- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 19 September 2017 16:52
- Hits: 2078
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตลาดยืนบวกเล็กน้อย พร้อมกับแกว่งตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ทำจุดสูงสุดของวันที่ 1678.23 จุด เพิ่มขึ้น 17.70 จุด เป็นแรงซื้อจากหุ้นขนาดใหญ่ นำโดย PTT, SCC, AOT, KBANK KCE โดยช่วงบ่ายมีแรงขายทำกำไรออกมากดดัชนีลงทำจุดต่ำสุดของวันที่ 1662.92 จุด เพิ่มขึ้น 2.37 จุด ทำให้ทั้งวันมีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 15.33 จุด ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1670.20 จุด เพิ่มขึ้น 9.67 จุด (+0.58%) มูลค่าการซื้อขาย 67,808 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
ดัชนีวานนี้ยังคงเดินหน้าต่อ ด้วยการเปิดตัวแรงกระโดดสร้าง Gap (1660.69-1663.09) พร้อมกับเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ทำ New High ที่ 1678 จุด ก่อนที่จะเผชิญแรงขายกดทำ Low ของวันที่ 1662.90 จุด และดีดกลับขึ้นมาทำปิดที่ 1670 จุด จากภาพดัชนีที่ขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยไม่พัก ท่ามกลางสัญญาณที่ Overbought มาก ๆ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการพักตัว ประกอบกับมีความเสี่ยงที่จะลงมาปิด Gap ที่เพิ่งเปิดไว้ ทำให้มีมุมมองระยะสั้นอาจมีโอกาสชะลอตัวได้ เพื่อลดความร้อนแรงและสร้างฐานของการไปต่อได้ มองแนวรับ 1660-1663 // 1656 จุด แนวต้าน 1678-1680 // 1685 จุด
มีโอกาสไปต่อ- สลับการพักตัว
Support 1660-1655 จุด Resistance 1690-1700 จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์ Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110 Tel 02- 6481124
Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
Fund Flow ยังแน่น แต่เริ่มเข้าโซน take Profit
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : คาดดัชนีฯ จะผันผวนมากชึ้นหลังดัชนีฯเข้ากรอบแนวต้าน 1670 จุด ..... แรงซื้อของนักลงทุนที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง 16 วันทำการ ดัชนีฯปรับขึ้นมา 6.5% อาจเกิดแรงขายทำกำไรได้ทุกขณะ ...... ปัจจัยในวันนี้ คงเป็นเรื่องตัวเลขนักท่องเที่ยว ที่จะรายงานในช่วงเข้า การประชุม ครม. ขณะที่ปัจจัยในต่างประเทศ นักลงทุนอาจรอดูการประชุม FOMC ที่จะเริ่มในวันนี้ และทราบผลการประชุมเช้าวันพฤหัสตามเวลาในประเทศไทย
กลยุทธ์การลงทุน : ตัวแปรสำคัญของตลาด คือ Fund Flow ที่เข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง การปรับฐานในระหว่างวันทำให้ดัชนีฯดูแข็งแรง แต่ประเมินสั้นๆ อาจมีแรงขายทำกำไรเข้ามา นักลงทุนอาจเลือกขายหุ้นที่ขึ้นมามาก และรอจังหวะซื้อเมื่อมีการปรับฐาน หุ้นน่าลงทุนของสัปดาห์นี้ เรายังให้ความสนใจกับหุ้นขนาดใหญ่ (SET50) หุ้นผลประกอบการดี (น้ำมัน-ปิโตรเคมี)
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน: สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ TMB, SINGER , THAI* , RJH, LH
หุ้นแนะนำทางเทคนิค: PTG GCAP EKH
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
(0) AOT: ได้ผลบวกจากจำนวนผู้โดยสารจีนกลับมาเติบโตโดดเด่น
(+) BCH: ปรับกำไรสุทธิปี 2017 ขึ้น 6.2% จากสำนักงานประกันสังคมปรับ RW>2 เป็น 12,800 บ.
(+) RJH: ปรับกำไรสุทธิปี 2017 ขึ้น 7.5% จากสำนักงานประกันสังคมปรับ RW>2 เป็น 12,800 บ.
