- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 20 September 2017 17:02
- Hits: 2604
บล.ธนชาต : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
เกิดอะไรขึ้นวันก่อน: Trading Range: 1,660-1,690
SET แกว่งตัวระหว่างวัน ปิด +0.14% ที่ 1,672.59 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.9 หมื่นล้านบาท ต่างชาติกลับมาขายสุทธิ 614 ล้านบาท
เรามองอย่างไร:
SET มีโอกาสแกว่งตัวระหว่างวันต่อเนื่องวันนี้ กรอบ 1,665-1,678 จุด รอผลการประชุม FOMC คืนนี้ที่คาดว่าจะมีความชัดเจนต่อการลดขนาดงบดุล (Balance sheet normalization) และโอกาสที่จะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค.นี้ ล่าสุด Bond yield 10 ปีสหรัฐฯ ปรับขึ้นมาที่ 2.24%...สำหรับภาพระยะสัปดาห์ยังมองเป้าหมายการปรับสูงขึ้นไปที่ 1,690 จุด ต่อไป
ทำอะไรดี:
1.'ซื้อ' กลุ่มโรงแรม ที่กำลังเข้าสู่ช่วง High Season ใน 4Q แนะนำ "ซื้อ" CENTEL ERW และ MINT ที่ยังเป็น laggard play
2.'ซื้อ' กลุ่มธนาคารขนาดกลางที่เป็น Laggard play ได้แก่ a) KKP ราคาหุ้น +0.36% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ปันผลสูง 8.7% และผลดีจากปริมาณการซื้อขายหุ้นเพิ่มขึ้นหนุนกำไรธุรกิจหลักทรัพย์ ขณะที่กองฯ Thailand Futures Fund คาดเริ่ม roadshow พ.ย.นี้ ระดมทุน 1Q18 และ b) TISCO ราคาหุ้น +3.4% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา, ผลดีจากธุรกิจหลักทรัพย์ดีขึ้นตามปริมาณการซื้อขายหุ้นเพิ่ม, รับรู้รายได้จากธุรกิจ Retail ของ SCBT ปี 2018 เต็มปี
Tactical Portfolio (1-3 months):
"ถือ" AMATA BEAUTY EA ESSO KBANK KKP PTT SAWAD STEC และ WHA ต่อไป (ไม่เปลียนแปลง)
Fundamental:
AOT : "ซื้อ" พื้นฐาน 60 บาท...คาดบันทึกค่าเช่าย้อนหลังตั้งแต่ปี 2013-17 ไม่เกิน 1.5 พันล้านบาทปีนี้ กระทบคาดการณ์กำไรประมาณ 6-7% ขณะที่จะบันทึกค่าเช่าส่วนเพิ่ม 1 พันล้านบาท/ปี ตั้งแต่ FY2018 เป็นต้นไป...แม้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่จะ 1) ปลดล็อกความกังวลต่อประเด็นนี้ 2) สามารถดำเนินการประมูลสัมปทานร้านค้าปลอดภาษี และโครงการ Airport City ได้
Fund Selection : แนะนำ "ซื้อ" กองฯ KF-GBRAND เน้นลงทุนหุ้นคุณภาพมีแบรนด์สินค้าแข็งแกร่ง ยั่งยื่น ที่ผ่านมา 16 ปีมีขาดทุนเพียง 1 ปีเท่านั้น และสามารถลงทุนกองฯ KFGBRANRMF สำหรับลงทุนเพื่อประหยัดภาษี (RMF) ด้วย
Today's News:
EEC : ครม.เห็นชอบ พ.ร.บ.เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยจะนำเข้าที่ประชุม สนช.ต่อใช้เวลาประมาณ 4-5 เดือนออกเป็นกฎหมาย...มองเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มนิคมฯ และธุรกิจไฟฟ้าที่ขายในนิคมฯ แนะนำ "ซื้อ" AMATA (ราคาหุ้นต่ำกว่า NAV), WHA (เป็น laggard play เทียบกับ AMATA) และ WHAUP (กำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่ม)
Technical Story: Technical SET range: 1,650-1,690
หาจังหวะสะสม หาก SET พักฐาน: (รายงาน The Technical Story)
SET พักฐานระหว่างวัน แต่กลับมายืนเหนือ 1,670 จุดได้ เริ่มเห็นการสลับกลุ่มเล่น มีด่านถัดไปที่ 1,678-80 จุด ผ่านได้มีเป้าหมายที่ 1,690 แนะนำถือหุ้นเพื่อ Let Profit Run แม้ระยะสั้นต้องระวังการพักฐาน อาจใช้เป็นจังหวะสะสมหุ้นที่แนวรับ 1,662 ถัดไปที่ 1,654 จุด
หุ้นแนะนำ:
JWD รอซื้อเพิ่มเมื่อทะลุ 11.50 เป้าหมาย 12.50 บาท
UV ซื้อเพิ่ม เป้าหมาย 11.50 บาท
