากเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนตัวลง)
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน : สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ TISCO, PYLON, MINT, LOXLEY*
หุ้นแนะนำทางเทคนิค : WORK, PTL, MONO
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
(+) TICSO : คาดกำไรสุทธิ 3Q17 ที่ 1.51 พันล้านบาท เติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ
(+) TU : เข้าซื้อหุ้นสามัญของ บมจ.แพ็คฟู้ด จากผู้ถือหุ้นเดิม
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (26 ก.ย.) ปิดที่ระดับ 1,669.75 จุด เพิ่มขึ้น 2.16 จุด หรือ +0.13% มูลค่าการซื้อขาย 60,208.35 ล้านบาท ตลาดปรับตัวได้ดีกว่าตลาดหุ้นภูมิภาค โดยต่างชาติยังซื้อสุทธิที่ 149 ล้านบาท และแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น
ตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,284.32 จุด ลดลง 11.77 จุด หรือ -0.05% ตลาดได้รับแรงกดดันจากการแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค. นี้ .... แต่ด้าน Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.03% ปิดที่ 384.03 จุด
ปัจจัยต่างประเทศ: ประเด็นลบจาก การส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย, การเมืองสหรัฐฯ, และ เกาหลีเหนือ
โอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯในเดือน ธ.ค. นี้มีสูงขึ้น หลังนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ กล่าวว่า จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป แม้ทิศทางเงินเฟ้อยังคงไม่แน่นอนก็ตาม จากประเด็นดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงและค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มเป็นบวกต่อกลุ่มส่งออกในช่วงสั้น
การเมืองสหรัฐฯเป็นลบต่อภาพตลาดโดยรวม ซึ่งบรรดาสมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรส กล่าวในวันนี้ว่า วุฒิสภาจะไม่จัดการลงมติต่อร่างกฎหมาย "คาสซิดี-เกรแฮม"เป็นร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ ที่จะมาแทนที่ "โอบามาแคร์" …. ติดตามแผนการปฎิรูปภาษีนิติบุคคลที่จะมีการเสนอในวันนี้
ราคาน้ำมันดิบมีแรงขายทำกำไร สัญญาน้ำมันดิบ WTI เลดลง 34 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 51.88 ดอลลาร์/บาร์เรล เรามีมุมมองเป็นบวกต่อราคาน้ำมันดิบมากขึ้นหลังกลุ่ม OPEC มีการตกลงปรับลดกำลังการผลิต เป็นบวกต่อหุ้นผู้ผลิตน้ำมันอย่าง PTTEP
ปัจจัยในประเทศ: ติดตามการประชุม กนง., กฏหมายใหม่สำหรับธนาคารพาณิชย์, คดีจำนำข้าว ครม. วานนี้มีประเด็นเรื่อง การเวนคืนที่ดินสำหรับสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม, ชมพู, เหลือง ซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มรับเหมาฯโดยเฉพาะ STEC และการอนุมัติหลักการให้กรมชลประทานดำเนินโครงการน้ำใน EEC 8 โครงการ มูลค่ารวม 785 ล้านบาท มองเป็นบวกต่อ EASTW …. วันนี้ติดตามการประชุม กนง.ปัจจุบันเริ่มมีความเป็นไปได้ออกมาว่า กนง. จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยลง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น จะมีผลลบต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร และ การประกาศแนวทางการระบุและการกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบในประเทศแต่มองว่ามีผลกระทบต่อกลุ่มแบงก์ไม่มาก .... และติดตามคำพิพากษาคดีจำนำข้าวในวันนี้
Stock in Focus
หุ้น เหตุผล
TISCO(ราคาปิด 77.50) มีมุมมองในเชิงบวกจากการ preview ผลการดำเนินงาน 3Q17 ของ TISCO โดยเราประมาณการกำไรสุทธิ 3Q17 ที่ 1.51 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.9% YoY และ 0.4% QoQ จากการตั้งสำรองลดลงและสินเชื่อที่เติบโตขึ้น นอกจากนี้ TISCO ยังได้ผลบวกจากการรวมพอร์ตกับ SCBT ในวันที่ 1 ต.ค. นี้อีกด้วย ..... คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 6,077 ล้านบาท (+21.4% YoY .... (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 84.00 บาท)
