- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 21 September 2017 17:06
- Hits: 2773
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
รอบด้านตลาดหุ้น
วิเคราะห์ตลาดและแนวโน้ม
Run Devil Run
เมื่อวาน ดัชนีฯพัก และหุ้นกลาง-เล็กขึ้นตามคาด โดยกลุ่มเด่นเมื่อวาน ได้แก่ หุ้นได้ประโยชน์จาก Theme ดอกเบี้ยต่ำ ไฟแนนซ์+อสังหาฯ (เมื่อวานแนะ KKP TISCO ECL WHA แนะซื้อเพิ่ม/ถือต่อ)...
FED (ตามคาด) คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.00-1.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมกับส่งสัญญาณ
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งในเดือน ธค. ปีนี้และ ประกาศว่าจะเริ่มปรับลดงบดุล เริ่ม ตค. นี้ ในอัตรา
1 หมื่นล้าน USD/เดือน แล้วจะเพิ่มขึ้นครั้งละ 1 หมื่นล้าน USD ในทุกๆไตรมาส จนถึงระดับ 5 หมื่นล้าน
USD/เดือน ในช่วง ตค. ปีหน้า จากปัจจุบันที่มีการถือครอง สินทรัพย์อยู่ราว 4.5 ล้านล้าน USD
วันนี้คาดดัชนีฯ ย่อสลับขึ้น ในกรอบ 1,664-1,678 จุด หุ้นใหญ่พักตัว คาดหุ้นกลาง-หุ้นเล็ก สลับเล่นแทน
โดยเฉพาะหุ้นเล็กที่พื้นฐานดี อิงตามรายงาน Small-Cap Playbook
คาดวันนี้ผลประชุม BOJ คงเป้าหมายดอกเบี้ย 0% เพื่อจัดการกับเงินเฟ้อต่ำคาด กนง. 27 กย. คาดคง
ดอกเบี้ย 1.5% Theme ดอกเบี้ยต่ำ เป็นบวกต่อหุ้นที่ได้ประโยชน์...TISCO KKP TCAP SAWAD MTLS ECL
JMT COM7 ASAP และ อสังหาฯ (เน้นตัวที่ Laggard)
สัปดาห์นี้ดัชนีฯปรับขึ้นทดสอบ แนวต้าน 1,680 รับ 1,650 จุด จาก จิตวิทยาบวก (1) Window dressing
(2) ปัจจัยต่างประเทศคาดผลการประชุมเฟด จะ ลดงบดุล (Balance sheet roll out) ในเดือน ตค., คง
ดอกเบี้ยกรอบ 1-1.25% และให้มุมมอง นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย คาดเป็นบวกต่อการลงทุนตลาดหุ้น
โลก
ระยะเดือน คาดว่าจากบริเวณ 1,680 จุด ขึ้นไป ดัชนีฯ จะเริ่มมีแรงขายมากขึ้น เพราะดัชนีฯเริ่มเข้าโซน
Super Overbought จาก Indicator Modified stochastic ที่เกิน 90%K ขึ้นไปทั้ง กราฟรายวัน รายสัปดาห์
และ รายเดือน เป็นสัญญาณเตือนของการปรับฐาน คาดจะเริ่มเห็นการปรับฐานเมื่อเข้าสู่ เดือน ตค.” แต่แรง
ขายจะไม่รุนแรง จากคาด Wealth effect ช่วยพยุงตลาด และ หุ้นกลาง-เล็กที่มีปัจจัยพื้นฐานรอสนับสนุนจะ
ขึ้นแทน
กลยุทธ์แนะ ขึ้นมารอบนี้ ควรล็อกกำไร หุ้นที่ราคาแรลรี่ จนเกินราคาเหมาะสมพื้นฐาน และสะสมหุ้นกลาง-เล็กที่มีปัจจัยพื้นฐานสนับสนุน ซึ่ง Under perform ไว้รอเล่นรอบหน้า
หุ้นแนะนำวันนี้
ECL แนวรับ 3.64 ต้าน 3.9 Stop loss 3.3 การคงดอกเบี้ยในระดับต่ำของธนาคารกลางส่วนใหญ่ คาดส่งผลบวกต่อธุรกิจเช่าซื้อ