Derivatives Recommendation:(ดูรายงาน The Derivatives Story)
'ถือ'Long S50U17 เป้าหมาย 1,110 จุด...Trailing Stop 1,045 จุด
'Long' Block TISCO เป้าหมาย 75.75 / 78 บาท...Leverage 12x
TradeCode: Buy >MINT, TISCO, INET
Tactical Portfolio (1-3 เดือน)
Tactical Portfolio : Tactical Portfolio ให้ผลตอบแทน +0.6% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ต่ำกว่า SET ที่ให้ผลตอบแทน +1.5% โดย AMATA KBANK ESSO และ WHA ให้ผลตอบแทนสูงทีสุด หรือ +3.9%, +2.9%, +2.6% และ +1.8% ตามลำดับ ขณะที่ EA และ KKP ให้ผลตอบแทนต่ำที่สุดในพอร์ต -3.2% และ -2.2% ตามลำดับ...ทั้งนี้เรามองการอ่อนตัวลงของ EA และ KKP เป็นโอกาส "ซื้อ" ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) EA มีแนวโน้มรายงานกำไร 3Q17 เติบโตแข็งแกร่ง จากกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม "หาดกังหัน" 126MW 2) KKP เป็นหุ้นใหญ่ที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง 8.9% ต่อปี...ทั้งนี้เราแนะนำ "ถือ" หุ้นทั้ง 10 ตัวต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ได้แก่ AMATA BEAUTY EA ESSO KBANK KKP PTT SAWAD STEC และ WHA
KKP (TP 77 บาท)...แนะนำ "ซื้อ" KKP จาก 1) เป็น Laggard play ในกลุ่มธนาคาร โดยราคาปรับสูงขึ้น +0.36% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เทียบกับธนาคารขนาดใหญ่ปรับสูงขึ้น 6-13% 2) ผลดีจากปริมาณการซื้อขายหุ้นเพิ่มขึ้นหนุนกำไรธุรกิจหลักทรัพย์ ขณะที่กองฯ Thailand Futures Fund คาดเริ่ม roadshow พ.ย.นี้ ระดมทุน 1Q18 3) ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง 8.7% 4) ดอกเบี้ยในประเทศยังต่ำนาน กดต้นทุนการเงินต่ำ และ 5) เริ่มมีสัญญาณ "บวก" จาก indicator ทางเทคนิคอย่าง Stochastic
Siam Senses Portfolio (6-12 เดือน)
หุ้นใน Siam Senses Portfolio
AMATA : ผู้พัฒนานิคมที่จะได้รับประโยชน์โดยตรงและมากที่สุดจากโครงการ EECทั้งในแง่ของมูลค่าที่ดินและยอดขายที่สูงขึ้น และได้ประโยชน์จาก FDI เวียดนามที่แข็งแกร่งผ่านบริษัทย่อย AMATAV (ถือหุ้น 73%)
AOT : ได้ประโยชน์ทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวฟื้นตัวและการประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ปีหน้า
BEAUTY : เป็นหุ้น growth stock ที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง และได้ market share ที่สูงขึ้น
CPALL : ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ที่แข็งแกร่ง เติบโตสูงจากการขยายสาขาและเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นจากสินค้าใหม่ที่มี margin สูง
DTAC : มูลค่าถูก ปลดล็อคความเสี่ยงสัมปทาน และความสามารถในการทำกำไร
EA : เป็นหุ้น growth stock ยังโตสูงต่อเนื่องถึงปี 2019 จากสัญญาในมือที่จะทยอยดำเนินการ และมีโอกาสโตมหาศาลต่อเนื่องจาการขยายธุรกิจสู่แบตเตอรี่เก็บกักพลังงานซึ่งเป็นแนวโน้มของการพัฒนาอุตสาหกรรมไฟฟ้า
KBANK : ได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากเศรษฐกิจฟื้นตัว
KCE : ฐานธุรกิจกลุ่มรถยนต์ที่มั่นคง เติบโตจากการขยายโรงงานและ market share ที่มากขึ้น
PTT : ธุรกิจก๊าซหนุนกำไรโตแข็งแกร่ง
STEC : ด้วยมูลค่างานในมือ 1 แสนล้านบาท คาดว่ากำไรจะเติบโต 45% ปี 2017 และ 41% ปี 2018
Thai Strategy Team
อดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล
วิชนันท์ ธรรมบำรุง