- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 20 September 2017 16:57
- Hits: 1974
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตลาดปรับตัวขึ้นเล็กน้อย แกว่งตัวผันผวนก่อนที่จะทิ้งตัวลงแรงเข้าสู่แดนลบเป็นแรงขายจากหุ้นในกลุ่มสื่อสาร และแบงก์ ทำจุดต่ำสุดของวันที่ 1663.95 จุด ลดลง 6.25 จุด ก่อนที่จะมีแรงซื้อกลับจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน และขนส่ง ดึงดัชนีกลับขึ้นมายืนแดนบวก ขึ้นทำจุดสูงสุดของวันที่ 1675.14 จุด เพิ่มขึ้น 4.94 จุด ทำให้มีกรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันที่ 11.19 จุด ทั้งนี้หุ้นที่มี Impact ต่อการกลับขึ้นมายืนบวกของดัชนีได้แก่ AOT, PTT, PTTEP, PRM, LH, PTTGC ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1672.59 จุด เพิ่มขึ้น 2.39 จุด (+0.14%) มูลค่าการซื้อขาย 68,717 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
ดัชนีวานนี้เริ่มชะลอตัว โดยไม่ทำ High (1675) ใหม่ และไม่ทำ Low (1663) ต่ำกว่าวันก่อนหน้า เป็นการแกว่งตัวออกข้าง ที่ยังทรงตัวยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน (1661) ก่อนที่จะทำปิดที่ 1672 จุด จากภาพดังกล่าวจะเห็นว่าดัชนีเริ่มที่ชะลอ ทำให้มีโอกาสสลับพักตัวบ้าง โดยหากยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 วันได้ ยังเป็นแนวโน้มที่อาจจะขยับ High ขึ้นได้เรื่อย ๆ แต่ในทางกลับกันหากยืนไม่อยู่ จะมีแนวรับ 1648 จุด สำหรับระยะสั้นมองแนวรับ 1660-1665 จุด แนวต้าน 1676-1680 จุด
มีโอกาสการชะลอตัวในลักษณะออกข้างที่ควรยืน 1660 ให้อยู่
Support 1660-1655 จุด Resistance 1690-1700 จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์ Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110 Tel 02- 6481124
Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
'ชะลอซื้อรอ FOMC +ลุ้นแนวรับสำคัญ 1670'
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : คาดดัชนีฯจะมีความผันผวนมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจาก ดัชนีฯปรับตัวขึ้นมากว่า 6% โดยแทบไม่ได้หยุดพัก กอรปกับการขึ้นแตะ 1670 จุด จึงมีแรงขายออก .... คาดนักลงทุนจะรอผลการประชุม FOMC ที่จะทราบผลคืนนี้ (20) เนื่องจากจะมีผลต่อทิศทางดอกเบี้ยและ QE ของสหรัฐฯ ด้านการประชุม ครม. วานนี้ 2 เรื่องที่มีผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค คือ มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว วงเงิน 8.72 หมื่นลบ. และ มาตรการภาษีส่งเสริมการประกันสุขภาพให้นำเบี้ยหักลดหย่อนได้ เรามองเป็นบวกต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่จะสูงขึ้น ซึ่งเป็นบวกต่อตลาดหุ้น ... ขณะที่ กระแสข่าวว่า กนง.อาจพิจารณาปรับลดดอกเบี้ย ในการประชุม 27 ก.ย.นี้ อาจมีผลกระทบทางจิตวิทยาต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร
กลยุทธ์การลงทุน : คาด Fund Flow จะยังเข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง การปรับฐานในระหว่างวันทำให้ดัชนีฯ เรามองเป็นจังหวะของการซื้อหุ้น โดยเน้นไปที่หุ้นอิงการฟื้นตัวทางด้านกำลังซื้อผู้บริโภค หุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หรือคาดผลการดำเนินงาน 3Q ออกมาดี โดยส่วนใหญ่ของรอบนี้ เราเน้นไปหุ้นขนาดกลางหรือใหญ่ ที่เป็นเป้าหมายของนักลงทุนสถาบันฯ ..... สำหรับนักเก็งกำไรช่วงสั้น หากดัชนีฯ มีแนวโน้มลงไปต่ำกว่า 1670 จุด หรือพักฐาน แนะเลือกขายทำกำไรหุ้นบางส่วน โดยเฉพาะหุ้นที่ราคาขึ้นมามากในช่วงที่ผ่านมา