TPOLY แนวรับ 5.65 ต้าน 6.4 Stop loss 5.5 1) แจ้งตลาดฯ ได้รับงานเพิ่ม 860 ล้านบาท คาดตลาดจะมีมุมมองเชิงบวกต่อ backlog ที่เพิ่มขึ้น และ 2) วันที่ 29/9 นี้ คาดผุ้ถือหุ้น TPCH โวตอนุมัติว่าจ้าง TPOLY
ก่อสร้าง โรงไฟฟ้า 3.2 พันล้านบาท หนุน backlog ในมือเพิ่มแตะระดับ 5 พันล้านบาท
TPOLY-W2 แนวรับ 2.58 ต้าน 3.00 Stop loss 2.50 วอแรนต์ราคาใช้สิทธิ 3 บาท สถานะ in-themoney และให้ส่วนลดจากราคาที่แท้จริง (intrinsic value) ที่ 2.85 บาท (อิงราคาหุ้นแม่เมื่นวานนี้ที่ 5.85
บาท)
รายงานวันนี้
CHG: Room to rise in 2H17
CHG เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากอัตราการจ่ายเงินประกันสังคมใหม่ ซึ่งจะเป็นตัวหนุนกำไรใน2H17 หลังจากกำไรใน 1H17 ที่ทำได้เพียงทรงตัว YoY เราประเมินว่ากำไรใน 2H17 จะพลิกกลับมาเติบโต
YoY ได้อีกครั้งราว 12% และ 20% HoH ซึ่งเป็นเหมือนกับภาพที่เกิดขึ้นในปีที่แล้ว หลังจากผลประกอบการ
ช่วง ม.ค.-มิ.ย. ออกมาไม่ดี เราเห็นการฟื้นตัวใน ก.ค.-ธ.ค. แม้ว่าราคาหุ้นจะมีการรีบาวด์ขึ้นมาจากจุดต่ำสุด
ที่ 2.22 บาท ราคาหุ้นยังคง Laggard ซึ่งราคาปรับตัวลดลง 10% YTD ทั้งๆที่คาดกำไรเติบโต 6% ในปี
2017 เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 2.70 บาท (ราคาเป้าหมายเบื้องต้นปี 2018 ที่ 2.9 บาท)
SAWAD: BFIT, the new growth engine
เรามองว่าการเข้าซื้อ BFIT จะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตในปี 2018 ซึ่งนอกจากจะเป็นช่องทางในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนต่ำลงแล้ว แต่ยังทำให้มีแหล่งเงินทุนที่มั่นคงแน่นอน รวมถึงรายได้ค่าบริการที่จะเข้า
มาจาก BFIT เพื่อขยายพอร์ตสินเชื่อ ล่าสุดวานนี้ BFIT ประกาศเข้าทำสัญญาบริหารจัดการสินเชื่อกับบริษัท
ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 2014 เพื่อรับบริการบริหารจัดการสินเชื่อแบบมีหลักประกันในด้านต่างๆ เพื่อสนับสนุน
แผนการขยายธุรกิจสินเชื่อแบบมีหลักประกันของบริษัท ซึ่งจะครอบคลุมการให้บริการสินเชื่อที่สำคัญทั้ง
งานบริการด้านสินเชื่อ, งานบริการรับชำระหนี้ และงานบริการจัดการหนี้ โดยสัญญาจะครอบคลุมระยะเวลา 1
ก.ค.60 – 30 มิ.ย. 62 คิดเป็นมูลค่าของสัญญาบริการ 1.89 พันล้านบาท ซึ่งเรายังไม่ได้รวมงานดังกล่าวเข้า
ไปในประมาณการ เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 60 บาท
KSL: Expensive valuation; further FY17 earnings cut
เรามองว่าการประมูลโรงไฟฟ้า SPP hybrid firm ที่คาดจะเกิดขึ้นใน ธ.ค. จะเป็นปัจจัยหนุนในระยะสั้น แต่ใน
แง่ของการดำเนินงาน (COD) จะเกิดขึ้นจริงในปี 2019 อย่างเร็วที่สุด ในขณะที่ปัจจัยลบในระยะสั้นคือกำไร
ใน 4Q17 ที่ต่ำกว่าคาด จากปริมาณขายเอทานอลและไฟฟ้าที่ต่ำกว่าคาด โดยรวมเราปรับประมาณการกำไร
