WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

DBSบล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

'อาจมีแกว่งแต่ยังเลือกซื้อ/ถือต่อได้'

• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
  ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ตลาดบวกต่อ โดยขึ้นไปสูงสุด 1678.23 แต่แรงขายทำกำไรทำให้ลดช่วงบวกลงมาปิดที่ 1670.20 (+9.67 จุด) แรงซื้อหลักยังอยู่ในหุ้น Big Cap และชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ (KCE, HANA) ทั้งนี้เราคาดว่ากำไรกลุ่มโภคภัณฑ์จะดีขึ้น QoQ ใน 3Q60 และเงินบาทที่เริ่มทรงๆ จะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการ 4Q60 น้อยลง ต่างชาติซื้อสุทธิ 2 พันลบ. สถาบันในประเทศกลับมาเป็นซื้อสุทธิ 1.2 พันลบ.
  สำหรับสัปดาห์นี้ : ติดตามผลประชุม BOJ และ FOMC (19-20 ก.ย.) ซึ่งคาดว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ก่อนในรอบนี้ แล้วค่อยไปพิจาณาอีกทีในเดือนธ.ค.60 โดยอัตราเงินเฟ้อหลายประเทศที่เร่งตัวขึ้นในเดือนส.ค.+การเติบโตของเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ทำให้โอกาสความเป็นไปได้ที่จะขยับขึ้นดอกเบี้ยใน 1-2 ไตรมาสข้างหน้ามีมากขึ้น สำหรับการทยอยลดงบดุลเฟดเป็นปัจจัยหนุนให้ดอกเบี้ยขยับขึ้น สำหรับดอกเบี้ยไทย ต้องดูผลประชุมกนง. 27 ก.ย.นี้ ซึ่งทางปลัดก.คลังยังยืนยันให้ธปท.ลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและลดแรงกดดันบาทแข็ง สำหรับ Update หุ้นรายบริษัทวันนี้เป็น SPALI ซึ่งราคาหุ้นร่วงแรงเมื่อวานเพราะขึ้น XW แต่บริษัทก็มีข่าวดี คือ ชนะประมูลซื้อที่ดินสถานทูตออสเตรเลีย เนื้อที่กว่า 7 ไร่ที่ถนนสาทร เล็งพัฒนาเป็นโครงการใหญ่มูลค่า 1.7 หมื่นล้านบาท ทาง DBS ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรปี 60 ขึ้น 6% สะท้อนกำไรจากการขายออฟฟิศ ทำให้คาดการณ์กำไรปี 60/61 จะเป็น +10%/+16% คาด Dividend Yield ปี 61 ที่ 5% แนะนำซื้อ ให้ TP 25.70 บาท มี Upside 12% จากราคาปิดเมื่อวานนี้


  กลยุทธ์ลงทุน : ซื้อ/ถือต่อ เมื่อ SET อยู่เหนือ SMA10 (ปัจจุบันคือ 1640 จุด) โดยให้แนวต้านสัปดาห์นี้ไว้ที่ 1680, 1690 จุด และแนวรับ 1660, 1650 จุด…สำหรับหุ้นกลยุทธ์แนะนำรายสัปดาห์ช่วงวันที่ 13-19 ก.ย.60 เป็น PTTGC (Growth Play) และ SENA (High Yield Play) ส่วนหุ้น Top Picks เดือนก.ย.60 เป็น AMATA, CPN, MINT, TISCO และ Dark Horse คือ SEAFCO
  การ SCAN หุ้นทางเทคนิค : หุ้นที่คาดว่าราคาจะทำ New High ได้ที่เข้ามาใหม่เป็น SCC, QH, DELTA, VIBHA, CPALL, BJC หุ้นยังอยู่ใน List คือ MCS, TCMC, TOP, TASCO, GOLD, PTTGC, STAR หุ้นหลุด List คือ ERW ส่วนหุ้นแนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะขายทำกำไรเป็น TCAP, KTB, TMB


ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
+ ยูโรโซน : เงินเฟ้อยูโรโซนปรับตัวขึ้นแตะ 1.5% ในเดือนส.ค.
  # สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในยูโรโซนเดือนส.ค.
+1.5%YoY หลัง +1.3%YoY ในเดือนก.ค. และเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 4 เดือน ด้าน CPI พื้นฐาน +1.2%YoY สอดคล้องกับตัวเลขเบื้องต้นที่ยูโรสแตทรายงานช่วงปลายเดือนส.ค.ทั้งสองรายการ
- สหรัฐ : ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านลดลงในเดือนก.ย.จากขาดแคลนแรงงาน,เฮอร์ริเคนถล่ม
  # สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้าน -3 จุด สู่ระดับ 64 ในเดือนก.ย.60 ซึ่งเป็นผลจากขาดแคลนแรงงานและพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ & เออร์มา แต่ดัชนียังเหนือ 50 จุดได้บ่งชี้ถึงมุมมองที่เป็นบวก
  # ดัชนีคาดการณ์ยอดขายในช่วง 6 เดือนข้างหน้า -4 จุด สู่ระดับ 74 จุด ขณะที่ดัชนียอดขายในปัจจุบัน -4 จุด สู่ระดับ 70 จุด


+ ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ : DJIA ปรับขึ้นต่อเป็นวันที่ 5
  # ดัชนี DJIA ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 5 เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มการเงิน ก่อนที่การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดฉากขึ้นในวันนี้
  # ดัชนี DJIA ปิดที่ 22,331.35 จุด +63.01 จุด หรือ +0.28% ดัชนี S&P500 ปิด +3.64 จุด หรือ +0.15% และ ดัชนี Nasdaq ปิด +6.17 จุด หรือ +0.10%


• ภาวะตลาดน้ำมัน : แกว่งแคบ
  # สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ขยับขึ้น 2 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 49.91 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน BRENT ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 55.48 ดอลลาร์/บาร์เรล
  # กลุ่มโอเปกกำลังหารือขยายเวลาลดการผลิตให้เกินกว่าสิ้น 1Q61 เพื่อรักษาระดับราคาน้ำมันให้ไม่ต่ำเกินไป


- ภาวะตลาดทองคำ : ราคาทองร่วงลง 1.1%
  # สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. -14.40 ดอลลาร์ หรือ -1.1% ปิดที่ 1,310.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ปัจจัยฉุด คือ การปรับขึ้นของหุ้น และค่าเงิน US$ ที่แข็งขึ้นเล็กน้อย
  # CME Group ระบุว่าจากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่านักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 52.9% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้


ปัจจัยในประเทศ และหุ้นมีข่าว
ธปท.ให้คณะกรรมการกนง.ตัดสินใจว่าจะลดดอกเบี้ยหรือไม่ในการประชุม 27 ก.ย.นี้
  # ล่าสุดผู้ว่าการธปท.ระบุว่าการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยนโยบายเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ซึ่งจะมีประชุม 27 ก.ย.นี้ ทั้งนี้การแข็งค่าของเงินบาทใน YTD ปีนี้เป็นผลจาก 1. การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของไทย 2. การเก็งกำไรเงินบาทของสถาบันการเงินเป็นช่วงๆ 3. การไหลเข้ามาลงทุนของเงินต่างชาติ เพราะมั่นใจในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ความกังวลสถานการณ์การเมืองน้อยลง
  # ประเด็นที่ธปท.กังวลถ้าดอกเบี้ยต่ำลง คือ พฤติกรรม Searh for yield ซึ่งมีความเสี่ยงกับผู้ออมมากขึ้น
  # ทางด้านกระทรวงการคลังและภาคธุรกิจ เห็นว่าการลดดอกเบี้ยจะช่วยกระตุ้นเงินเฟ้อที่ต่ำมาก และลดแรงกดดันเรื่องบาทแข็งลง


  # สำหรับ DBS : เราประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะทรงตัวที่ 1.50% ไปถึง 3Q61 บนสมมติฐานค่าเงินบาท 33.10 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อัตราเงินเฟ้อปี 60/61 ที่ 0.5%/1.2% และการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปี 60-61 เฉลี่ย 3.5-3.6% ต่อปี อย่างไรก็ตาม ถ้าอัตราเงินเฟ้อต่ำมากๆ และเงินบาทแข็งค่ากว่าที่ประมาณการไว้ก็มี room ให้ทางการไทยจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง
+ TRUE : ขายสินทรัพย์เข้า DIF


  # บริษัท TRUE แจ้งว่าบอร์ดบริษัทได้อนุมัติให้บริษัทและบริษัทย่อยขายและโอนสินทรัพย์รายได้จากทรัพย์สิน & การให้เช่าสิทธิการเช่าในทรัพย์สินบางรายการให้กับกองทุน DIF ในมูลค่าตอบแทน 6.5-7.2 หมื่นล้านบาท และให้บริษัท TrueMove Universal Communication (TUC) และ True Internet Corporation (TICC) เช่าช่วงจาก DIF บางรายการเพื่อดำเนินธุรกิจ โดยธุรกรรมเช่าจะไม่เกิน 9.4 หมื่นล้านบาท โดยขยายระยะเวลาการเช่าทรัพย์สินของกองทุนกับกองทุนไปถึง 15 ก.ย.2576 และ 31 ธ.ค.2564 สำหรับอุปกรณ์โทรคมนาคาประเภท Active บางรายการไม่เกิน 5.5 หมื่นล้านบาท รวมทั้งให้ TRUE ซื้อหน่วยลงทุนใหม่ของ DIF และเมื่อรวมกับที่มีอยู่ในปัจจุบันแล้วมีสัดส่วน 28.11%-33.33% ของหน่วยลงทุนทั้งหมด
  # ผลกระทบกับ TRUE : จะมีเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์เข้ามาใช้ในการดำเนินงานและลดภาระหนี้สินรวมทั้งได้เงินปันผลจาก DIF เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม TRUE ต้องจ่ายค่าเช่าให้กับ DIF ระยะเวลา 16 ปี คิดเป็นประมาณ 5.9 พันล้านบาท/ปี
  # ด้าน DIF : จะมีการเพิ่มทุนเพื่อซื้อสินทรัพย์เข้ากองทุน แต่คาดว่า Yield ต่อปีจะเปลี่ยนแปลงไม่มาก เพราะสินทรัพย์ที่ซื้อมาก่อให้เกิดรายได้และกำไร ขณะเดียวกันก็มีความมั่นคงจากระยะเวลาเช่าทรัพย์สินที่ยาวขึ้น เรายังคงคำแนะนำซื้อ DIF

นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!