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน: สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ CPALL, HANA, RJH , SCC, SNC*
หุ้นแนะนำทางเทคนิค : UV, ECL, IHL
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
(+) TOURISM : จำนวนนักท่องเที่ยวเดือน ส.ค. 2017 อยู่ที่ 3.13 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.7% YoY โดยนักท่องเที่ยวจีนทำสถิติสูงสุดใหม่เติบโตได้ถึง10.3% YoY
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (19 ก.ย.) ปิดที่ระดับ 1,672.59 จุด เพิ่มขึ้น 2.39 จุด หรือ +0.14% มูลค่าการซื้อขาย 68,717.12 ล้านบาท ตลาดยังได้แรงหนุนจาก Fund Flow ที่ไหลเข้าในตลาดต่อเนื่อง ในขณะที่นักลงทุนบางส่วนยังรอผลการประชุม Fed ในวันที่ 19-20 ก.ย. นี้
ตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,370.80 จุด เพิ่มขึ้น 39.45 จุด หรือ +0.18% ดัชนีดาวโจนส์ยังคงปรับตัวขึ้นทำ New High จากแรงซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มการเงินต่อเนื่องจากวานนี้รอรับการประชุม Fed .... เช่นเดียวกับ Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น +0.04% ปิดที่ 382.12 จุด
ปัจจัยต่างประเทศ : ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ มีมุมมองต่อตลาดต่างประเทศเช่นเดียวกับวันก่อน นั่นคือยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามายังตลาด นักลงทุนยังติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯที่เริ่มขึ้นวานนี้ โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่าโอกาสที่ Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้มีมากขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นมา
การเลือกตั้งที่เยอรมันจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 ก.ย. เราคาดว่าประเด็นนี้จะเริ่มเป็นที่พูดถึงมากขึ้นในช่วงเวลาอันสั้นนี้ เรามองว่าประเด็นนี้จะเป็นบวกต่อตลากเนื่องจากปัจจุบันโอกาสที่พรรค CDU/CSU (นาง Angela Merkel เป็นหัวหน้าพรรค) จะชนะการเลือกตั้งมีสูง โดยโพลปัจจุบันระบุว่า โอกาสที่พรรค CDU/CSU จะชนะอยู่ที่ประมาณ 36-38% ในขณะที่พรรคคู่แข่ง SPD อยู่ที่เพียง 20-24%
ประเด็นเกาหลีเหนือเป็นลบเล็กน้อยหลังปธน.ทรัมป์ กล่วว่า "พร้อมทำลายเกาหลีเหนือให้สิ้นซาก หากสหรัฐถูกคุกคาม"
ราคาน้ำมันเป็นบวก ปรับตัวขึ้นเข้าใกล้ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 43 เซนต์ หรือ -0.9% ปิดที่ 49.48 ดอลลาร์/บาร์เรล จากการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐจะปรับตัวเพิ่มขึ้น และการคาดการณ์จากรัฐบาลสหรัฐฯที่ว่าการผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) จะเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 10 ในเดือนต.ค.
ปัจจัยในประเทศ : วานนี้ มติ ครม. ที่สำคัญออกมา 3 เรื่อง ได้แก่ การเห็นชอบร่าง EEC เป็นบวกต่อกลุ่มนิคมฯ, มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าวปี 60/61 วงเงิน 8.72 หมื่นล้านบาท เป็นบวกต่อกำลังซื้อโดยรวม, มาตรการภาษีส่งเสริมการประกันสุขภาพให้นำเบี้ยหักลดหย่อนได้ เป็นบวกต่อกลุ่มโรงพยาบาลและประกันชีวิต นอกจากนี้ รฟม. ยังมีการพูดถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกมูลค่า 109,342 ล้านบาท คาดจะเข้า ครม. ภายใน พ.ย.-ธ.ค. ในรูปแบบบ PPP
