- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 20 September 2017 16:50
- Hits: 1693
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้
Laggard Play
Smart Pick
1. สะสม CK : ราคาปิด 28.25 บาท ราคาเหมาะสม 36.50 บาท
a) ราคาหุ้น Laggard โดย YTD -8.8% สวนทาง NAV ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทลูก ได้แก่ BEM +7.4%, CKP +1.7% และ TTW +0.9%
b) อิงราคาปิดของ BEM, CKP, TTW วานนี้ เทียบเท่า NAV ต่อหุ้น CK หุ้นละ 31.79 บาท สูงกว่าราคาหุ้น CK ที่ 28.25 บาท สะท้อนให้เห็นว่าหุ้น Undervalue มาก และให้มูลค่าของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างติดลบ
c) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างมี Catalyst รออยู่ในช่วงที่เหลือของปี คือการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม และสายสีม่วงส่วนต่อขยาย และคาดว่า CK มีโอกาสสูงที่จะได้งานดังกล่าวเนื่องจาก BEM เป็นผู้เดินรถไฟฟ้าสายสีม่วงปัจจุบัน
2. สะสม MONO : ราคาปิด 4.06 บาท ราคาเหมาะสม 5.20 บาท
a) คาดกาไรสุทธิ 3Q60 ทาระดับสูงสุดใหม่จากเรตติ้งที่เพิ่มขึ้นจาก 0.897 ใน 2Q60 เป็นเฉลี่ย 0.96 ในเดือน ก.ค. และ ส.ค. 60 และมีการปรับขึ้นค่าโฆษณาขึ้น +37% YoY เป็น 28,000 บาทต่อนาที ใน 3Q60 จาก 3Q59 ที่ 20,300 บาทต่อนาที
b) มีมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการปี 2560 ที่จะพลิกกลับเป็นกาไร 162 ล้านบาท จากผลขาดทุน 250 ล้านบาทในปี 2559 แม้ว่าอุตสาหกรรมโฆษณาอาจชะลอตัวลงบ้างในช่วงเดือน ต.ค. จากเหตุการณ์พระราชพิธี แต่เป็นเพียงแค่ระยะสั้น และจะฟื้นตัวได้โดดเด่นจากการบริโภคที่ฟื้นตัวในปี 2561
c) ราคาหุ้นยัง Laggard โดย YTD ปรับตัวขึ้น +51% เทียบกับ WORK +90% และซื้อขายที่ระดับ PEG ปี 2561-2562 เพียง 0.25 เท่า เทียบกับกลุ่มสื่อที่ 1.8 เท่า
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
วานนี้ SET INDEX ลงไปทาจุดต่าสุดที่บริเวณ 1664 จุด ก่อนดีดตัวกลับขึ้นมาปิดที่ 1672.59 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.39 จุด มูลค่าการซื้อขายราว 6.9 หมื่นล้านบาท ด้านกระแสเงินทุน นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทาการราว 614 ล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบันในประเทศที่ขายสุทธิราว 736 ล้านบาท ด้านตลาดฟิวเจอร์ส นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Short สุทธิราว 1.3 หมื่นสัญญา นับเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันรวมกว่า 4.7 หมื่นสัญญา ส่งผลให้ QTD มีสถานะ Short สุทธิราว 8.4 หมื่นสัญญา และสถาบันในประเทศมีสถานะ Short สุทธิวานนี้ราว 1.1 พันสัญญา
กลยุทธ์วันนี้
เรามองทิศทาง SET INDEX วันนี้ แกว่งตัวในกรอบแคบ 1665-1675 จุด คาดว่า หุ้นขนาดใหญ่ (Big cap.) ที่เป็นตัวนาตลาด (Leader) ในช่วงก่อนหน้านี้ จะเริ่มพักฐาน โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ ที่ทยอยเปิดเผยรายงาน ธ.พ.1.1 ในสัปดาห์นี้ อีกทั้งนักลงทุนทั่วโลกต่างรอฟังผลการประชุมเฟดในค่าคืนนี้ จับตาการส่งสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยว่าจะมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ของปีหรือไม่ หลังจากความน่าจะเป็นของการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค.เพิ่มขึ้นเป็น 53.2%
ขณะที่เงินทุนต่างชาติยังน่าสนใจในแง่ของการลงทุนผ่านตลาดฟิวเจอร์ นักลงทุนกลุ่มนี้ยังคงมีสถานะ Short สุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันอีก 1.3 หมื่นสัญญา หนุนยอด Short สุทธิสะสมพุ่งแตะ 8.4 สัญญา สะท้อนมุมมองที่ระมัดระวังต่อ Upside ของตลาดหุ้นไทยจากัดมากยิ่งขึ้น
เรายังคงมุมมองว่า ระดับดัชนีเหนือ 1630 จุด ได้สะท้อนพื้นฐานการเติบโตในปีนี้ไปแล้ว และอยู่บนความคาดหวังเชิงบวกในอนาคต ดังนั้น นักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังเมื่อดัชนีทรงตัวในระดับสูงเช่นนี้ โดยมุ่งเน้นการขายทากาไรมากขึ้นเมื่อ SET INDEX ขยับเข้าใกล้แนว 1680-1700 จุด กลยุทธ์วันนี้ เน้นเลือกซื้อหุ้น Domestic Plays ที่ Valuation ไม่แพงและราคาหุ้นยัง Laggard จากกลุ่ม
ปัจจัยสาคัญวันนี้
Trump กล่าวที่ UN ว่า สหรัฐฯมีกาลังรบและความอดทนสูง แต่ถ้าจาเป็นต้องป้องกันตัวเองและประเทศพันธมิตร สหรัฐฯก็พร้อมที่จะทาลายเกาหลีเหนือ
ครม.อนุมัติมาตรการหักลดหย่อนภาษีทาประกันสุขภาพไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท
ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ. เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
ติดตามการรายงานการประชุม Fed วันนี้ ล่าสุดตลาดคาดความน่าจะเป็นที่จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. ไว้ที่ 53.2%
ติดตามการประชุมบอร์ดการบินไทย ประเด็นการเพิ่มทุน NOK และการประชุมบอร์ด AOT ประเด็นค่าเช่าส่วนเพิ่มจ่ายย้อนหลังต่อกรมธนารักษ์ วันนี้
ติดตามการประชุม BoJ วันที่ 21 ก.ย.
ติดตามการเลือกตั้งเยอรมัน วันที่ 24 ก.ย.
ติดตามการรายงาน นาเข้า-ส่งออกไทย วันที่ 22-25 ก.ย.
Strategist Team
Mayuree Chowvikran Head of Research ,662-009-8050
Padon Vannarat Strategist , 662-009-8060
Piyapat Patarapuvadol Strategist , 662-009-8062
Nutt Treepoonsuk Assistant Strategist