- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 19 September 2017 17:19
- Hits: 2971
บล.ธนชาต : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
เกิดอะไรขึ้นวันก่อน: Trading Range: 1,650-1,690
กลุ่มหุ้นขนาดใหญ่หนุน SET ปรับสูงขึ้นต่อ +0.58% ปิด 1,670.20 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.8 หมื่นล้านบาท ต่างชาติซื้อ 2 พันล้านบาท
เรามองอย่างไร:
การแกว่งตัวระยะสั้นอาจเกิดขึ้นได้ระหว่างวัน แต่คงเป้าหมายระยะสัปดาห์ที่ 1,690 จุด ต่อไปโดยกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มพลังงาน (PTT ), ธนาคาร KBANK BBL) และค้าปลีก (CPALL ) คาดว่าจะยังเป็น "กลุ่มนำ" ตลาดต่อไป...ขณะที่ Bond Yield 10 ปีสหรัฐฯ ปรับสูงขึ้นก่อนการประชุม FOMC วันที่ 19-20 ก.ย.นี พร้อมกับโอกาสขึ้นดอกเบี้ย Fed ในเดือน ธ.ค.เพิ่มขึ้นเป็น 50.6% แต่ยังมองดอกเบี้ยในประเทศยังต่าต่อไปจนถึงปี 2019
ทำอะไรดี:
'ซื้อ'กลุ่มโรงแรมที่กำลังเข้าสู่ช่วง High Season อย่าง CENTEL MINT ERW...ทางกลยุทธ์ชอบ MINT จาก 1) Laggard play ปรับสูงขึ้น 0.6% ในช่วง 5 สัปดาห์ เทียบกับ SET +7%, CENTEL +6.3%, ERW +6.4% 2) กำไรทำ New High +26% เป็น 5.8 พันล้านปีนี้ และ +19% เป็น 6.8 พันล้านปี 2018 และ 3) PE18 ที่ 25x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 30x "ซื้อ" Laggard play อย่าง STEC ที่ได้ประโยชน์จากการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐฯ และ ESSO คาดกำไร 3Q17 แข็งแกร่งจากค่าการกลั่นสูง US$8-9/bbl และคาดสามารถกลับมาจ่ายปันผลได้ปีนี้ ขณะที่ PE18 ที่ 6.10x ต่ำที่สุดในกลุ่มโรงกลั่น
Tactical Portfolio (1-3 months):
'ถือ' AMATA BEAUTY EA ESSO KBANK KKP PTT SAWAD STEC และ WHA ต่อไป (ไม่เปลียนแปลง)
Fundamental:
กลุ่มโรงแรม: 'Overweight'...เรามีมุมมอง "บวก" ต่อกลุ่มโรงแรมจากการเติบโตที่มาเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ด้วยการเติบโตกำไร 15-23% ในปี 2017-19, อัตรากำไรเร่งตัวขึ้น, และ ROE เร่งตัวขึ้นจาก 13% ในปี 2016 เป็น 15% ปี 2019 แนะนำ "ซื้อ" MINT (TP 48.0) - Top Picks มองคุณภากกำไรดีที่สุด ด้วยการเติบโตกำไร 18-24% ปี 2017-19, CENTEL (TP 48.0) - Upgrade เป็น "ซื้อ" จากการฟื้นตัวธุรกิจดีกว่าคาด มองเป็น laggard play ในกลุ่ม และ ERW (TP 6.80) - ผลดีจากการเติบโตธุรกิจโรงแรมในประเทศโดยตรง เร่งขยายสาขาในกลุ่ม non-luxury ที่มีการเติบโตสูง
Today's News:
TRUE: เตรียมขายสินทรัพย์เข้ากองฯ DIF เพิ่มมูลค่า 6.5-7.2 หมื่นล้านบาท...มองเป็น sentiment เชิงบวกต่อหุ้น TRUE แต่ราคาหุ้นปรับสูงขึ้นทดสอบเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันแล้ว ขณะที่เรายังชอบ DIF ด้วยอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 7.1% ปี 2018 แต่ระยะสั้นอาจมีแรงกดดันจากการ "ปรับพอร์ต" ของนักลงทุนที่ถืออยู่มากรองรับการเพิ่มทุนในอนาคต
Technical Story: Technical SET range: 1,650-1,690
หาจังหวะสะสม หาก SET พักฐาน: (รายงาน The Technical Story)
SET ทะลุ 1,669 จุดขึ้นไปด้วย Momentum แข็งแกร่งต่อเนื่อง ทะลุ 1,669 ขึ้นไปได้ มีด่านถัดไปที่ 1,678-80 จุด ผ่านได้มีเป้าหมายที่ 1,690 จุด แนะนำถือหุ้นเพื่อ Let Profit Run แม้ระยะสั้นต้องระวังการพักฐาน อาจใช้เป็นจังหวะสะสมหุ้นที่แนวรับ 1,662 ถัดไปที่ 1,654 จุด
หุ้นแนะนำ:
MINT เข้าซื้อเพิ่ม เป้าหมาย 41.25 / 43 บาท
UV รอรับเพิ่มที่ 9.65 เป้าหมาย 10.60 / 11.50 บาท
Derivatives Recommendation:(ดูรายงาน The Derivatives Story)
'ถือ' Long S50U17 เป้าหมาย 1,110 จุด...Trailing Stop 1,045 จุด
'Long' Block MINT เป้าหมาย 41.25 / 43 บาท...Leverage 13x
TradeCode: Buy >AAV, AU, SINGER
Tactical Portfolio (1-3 เดือน)
Tactical Portfolio : Tactical Portfolio ให้ผลตอบแทน +0.6% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ต่ำกว่า SET ที่ให้ผลตอบแทน +1.5% โดย AMATA KBANK ESSO และ WHA ให้ผลตอบแทนสูงทีสุด หรือ +3.9%, +2.9%, +2.6% และ +1.8% ตามลำดับ ขณะที่ EA และ KKP ให้ผลตอบแทนต่ำที่สุดในพอร์ต -3.2% และ -2.2% ตามลำดับ...ทั้งนี้เรามองการอ่อนตัวลงของ EA และ KKP เป็นโอกาส "ซื้อ" ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) EA มีแนวโน้มรายงานกำไร 3Q17 เติบโตแข็งแกร่ง จากกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม "หาดกังหัน" 126MW 2) KKP เป็นหุ้นใหญ่ที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง 8.9% ต่อปี...ทั้งนี้เราแนะนำ "ถือ" หุ้นทั้ง 10 ตัวต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ได้แก่ AMATA BEAUTY EA ESSO KBANK KKP PTT SAWAD STEC และ WHA
ESSO("ซื้อ" TP 17 บาท) ราคาหุ้น laggard หุ้นกลุ่มโรงกลั่นตัวอื่นๆ มากในช่วงที่ผ่านมา เป็นโอกาส "ซื้อ" จาก 1) คาดการณ์กำไร 3Q17 จะออกมาดีจากค่าการกลั่นสูง และมีโอกาสบันทึก inventory gain 2) คาดล้างขาดทุนสะสมหมดภายใน 3Q17 เพิ่มโอกาสจ่ายปันผลในระยะ 12 เดือนข้างหน้าทันที 3) valuation ถูกที่ PE 6.3x 4) ราคาหุ้นกำลังทดสอบแนวต้าน downtrend 11.80 บาท ขณะที่เริ่มมีสัญญาณ "บวก" จาก Stochastic แล้ว ลุ้นทะลุ 11.80 ไปที่ 12.4 หรือถัดไปที่ 13.0 บาท
หุ้นใน Siam Senses Portfolio
AMATA : ผู้พัฒนานิคมที่จะได้รับประโยชน์โดยตรงและมากที่สุดจากโครงการ EECทั้งในแง่ของมูลค่าที่ดินและยอดขายที่สูงขึ้น และได้ประโยชน์จาก FDI เวียดนามที่แข็งแกร่งผ่านบริษัทย่อย AMATAV (ถือหุ้น 73%)
AOT : ได้ประโยชน์ทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวฟื้นตัวและการประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ปีหน้า
BEAUTY : เป็นหุ้น growth stock ที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง และได้ market share ที่สูงขึ้น
CPALL : ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ที่แข็งแกร่ง เติบโตสูงจากการขยายสาขาและเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นจากสินค้าใหม่ที่มี margin สูง
DTAC : มูลค่าถูก ปลดล็อคความเสี่ยงสัมปทาน และความสามารถในการทำกำไร
EA : เป็นหุ้น growth stock ยังโตสูงต่อเนื่องถึงปี 2019 จากสัญญาในมือที่จะทยอยดำเนินการ และมีโอกาสโตมหาศาลต่อเนื่องจาการขยายธุรกิจสู่แบตเตอรี่เก็บกักพลังงานซึ่งเป็นแนวโน้มของการพัฒนาอุตสาหกรรมไฟฟ้า
KBANK : ได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากเศรษฐกิจฟื้นตัว
KCE : ฐานธุรกิจกลุ่มรถยนต์ที่มั่นคง เติบโตจากการขยายโรงงานและ market share ที่มากขึ้น
PTT : ธุรกิจก๊าซหนุนกำไรโตแข็งแกร่ง
STEC : ด้วยมูลค่างานในมือ 1 แสนล้านบาท คาดว่ากำไรจะเติบโต 45% ปี 2017 และ 41% ปี 2018
Thai Strategy Team
อดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล
วิชนันท์ ธรรมบำรุง