หุ้นนำเสนอข้อมูลในงาน Opp Day วันนี้ได้แก่ NWR, PPS
Stock in Focus
หุ้น เหตุผล
CPALL(ราคาปิด 65.00) ด้วยความเป็นหุ้นขนาดใหญ่ ที่น่าจะเริ่มดูดีขึ้น หลังจากผ่านช่วงกำไรที่ชะลอตัวลง และน่าจะกลับมาปกติในช่วง 4Q-17 เป็นต้นไป .... ระยะสั้น เราคาด 3Q17 จะเป็นช่วงหน้าฝนตามฤดูกาล และการจับจ่ายใช้สอยจะยังไม่คึกคักเนื่องจากใกล้ช่วงพระราชพิธีไว้อาลัยและการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านเครื่องดื่มยังคงจำกัด อย่างไรก็ตาม ไตรมาสสุดท้ายจะเป็นช่วงที่การบริโภคอยู่ในระดับสูงตามเทศกาลรวมถึงช่วงพระราชพิธีไว้อาลัยผ่านพ้นไป ซึ่งจะทำให้ปริมาณการจำหน่ายปรับขึนใน 4Q17 .... ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST 71.00 บาท คำแนะนำลงทุน 'ซื้อ"
HANA(ราคาปิด 46.25) ราคาหุ้นปรับตัวลงไปมากช่วงก่อนหน้านี้ และจากการคาดการณ์ค่าเงินบาทจะไม่แข็งค่าไปกว่านี้ เรามอง HANA จะได้รับผลบวกจากประเด็นดังกล่าว.... ไตรมาส 3 เป็นช่วง High season ของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ คาดว่า HANA จะมีผลประกอบการ 2H17 สูงกว่า 1H17 คาดกำไรสุทธิทั้งปี 2017 ที่ 2,932 ล้านบาท เติบโต 39.3% YoY …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 57.00 บาท)
RJH(ราคาปิด 25.00) เราแนะนำ RJH ต่อเนื่องจากวันก่อน และยังเลือก RJH เป็น Top Pick ของหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลด้วย โดยเราทำการปรับกำไรสุทธิสำหรับปี 2017 ขึ้น 7.5% เป็น 215 ล้านบาทจากการปรับขึ้นค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยในที่มีค่าใช้จ่ายสูงจากการที่สำนักงานประกันสังคม (สปส.) เป็น 12,800 บาท/RW จากเดิมอยู่ที่ 10,000 บาท/RW และคาด 3Q17 จะเติบโตได้สูงประมาณ +20% ทั้ง YoY และ QoQ จากการปรับค่ารักษาพยาบาล, การระบาดของไข้หวัดใหญ่, และการเพิ่มจำนวนเตียงอีก 18 เตียงเพื่อรองรับช่วง High Season .... (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 33.00 บาท)
SCC(ราคาปิด 506.00) Spread ของราคาเม็ดพลาสติกสัปดาห์ที่ผ่านมามีแนวโน้มที่ดีขึ้น และด้วยการลงทุนภาครัฐที่ออกมามากในช่วงนี้ส่งผลบวกต่อธุรกิจวัสดุก่อสร้างของ SCC ซึ่ง อีกทั้ง SCC ถือเป็นหุ้นใหญ่นาตลาด ซึ่ง Flow ที่เข้ามาในช่วงนี้จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยบวกให้กับ SCC .... (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 624.00 บาท)
SNC*(ราคาปิด 15.00) มองกำไรของ SNC จะสามารถกลับมาเติบโตได้ จากอัตรากำไรขั้นต้นที่คาดว่าจะสูงขึ้น, การคืนเงินกู้เพื่อลดดอกเบี้ย, และการขายหุ้นในบริษัทที่ไม่สร้างผลกำไรออกไป .... Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 เติบโต +10% YoY ที่ 442 ล้านบาท และเติบโตอีก +4.7% ในปี 2018 ที่ 463 ล้านบาท .... (ราคาเหมาะสม โดย Bloomberg ที่ 15.40 บาท)
Source: KTBST Research
Sector / Stock Updates
(+) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม, โรงพยาบาล, ประกันชีวิต 3 มาตรการหลัก ในการประชุม ครม. วานนี้มีสรุปได้ดังนี้
1...เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ฉะเชิงเทรา-ชลบุรี-ระยอง
2...ไฟเขียวมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าวปี 60/61 วงเงิน 8.72 หมื่นลบ.