PYLON(ราคาปิด 13.40) มองกลุ่มรับเหมาฯกลับมาน่าสนใจ และ PYLON ซึ่งรับงานด้านเสาเข็มยังมีความ laggard เมื่อเทียบกับกลุ่มรับเหมาฯขนาดใหญ่ .... มองปีนี้ PYLON จะเติบโตที่ +29% YoY ที่ 224 ล้านบาท และจะเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่องในปี 2018 ที่ +36% YoY ที่ 303 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลือง และรถไฟทางคู่ ….. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 14.40 บาท)
MINT(ราคาปิด 39.50) ผลประกอบการโรงแรมในยุโรป เริ่มดีขึ้นจาก high season ...... ในประเทศ เรามองจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติท่องเที่ยวต่างชาติสูงขึ้นและการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของท่องเที่ยวเป็นบวกต่อ MINT
…. คาด 2H17 กำไรจะเติบโตได้ดี จาก High Season ของยุโรปและไทย นอกจากนี้ คาดภาครัฐจะออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพิ่มเติม .... (ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 45.00 บาท)
LOXLEY*(ราคาปิด 3.40) มอง LOXLEY เป็นหุ้นที่มีการเติบโตดีที่ราคายังปรับตัวขึ้นไม่มาก ปัจจุบัน Backlog ของ LOXLEY อยู่ที่ระดับ 11,000 ล้านบาท รองรับรายได้ประมาณ 1 ปี มอง LOXLEY จะเติบโตได้จากการรับรู้รายได้ในบริษัทที่ร่วมลงทุน ทั้ง BP Castro, NS Bluescope นอกจากนี้บริษัทได้ดำเนินการจัดตั้งบริษัทลูกใหม่เพื่อมุ่งเน้นธุรกิจด้านให้คำปรึกษา ออกแบบ ติดตั้งและวางระบบ รวมทั้งการบริการหลังการขาย .... Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 เติบโตถึง +101% YoY ที่ 347 ล้านบาท .... (ราคาที่เหมาะสมโดย Bloomberg ที่ 3.88 บาท)
Source: KTBST Research
Sector / Stock Updates
(+) กลุ่มรับเหมาฯ ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสามสาย วงเงินรวมกว่า 1.8 แสนล้านบาท ประกอบด้วย รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) วงเงิน 7.9 หมื่นล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี วงเงิน 5.4 หมื่นล้านบาท และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง วงเงิน 5.2 หมื่นล้านบาท
เรามองประเด็นดังกล่าวเป็นบวกต่อกลุ่มรับเหมาฯ โดย STEC ได้รับผลบวกมากที่สุด เนื่องจาก STEC มีสัดส่วนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม 16,862 ล้านบาท และงานรถไฟฟ้าสายสีชมพู, เหลือง ทั้งเส้นทาง รวมมูลค่าเฉพาะงานรับเหมาฯที่ 39,710 ล้านบาท การที่ ครม. มีมติเวนคืนที่ดิน จะส่งผลให้การดำเนินงานก่อสร้างเป็นไปอย่างราบรื่น และเป็นไปตามแผนที่วางไว้ เราประมาณการการรับรู้รายได้ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม,ชมพู,เหลือง ว่าจะเริ่มรับรู้ภายในเดือน ธ.ค. ปีนี้ ปัจจุบันเราแนะนำ "Overweight" กลุ่มรับเหมาฯ โดยมี STEC เป็น Top Pick ที่ราคาเหมาะสมที่ 35.50 บาท
(0) กลุ่มสายการบิน กพท.ระบุภายในวันที่ 27 ก.ย. จะรับทราบผลสรุปอย่างไม่เป็นทางการว่าไทยจะถูกปลดธงแดงจาก ICAO หรือไม่ จากการที่ ICAO ได้เข้ามาตรวจสอบช่วงวันที่ 20-27 ก.ย. ส่วนผลการตรวจสอบอย่างเป็นทางการต้องรอภายใน 30 วันหลังจากนี้ โดยปลัดกระทรวงการคลังระบุประเทศไทยน่าจะได้รับข่าวดี
เรามองเป็นปัจจัยสำคัญต่อกลุ่มสายการบินที่ต้องจับตา ซึ่งหากมีการปลดธงแดงคาดว่าจะส่งผล sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มสายการบิน และจะช่วยปลดล็อกเส้นทางบินที่สำคัญได้ เช่น ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ซึ่งเรามองจะเป็นบวกต่อ NOK มากสุด ซึ่งจะทำให้นกสกู๊ตสามารถขยายเส้นทางบินตามแผนเดิมที่เคยวางไว้ และจะส่งผลบวกต่อ THAI ที่ถือหุ้นใน NOK ด้วย ทั้งนี้ เรายังให้น้ำหนักการลงทุนเท่ากับตลาด โดยหุ้น Top Pick ได้แก่ AAV เป้าหมาย 7.40 บาท โดยคาดว่าจะได้ผลบวกมากสุดจากการที่นักท่องเที่ยวจีนกลับมาฟื้นตัว
Source: KTBST Research
Analyst : Mongkol Puangpetra
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
+662 648 1127
[email protected]