- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 21 September 2017 17:02
- Hits: 2490
บล.ธนชาต : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
เกิดอะไรขึ้นวันก่อน: Trading Range: 1,660-1,690
SET เคลื่อนไหวแคบปิด -0.12% ที่ 1,670.65 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.4 หมื่นล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขาย 1.9 พันล้านบาท
เรามองอย่างไร:
US Bond Yield 10 เร่งตัวขึ้นใกล้ 2.3%, เงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้น หลัง Fed จะเริ่มลดขนาดสินทรัพย์ US$1 หมื่นล้าน/เดือน ตั้งแต่ ต.ค.นี้ และมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในเดือน ธ.ค.นี้ แม้ปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อปีนี้ลงเหลือ 1.5% (เดิม 1.7%) และปี 2018 ลงเหลือ 1.9% (เดิม 2%) และราคาน้ำมันดิบ Brent +2.1% ทำจุดสูงสุดของปี...มองกลุ่มพลังงาน (PTT PTTGC - ผลดีน้ำมันปรับสูงขึ้น), โรงแรม (MINT CENTEL ERW - เข้าสู่ช่วง High Season) และค้าปลีก (CPALL ROBINS - ยอดขายฟื้น) จะให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาด
ทำอะไรดี:
1.'ซื้อ' TISCO (TP 90 บาท) และ KKP (TP 77 บาท) ผลดีจากตลาดหุ้นปรับสูงขึ้นผ่านทั้งธุรกิจหลักทรัพย์, บริหารสินทรัพย์ และ IB
2.'ซื้อ' PTT ผลดีจากราคาน้ำมัน Brent ปรับสูงขึ้นทำจุดสูงสุดของปี, ค่าการกลั่นสูง, กำไรสต็อกน้ำมันใน 3Q17 และ unlock ธุรกิจค้าปลีกผ่านการนำ PTTOR เข้าตลาดปลายปี 2018-ต้นปี 2019
3.'ซื้อ'HANA ความต้องการ Semiconductor โลกฟื้น เงินบาทอ่อนค่า
Tactical Portfolio (1-3 months):
'ถือ' AMATA BEAUTY EA ESSO KBANK KKP PTT SAWAD STEC และ WHA ต่อไป (ไม่เปลียนแปลง)
Fundamental:
TISCO : 'ซื้อ'พื้นฐาน 90 บาท (เดิม 85 บาท)...ตลาดหุ้นไทยที่ปรับสูงขึ้นจะหนุนรายได้ค่าธรรมเนียม ซึ่งคิดเป็น 54% ของกำไรก่อนการตั้งสำรอง (และ 39% ของรายได้ค่าธรรมเนียมมาจากธุรกิจหลักทรัพย์, กองทุน, และ IB) มอง PE18 9.2x และผลตอบแทนปันผล 5.4% น่าสนใจลงทุน
CPF : 'ถือ' พื้นฐาน 29 บาท...Feedback จาก NDR ที่ US ให้การตอบรับที่ดีจากนักลงทุนสถาบัน จากการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ และโอกาสการเติบโตในอนาคต ขณะที่ความเสี่ยงหลักยังมาจากธุรกิจเนื้อสัตว์ที่มีความผันผวน และยังมีสัดส่วนสูง 36% ของรายได้
Today's News:
Fed: คงดอกเบี้ยที่ 1-1.25% และจะเริ่มลดขนาดงบดุลตั้งแต่ ต.ค.นี้เป็นต้นไป เริ่มที่ US$1 หมื่นล้าน/เดือน และค่อยๆ ปรับเพิ่มขึ้นทีละ US$1 หมื่นล้าน/เดือนทุกๆ 3 เดือน แต่จะไม่เกิน US$5 หมื่นล้าน/เดือน ยังมองโอกาสขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งภายในปีนี้ หนุน Implied Fed Fund Futures ขึ้นดอกเบี้ยเดือน ธ.ค.สูงขึ้นเป็น 64% และ Bond yield 10 ปีเร่งตั้วขึ้นเป็น 2.3%
Technical Story: Technical SET range: 1,654-1,690
หาจังหวะสะสม ช่วง SET พักฐาน: (รายงาน The Technical Story)
SET พักฐานระหว่างวัน แต่กลับมายืนเหนือ 1,670 จุดได้ เริ่มเห็นการสลับกลุ่มเล่น มีด่านถัดไปที่ 1,678-80 จุด ผ่านได้มีเป้าหมายที่ 1,690 แนะนำถือหุ้นเพื่อ Let Profit Run แม้ระยะสั้นต้องระวังการพักฐาน อาจใช้เป็นจังหวะสะสมหุ้นที่แนวรับ 1,664 และถัดไปที่ 1,654 จุด
หุ้นแนะนำ:
BCH เข้าซื้อเพิ่ม เป้าหมาย 16 บาท
BCPG เข้าซื้อเพิ่ม เป้าหมาย 18 บาท