3...ครม.เห็นชอบมาตรการภาษีส่งเสริมการประกันสุขภาพให้นำเบี้ยหักลดหย่อนได้
ทั้งสามมาตรการ ถือว่า เป็นบวกต่อกำลังซื้อของประชาชน เพราะมีการใส่เงินเข้าระบบหรือเพิ่มเงินเข้ามาในระบบ โดยเฉพาะ (2) และ (3) ก่อนหน้านี้มาตรการใหญ่ๆ จะเป็นมาตรการด้านการลงทุน ซึ่งมีผลต่อภาคธุรกิจเป็นหลัก
เรามองเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นโดยตรง สำหรับมาตรการที่ (3) มาตรการภาษีส่งเสริมการประกันสุขภาพให้นำเบี้ยหักลดหย่อนได้ นั้น นอกจากจะเป็นบวกต่อบริษัทประกันชีวิต (BLA และบริษัทประกันในเครือธนาคาร) จะเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล ทุกแห่งด้วย เนื่องจาก จะมีคนเข้ามารักษาโดยใช้สิทธินี้มากขึ้น
ร่าง พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ฉะเชิงเทรา-ชลบุรี-ระยอง ก็มีความคืบหน้า กำหนดการเดิม ที่นักลงทุนจะเริ่มลงทุน คือ ช่วงไตรมาสที่สองของปี 2018 ราคาหุ้นที่ได้ประโยชน์ อาทิ กลุ่มนิคมฯ (AMATA, WHA, ROJNA, TICON) และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง (WICE,ATP30,JWD ) อย่างไรก็ตามรายงานระบุว่าพื้นที่ในเขต EEC รวมถึงพื้นที่ สปก. (พื้นที่ที่ไม่ใช่เขตนนิคมฯ) ซึ่งจะส่งผลให้กลุ่มนิคมฯเป็นบวกไม่มาก
ข้อมูลสัดส่วนรายได้จากลูกค้ากลุ่มประกันสุขภาพ (ไม่รวมประกันสังคม ประกันสุขภาพถ้วนหน้า และ Contract) ของโรงพยาบาล ที่เรามีข้อมูล
BH สัดส่วนรายได้ 15%
BDMS สัดส่วนรายได้ 25%
RJH สัด่สวนรายได้ 15%
(+) กลุ่มท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยวเดือน ส.ค.2017 อยู่ที่ 3.13 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.7% YoY โดยนักท่องเที่ยวจีนทำสถิติสูงสุดใหม่เติบโตได้ 10.3% YoY
เรามองเป็นบวกต่อจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ยังให้น้ำหนักกลุ่มโรงแรมเป็น Overweight โดยมี MINT เป็น Top Pick ราคาเป้าหมายที่ 47 บาท เพราะมีสัดส่วนนักท่องเที่ยวจีน 12% ส่วน CENTEL นอกจากจะได้รับผลดีจากนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังมีปัจจัยบวกรออยู่จากการหาดีล M&A ในธุรกิจอาหารซึ่งคาดว่าจะประกาศภายในปีนี้ ราคาเป้าหมายที่ 47 บาท นอกจากนี้ เรามีมองเป็นบวกต่อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยวจีนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดใน 4Q17 อย่างเช่น AAV เพราะมีฐานลูกค้าจีนราว 20% ราคาเป้าหมายที่ 7.40 บาท รวมไปถึง SPA, BEAUTY ซึ่งจะได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
(+) FSMART นายสมชัย สูงสว่าง กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส (FSMART) เปิดเผยว่า บริษัทได้รับความไว้วางใจจาก บริษัท LINE ประเทศไทยในการเป็นตัวแทนจำหน่ายสติกเกอร์ไลน์ ด้วยการจ่ายเงินสดผ่านตู้บุญเติมที่มีการให้บริการกว่า 110,000 ตู้ทั่วประเทศ เริ่มให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย. ยังเพิ่มบริการจ่ายค่าไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ด้วยระบบออนไลน์ที่ตัดยอดทันทีหลังชำระเงินทุกตู้ ยกเว้นตู้หน้า 7-11 และ BTS ซึ่งเริ่มให้บริการไปแล้วเมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมาเช่นกัน
เรามองประเด็นดังกล่าวเป็นบวกเล็กน้อย โดยเราคาดว่าบริษัทจะมีกำไรเพิ่มขึ้นจากบริการจ่ายค่าไฟประมาณ 1.4 ล้านบาท ในขณะที่กำไรสุทธิของ FSMART อยู่ที่ระดับ 400 ล้านบาท ซึ่ง 1.4 ล้านบาท (จากประมาณการผู้ใช้บริการจ่ายค่าไฟ 1,000 รายต่อวัน) คิดเป็น EPS ที่ 0.0018 บาท/หุ้น คิดเป็นมูลค่าเพิ่มขึ้นเพียง 0.06 บาทต่อหุ้น (คิดจาก P/E ปัจจุบันที่ประมาณ 30 เท่า) ปัจจุบันยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเหมาะสมที่ 21.40 บาท
Source: KTBST Research
Analyst : Mongkol Puangpetra
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
+662 648 1127
[email protected]