หลักปี 2017 ลง 31% มาที่ 763 ล้านบาท สำหรับภาพระยะกลางยังคงถูกดดันจากอุปทานส่วนเกินของ
น้ำตาลในตลาดโลกในงวดปี 2017/18 เรายังคงคำแนะนำ ขาย
Weekly (Tactical) Portfolio
เราปรับพอร์ตลงทุนระยะสั้น โดยล็อกกำไร CENTEL
หุ้นมีข่าว/ประเด็น
(0) ITEL บอร์ด "กสทช." มีมติเห็นชอบลงนามเน็ตชายขอบ 3,920 หมู่บ้าน ภายในเดือน ก.ย.นี้ ล่าช้า 1
เดือน คาดว่าเริ่มเปิดบริการปลายเดือน ธ.ค.60 และอนุมัติ Network Code ให้ MCOT ทำเพย์ทีวี จ่อเลือก
ประธาน กสทช.คนใหม่ 26 ก.ย.นี้ การเซ็นสัญญาล่าช้ากว่าที่เราคาดไว้ว่าจะเซ็นในวันที่ 20 ก.ย. (ที่มา
นสพ. ข่าวหุ้น/BLS Research)
(*) WORK บริษัทแจ้งตลาดนายปัญญา นิรันดร์กุลและนายประภาส ชลศรานนท์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นราย
ใหญ่และกรรมการของบริษัท ได้ขายหุ้นจำนวน 16 ล้านหุ้น คิดเป็น 3.80% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว
ของบริษัทฯ แก่ผู้ลงทุนในประเทศและต่างประเทศ โดยเป็นการขายให้แก่ผู้ลงทุนในวงจำกัดแบบข้ามคืน
(Overnight Bookbuilding Transaction) ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ราคา 81 บาทต่อหุ้น
มูลค่ารวม 1,296 ล้านบาท (ที่มา ตลท.)
(+) ASAP ขยายช่องทางออนไลน์จับมือพันธมิตรขายรถครบสัญญาเช่าผ่านเว็บไซต์ หวังดันราคาขาย
ต่อหน่วยเพิ่ม คาดช่วยทำราคาและดันกำไรจากการขายรถมือสองได้เพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 15% (ที่มา นสพ.
ทันหุ้น)
(+) NOK เพิ่มทุนผ่านฉลุย คาดได้เงินราว 1,700 ล้านบาท เดินหน้าตามแผนฟื้นฟู มุ่งเพิ่มรายได้ ลด
รายจ่าย พร้อมเปิดฤกษ์เครื่องบินลำใหม่เพิ่ม 1 ลำ เล็งขยายเส้นทางในประเทศ-ต่างประเทศ ประเดิม 5
เส้นทางในเมืองรองของจีน เริ่มปลายเดือนกันยายน 2560 มั่นใจอัตราขนส่งผู้โดยสาร (Cabin Factor) โต
ตามเป้า 80% (ที่มา นสพ. ทันหุ้น)
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
(+) พฤหัสนี้ ปธน.สหรัฐฯ-เกาหลีใต้ และนายกญี่ปุ่น ประชุมนอกรอบก่อน UN หารือแนวทางแก้ปัญหา
เกาหลีเหนือ (คาดความเสี่ยงปัญหาเกาหลีเหนือ ส่งผลต่อหุ้นสหรัฐ และ เอเชียเหนือ แต่มองเป็นบวกต่อหุ้น
S.E Asia โดยเฉพาะไทยที่ Laggard ภูมิภาค)
(+) การประชุมธนาคารกลาง เช่น FOMC, BOJ, ธนาคารกลางอินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์ ในสัปดาห์นี้คาด
ส่งสัญญาณนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย โดยตลาดคาดเฟดคงดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ และ มีโอกาส
ไม่ขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธค.โดย 53% คาดคงดอกเบี้ย และ 45% คาดขึ้นดอกเบี้ย
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค