- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 19 September 2017 16:54
- Hits: 2031
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
ทุกคนรอประชุม Fed
คาดหุ้นไทยขยับขึ้นต่อวันนี้ ตามหุ้นสหรัฐเมื่อคืนที่ยังทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรโลกที่สูงขึ้นต่อเนื่องเช่นกันก่อนการประชุม Fed คาด Fed คงดอกเบี้ยแต่ประกาศแผนลดขนาดการถือครองพันธบัตรตามมาตรการ QE ที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2008 เนื่องจากสภาพคล่องส่วนเกินในโลกน่าจะต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะดูดออกไปโดยธนาคารทั้งหลายได้ แต่การถือครองพันธบัตรลดลงน่าเป็นบวกต่อหุ้น นอกจากนี้ความตึงเครียดต่อปัญหาเกาหลีเหนือก็ผ่อนคลายลง ภายในประเทศ รัฐบาลออกมาตรการช่วยชาวนาอีก 7 หมื่นล้านบาท น่าจะทำให้การบริโภคภาคครัวเรือนขยายตัวอย่างมั่นคงต่อไป
หุ้นเด่นวันนี้: INTUCH (ราคาปิด 59.00 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายของ AWS
78.00 บาท) บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ เป็นหุ้นที่รู้กันดีว่าให้อัตราเงินปันผลตอบแทนที่สูงทีสุดเป็นอันดับต้นๆของหุ้นในตลาด SET โดยได้อานิสงค์หลักๆจากกระแสเงินสดปันผลของบริษัทลูกคือ ADVANC เราคาดว่า INTUCH จะคงอัตราเงินปันผลตอบแทนสูงที่ 7.9% และ 8.5% ในปี 60 และ 61 ตามลำดับ ADVANC เป็นผู้นำตลาดบริการมือถือหากนับจำนวนเลขหมายที่ให้บริการ การได้ใบอนุญาต 900 และ 1800 เมกะเฮิร์ตซ์มาทำให้ ADVANC มีแบนด์วิธของคลื่นเหลือเฟือที่จะบริการลูกค้าให้ดีสำหรับ 3-5 ปีข้างหน้าโดยเพิ่มความสามารถในการรองรับการให้บริการธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงตามสาย (FBB) หรือ AIS Fibre รวมถึงบริการเสริมน่าจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนอีกตัวที่ทำให้เกิดรายได้ประจำและเพิ่มการใช้ข้อมูลอินเทอร์เน็ต เรามองว่า ADVANC อยู่ในตำแหน่งที่เหนือกว่าคู่แข่งในกลุ่มซึ่งจะทำให้ ADVANC สามารถเก็บเกี่ยวรายได้จากการเติบโตของการใช้ข้อมูลอินเทอร์เน็ตได้เมื่อเทียบกับคู่แข่ง บริษัทลูกของ INTUCH อีกบริษัทคือ THCOM ผู้ให้บริการดาวเทียมชั้นนำระดับโลกน่าจะมีรายได้ก้อนใหม่เข้ามาจากลูกค้าใหม่รายสำคัญหลายราย อาทิ Forever Group จากเมียนมาร์ Hinduja Group จากอินเดียและล่าสุด Axiata Group จากอินโดนีเซียและมีอุปสงค์ที่แข็งแกร่งต่อบริการเสริมความสามารถในการให้บริการมือถือด้วยดาวเทียม (mobiIe backhauI) ก็ยังน่าจะเติบโตได้ดีด้วย อีกทั้งมีโอกาสเติบโตอีกมากสำหรับตลาดของกลุ่มประเทศกัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม (CLMV Countries) Price Pattern ของ INTUCH มีความแข็งแกร่งของสัญญาณทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง ถ้าราคาสามารถปิดตัวลงเกินกว่า 60 บาทภายในสิ้นสัปดาห์จะมีสัญญาณซื้อตามมาซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของราคาหุ้นและมีแนวโน้มว่าจะดีดตัวขึ้นทดสอบเป้าหมายเริ่มต้นที่ 65.25 โดยมีการหยุดขาดทุนที่ 56.50 บาท (แนวต้าน: 59.25, 59.50, 60.00; แนวรับ: 58.75, 58.50, 58.00)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ:
ประธานาธิบดี ทรัมป์ ขอให้ไทยสนับสนุนการปฏิรูปของสหประชาชาติ ประเทศไทยเป็นหนึ่งในหลาย ๆ ประเทศที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี สหรัฐฯ เรียกร้องให้เข้าร่วมการประชุมพิเศษเพื่อหารือเกี่ยวกับการปฏิรูปของสหประชาชาติ ในขณะที่ทรัมพ์วิพากษ์วิจารณ์ว่าสหประชาชาติยังไม่ถึงศักยภาพเต็มที่เนื่องจากมีระบบยริหารแบบราชการและการบริหารจัดการที่ไม่เหมาะสม (Bangkok Post)
ธปท.ยินดีรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย อย่างไรก็ตามคณะกรรมการนโยบายการเงินจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาวในการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนอกเหนือจากปัญหาระยะสั้น (Bangkok Post)
ภาครัฐกำหนดวงเงินช่วยเกษตรกร 7 หมื่นล้านบาท ธ.ก.ส.เตรียมกรอบวงเงินในการดูแลช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ สำหรับฤดูกาลผลิตข้าวนาปี 2560/2561 ไว้ประมาณ 7 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นเงินสินเชื่อชะลอการขาย เพื่อสนับสนุนการรวมกลุ่ม การแปรรูปข้าวในอัตราดอกเบี้ยต่ำ 2.3 หมื่นล้านบาท และเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวพืชผลของเกษตรกร ซึ่งเป็นเงินให้เปล่า 4.7 หมื่นล้านบาท (Bangkok Post)
SPALI (22.90 บาท, ถือ, AWS 23.50 บาท) ชนะการประมูลซื้อที่ดินสถานทูตออสเตรเลียมูลค่า 4.6 พันล้านบาท บริษัทฯ มีแผนจะพัฒนาที่ดินให้กลายเป็นโครงการอเนกประสงค์มูลค่า 1.7 หมื่นล้านบาทประกอบด้วยอาคารสำนักงานที่พักอาศัยและเกรดเอ คาดว่ายอดขายของโครงการจะเพิ่มขึ้นในครึ่งหลังของปี 2561 นอกจากนี้ในวันจันทร์ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ประกาศขายหุ้น 40% ใน Petron MegapIaza อาคารสำนักงานในฟิลิปปินส์เป็นเงิน 1.6 พันล้านเปโซ (1 พันล้านบาท) คิดเป็น IRR ประมาณ 19.7%สำหรับระยะเวลา 50 เดือน นอกจากนี้ SPALI จะออก Warrant และขึ้นเครื่องหมาย XW วันที่ 18 กันยายน 2561 ด้วยอัตราส่วน 4: 1 และราคาใช้สิทธิ 4 บาท (Bangkok Post) ความเห็น: เราคาดว่าโครงการใหม่บนถนนสาทรจะมีมูลค่าสูงถึง 17,000 ล้านบาทอาจทำให้การเงินของ SPALI ตึงตัวได้หลังจากที่ได้เปิดตัวโครงการ SPALI OrientaI Sukhumvit 39 มูลค่า 1 หมื่นล้านบาทแต่มีอัตราการขาย (take-up rate) ที่ช้าเพียง 20 % ณ สิ้นไตรมาส 2/17 เราแนะนำถือ SPALI และกำหนดราคาเป้าหมายใหม่โดยมีผลกระทบต่อ DiIution Effect หลัง XW ที่ 23.50 บาท เรายังคงชอบ ANAN และ SIRI
AOT: 20 ก.ย.60 จะมีการนำเรื่องเข้าบอร์ดบริษัทฯ เกี่ยวกับการสรุปตัวเลขการเก็บค่าเช่าที่ราชพัสดุในพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรรณภูมิในส่วนพื้นที่เชิงพาณิชย์ (Non-Aero) เป็นการเก็บย้อนหลังระหว่างปี 56-60 ซึ่งทางกรมธนารักษ์ขอเรียกเก็บจาก AOT ยังไม่ทราบวงเงินรวมที่ชัดเจน โดยในสื่อแต่ละฉบับเปิดเผยวงเงินที่แตกต่างกันระหว่าง 3-4 พันล้านบาท และมีการเรียกเก็บค่าเช่าในอัตราใหม่ซึ่งสื่อลงว่าเท่ากับ 2.5 พันล้านบาทต่อปี เพิ่มจากปัจจุบัน 1.5 พันล้านบาทต่อปี (ข่าวหุ้น, อินโฟเควสท์) ความเห็น เราคาดว่าการเก็บค่าเช่าที่เพิ่มขึ้น ทั้งส่วนของการเก็บย้อนหลัง ที่เป็น One-Time และการเก็บเพิ่มรายปี อาจจะส่งผลกระทบทำให้ค่าใช้จ่ายรายปีเพิ่มขึ้นแต่ไม่มีนัยยะมากนัก เพราะมากกว่าที่เราคาดการณ์ที่ 2.0 พันล้านบาทไม่มากนักเมื่อเทียบกับฐานรายได้ และกำไรของ AOT (ปีละราว 22,000 ล้านบาท) เราแนะนำให้นักลงทุนรอมติบอร์ดของบริษัท อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นที่อ่อนตัวเป็นโอกาสซื้อ เราให้ราคาเป้าหมายเท่ากับ 59 บาท เรายังไม่ปรับ Fair VaIue ของ AOT เพิ่มขึ้นตาม Market Consensus เนื่องจากด้วยมูลค่ามาร์เก็ตแคปของ AOT ที่ 8.46 แสนล้านบาท ณ ราคาปัจจุบัน ถือว่าเป็นสนามบินที่มีมาร์เก็ตแคปสูงเป็นอันดับสองของโลกรองจากสนามบินสเปน หากราคาสูงกว่า 59 บาท จะเป็นราคาหุ้นที่มูลค่าเกินพื้นฐานช่วงปีนี้กับปีหน้ามากเกินไป
ต่างประเทศ:
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนเตรียมรับการใช้นโยบายทางการเงินแบบตึงตัวของเฟดมากขึ้นในการประชุมที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.229% จากที่ระดับ 2.195% เมื่อวันศุกร์ (รอยเตอร์)
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเทียบกับสกุลเงินหลักเมื่อวันจันทร์ โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์วัดความเคลื่อนไหวของค่าเงินสหรัฐเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุล ปรับตัวขึ้น 0.14% สู่ระดับ 92.002 จุด (รอยเตอร์)
เยอรมนีจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน ซึ่งอาจเพิ่มความไม่แน่นอนทางการเมืองในยุโรปในสัปดาห์นี้ (รอยเตอร์)