Derivatives Recommendation:(ดูรายงาน The Derivatives Story)
'ถือ' Long S50U17 เป้าหมาย 1,110 จุด...Trailing Stop 1,045 จุด
'Long' Block TISCO เป้าหมาย 75.75 / 78 บาท...Leverage 12x
TradeCode: Buy >KKP, TIPCO, SPA
Tactical Portfolio (1-3 เดือน)
Tactical Portfolio : Tactical Portfolio ให้ผลตอบแทน +0.6% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ต่ำกว่า SET ที่ให้ผลตอบแทน +1.5% โดย AMATA KBANK ESSO และ WHA ให้ผลตอบแทนสูงทีสุด หรือ +3.9%, +2.9%, +2.6% และ +1.8% ตามลำดับ ขณะที่ EA และ KKP ให้ผลตอบแทนต่ำที่สุดในพอร์ต -3.2% และ -2.2% ตามลำดับ...ทั้งนี้เรามองการอ่อนตัวลงของ EA และ KKP เป็นโอกาส "ซื้อ" ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) EA มีแนวโน้มรายงานกำไร 3Q17 เติบโตแข็งแกร่ง จากกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม "หาดกังหัน" 126MW 2) KKP เป็นหุ้นใหญ่ที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง 8.9% ต่อปี...ทั้งนี้เราแนะนำ "ถือ" หุ้นทั้ง 10 ตัวต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ได้แก่ AMATA BEAUTY EA ESSO KBANK KKP PTT SAWAD STEC และ WHA
KKP (TP 77 บาท)...แนะนำ "ซื้อ" KKP จาก 1) เป็น Laggard play ในกลุ่มธนาคาร โดยราคาปรับสูงขึ้น +0.36% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เทียบกับธนาคารขนาดใหญ่ปรับสูงขึ้น 6-13% 2) ผลดีจากปริมาณการซื้อขายหุ้นเพิ่มขึ้นหนุนกำไรธุรกิจหลักทรัพย์ ขณะที่กองฯ Thailand Futures Fund คาดเริ่ม roadshow พ.ย.นี้ ระดมทุน 1Q18 3) ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง 8.7% 4) ดอกเบี้ยในประเทศยังต่ำนาน กดต้นทุนการเงินต่ำ และ 5) เริ่มมีสัญญาณ "บวก" จาก indicator ทางเทคนิคอย่าง Stochastic
Siam Senses Portfolio (6-12 เดือน)
หุ้นใน Siam Senses Portfolio
AMATA : ผู้พัฒนานิคมที่จะได้รับประโยชน์โดยตรงและมากที่สุดจากโครงการ EECทั้งในแง่ของมูลค่าที่ดินและยอดขายที่สูงขึ้น และได้ประโยชน์จาก FDI เวียดนามที่แข็งแกร่งผ่านบริษัทย่อย AMATAV (ถือหุ้น 73%)
AOT: ได้ประโยชน์ทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวฟื้นตัวและการประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ปีหน้า
BEAUTY : เป็นหุ้น growth stock ที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง และได้ market share ที่สูงขึ้น
CPALL : ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ที่แข็งแกร่ง เติบโตสูงจากการขยายสาขาและเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นจากสินค้าใหม่ที่มี margin สูง
DTAC : มูลค่าถูก ปลดล็อคความเสี่ยงสัมปทาน และความสามารถในการทำกำไร
EA : เป็นหุ้น growth stock ยังโตสูงต่อเนื่องถึงปี 2019 จากสัญญาในมือที่จะทยอยดำเนินการ และมีโอกาสโตมหาศาลต่อเนื่องจาการขยายธุรกิจสู่แบตเตอรี่เก็บกักพลังงานซึ่งเป็นแนวโน้มของการพัฒนาอุตสาหกรรมไฟฟ้า
KBANK : ได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากเศรษฐกิจฟื้นตัว
KCE : ฐานธุรกิจกลุ่มรถยนต์ที่มั่นคง เติบโตจากการขยายโรงงานและ market share ที่มากขึ้น
PTT : ธุรกิจก๊าซหนุนกำไรโตแข็งแกร่ง
STEC : ด้วยมูลค่างานในมือ 1 แสนล้านบาท คาดว่ากำไรจะเติบโต 45% ปี 2017 และ 41% ปี 2018
Thai Strategy Team
อดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล
วิชนันท์ ธรรมบำรุง