สหรัฐ
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกต่อเมื่อวันจันทร์ เนื่องจากหุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้นก่อนการประชุมเฟดในสัปดาห์นี้ แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นได้หนุนหุ้นกลุ่มการเงิน ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นหนุนกำไรของกลุ่มธนาคาร แต่กลุ่มที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยอย่างเช่นกลุ่มพลังงานมีผลการดำเนินงานอ่อนแอมากที่สุด(รอยเตอร์)
สหรัฐ:
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกและทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันศุกร์ โดยดัชนี S&P500 ผ่านระดับ 2,500 จุดได้เป็นครั้งแรก หนุนโดยหุ้นกลุ่มสื่อสารและเทคโนโลยีเนื่องจากนักลงทุนเมินต่อข่าวการทดสอบยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือ ยอดค้าปลีกสหรัฐและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ลดลงผิดคาดถูกมองว่าเป็นผลกระทบจากพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางส่วนลดความคาดหวังว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย (รอยเตอร์)
ความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านในตลาดบ้านใหม่สำหรับครอบครัวเดี่ยวลดลง 3 จุด อยู่ที่ระดับ 64 ในเดือนก.ย. ลดลงจากที่ระดับ 67 ในเดือนส.ค. ของดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านของสมาคมผู้สร้างบ้าน (HMI) พายุเฮอริเคนที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาทำให้ผู้สร้างบ้านเป็นกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับแรงงานที่มีอยู่และต้นทุนวัสดุก่อสร้าง (NAHB)
ยุโรป:
หุ้นยุโรปปิดสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของตลาดทั่วโลก หุ้นกลุ่มการเงิน และตลาดโปรตุเกสที่วิ่งขึ้นหลังจากได้รับเรตติ้งคืน (Reuters)
เอเชีย:
ราคาบ้านใหม่ของจีนเพิ่มขึ้นต่ำสุดในเดือนสิงหาคม ในรอบ 7 เดือน และ ปรับลดลงในหลายๆเมือง จากการที่รัฐบาลได้พยายามปรับลดการเก็งกำไรของตลาดลง ราคาบ้านใหม่โดยเฉลี่ยใน 70 เมืองหลักๆ เพิ่ม 0.2% MoM ในเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของเดือนกรกฎาคม โดยเป็นหนึ่งในรอบ 3 ปีที่ราคาปรับลดความร้อนแรงลง หลังจากควบคุมอย่างหนักกว่า 5 เดือน (Reuters)
ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นจะยังคงรักษาระดับการซื้อสินทรัพย์เพื่ออัดฉีดเงินเข้าระบบที่ระดับเดิม ในการประชุมวันพฤหัสนี้ (Reuters)
ประธานาธิบดีชินโซะ อาเบะของญี่ปุ่นกล่าวว่าเขาจะกำหนดช่วงเวลาในการจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนดในวันศุกร์นี้ หลังจากกลับจากการประชุม UN (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์:
ราคาน้ำมันปรับลดลงเล็กน้อยวานนี้ แต่ยังอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบหลายเดือน ก่อนการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลง 14 เซนต์ อยู่ที่ 55.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ยังใกล้จุดสูงสุดในรอบ 5 เดือนที่ระดับ 55.99 ดอลลาร์ ราคาน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 2 เซนต์ อยู่ที่ 49.91 ดอลลาร์ ซึ่งใกล้จุดสูงสุดในรอบ 4 เดือนที่ 50.50 ดอลลาร์ (Reuters)
ทองร่วง 1% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ครึ่ง เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเพิ่มขึ้น ราคาทองคำตลาดจรลดลง 1.04% อยู่ที่ 1,305.46 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองล่วงหน้าลดลง 14.40 ดอลลาร์ (-1.1%) อยู่ที่ 1,310.8 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 0-2680-5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 0-2680-5077
Ms. Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042
Mr. Adisak Prombun (No. 14543) Tel: 0-2680-5056