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (18 ก.ย.) ปิดที่ระดับ 1,670.20 จุด เพิ่มขึ้น 9.67 จุด หรือ +0.58% มูลค่าการซื้อขาย 67,807.60 ล้านบาท ตลาดปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง มองว่ากระแสเงินจากต่างประเทศยังคงเข้ามาอยู่
ตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,331.35 จุด เพิ่มขึ้น 63.01 จุด หรือ +0.28% ดัชนีดาวโจนส์ยังปรับตัวขึ้นทำ New High ต่อเนื่องจากการซื้อเก็งกำไรของนักลงทุนในหุ้นกลุ่มการเงิน ก่อนที่การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯจะเริ่มขึ้นในวันนี้ .... เช่นเดียวกับ Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น +0.3% ปิดที่ 381.95 จุด
ปัจจัยต่างประเทศ: ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯในวันนี้และการเลือกตั้งเยอรมันในสัปดาห์หน้า มองตลาดต่างประเทศยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามายังตลาด นักลงทุนยังติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯที่จะเริ่มขึ้นในวันนี้ โดย คาดว่าเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นมาจะเพิ่มโอกาสที่ Fed จะปรับเพิ่มโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้ จากประเด็นดังกล่าวส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ
แม้ประเด็นเรื่องการเลือกตั้งเยอรมันยังไม่เป็นที่พูดถึงนัก แต่เรามองว่าประเด็นนี้มีความสำคัญต่อตลาด โดยปัจจุบัน โอกาสที่พรรค CDU/CSU (นาง Angela Merkel เป็นหัวหน้าพรรค) จะชนะการเลือกตั้งมีสูง โดยโพลปัจจุบันระบุว่า โอกาสที่พรรค CDU/CSU จะชนะอยู่ที่ประมาณ 36-38% ในขณะที่พรรคคู่แข่ง SPD อยู่ที่เพียง 20-24%
ประเด็นเกาหลีเหนือมีอัพเดทเล็กน้อย โดยทำเนียบขาวแถลงว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายสี จิ้น ผิง ประธานาธิบดีจีน เห็นพ้องกันที่จะใช้ความพยายามกดดันให้มากที่สุดเพื่อให้เกาหลีเหนือระงับโครงการนิวเคลียร์ ตามข่าวที่ออกมา คือ จะยังไม่ใช้วิธีทางการทหารในการจัดการปัญหานี้
ราคาน้ำมันเป็นบวก ปรับตัวขึ้นเข้าใกล้ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 2 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 49.91 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากการลดลงของการขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐ รวมทั้งข่าวที่ว่า โรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐเริ่มกลับมาผลิต เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันของไทย
ปัจจัยในประเทศ: ติดตามตัวเลขนักท่องเที่ยวไทย: ยังคงไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามากระทบตลาด โดยในวันนี้ติดตามตัวเลขนักท่องเที่ยวประจำเดือนสิงหาคม โดยเราคาดว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากเดือน ก.ค. ที่เติบโต 4.8% YoY, 13.9% MoM
หุ้นนำเสนอข้อมูลในงาน Opp Day วันนี้ได้แก่ CBG, CHEWA
Stock in Focus
หุ้น เหตุผล
TMB
(ราคาปิด 2.50) เรายังคงแนะนำ TMB ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2 หลังการรายงานสินเชื่อเดือน ส.ค. 2017 สามารถปรับตัวขึ้นได้ดีตามคาด โดยสินเชื่อ TMB เดือน ส.ค. 17 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.1% MoM และ 4.5% YoY หรือเพิ่มขึ้น 4.1% YTDโดยการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากสินเชื่อรายย่อย โดยเฉพาะสินเชื่อบ้านที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีจากการออกแคมเปญสินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรก .... นอกจากนี้ TMB ยังได้ผลบวกจากข่าวที่ TMB ระบุว่าธุรกิจรายย่อยน่าจะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ .... (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 2.80 บาท)
SINGER
(ราคาปิด 13.50) จากการที่เศรษฐกิจส่วนภูมิภาคปรับตัวขึ้นมา และเรามองความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจาเดือนส.ค.ที่ปรับตัวขึ้นมาสวนทางกับที่เราคาดว่าจะอ่อนตัวลง จะเป็นปัจจัยบวกที่ทาให้ SINGER ปรับตัวสูงขึ้นได้ในช่วงเวลาอันสั้นนี้คาดการณ์กาไรสุทธิปี 2017 ปีนี้ที่ลดลง -53.4% ที่ 56 ล้านบาทเป็นผลมาจากการเปลี่ยนการบริหารลูกหนี้และค่าใช้จ่ายในการตั้งสารองที่เพิ่มขึ้นแต่คาดว่าคาดว่าผลประกอบการปี 2018 จะกลับมาเติบโตสูงที่ +262% YoY ที่ 202 ล้านบาท …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 13.80 บาท)
THAI
(ราคาปิด 19.10) มอง THAI ได้รับผลบวกจากการตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่จะประกาศวันนี้คาดการณ์ว่าจะปรับตัวได้สูงขึ้น และการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ นอกจากนี้ THAI ยังถือหุ้น NOK อยู่21.57% การเปลี่ยนแปลงการบริหารภายในของ NOK จะได้ผลบวกต่อ THAI ด้วย.... (ราคาที่เหมาะสมโดย Bloomberg ที่ 18.67 บาท)
RJH
(ราคาปิด 25.00) เราเลือก RJH เป็น Top Pick ของหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล โดยเราทำการปรับกำไรสุทธิสำหรับปี 2017 ขึ้น 7.5% เป็น 215 ล้านบาทจากการปรับขึ้นค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยในที่มีค่าใช้จ่ายสูงจากการที่สำนักงานประกันสังคม (สปส.) เป็น 12,800 บาท/RW จากเดิมอยู่ที่ 10,000 บาท/RW และคาด 3Q17 จะเติบโตได้สูงประมาณ +20% ทั้ง YoY และ QoQ จากการปรับค่ารักษาพยาบาล, การระบาดของไข้หวัดใหญ่, และการเพิ่มจำนวนเตียงอีก 18 เตียงเพื่อรองรับช่วง High Season .... (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 33.00 บาท)
LH
(ราคาปิด 9.80) คาดว่าช่วงครึ่งปีหลังจะสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง จากการเปิดโครงการใหม่โดยมูลค่า Backlog ปัจจุบันอยู่ที่ 1.47 หมื่นล้านบาท (รองรับรายได้ประมาณ 6 เดือน) .... Bloomberg คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 8,798 ล้านบาท เติบโต +15% YoY (ราคาที่เหมาะสม โดย Bloomberg ที่ 11.43 บาท)
TMB
(ราคาปิด 2.50) เรายังคงแนะนำ TMB ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 2 หลังการรายงานสินเชื่อเดือน ส.ค. 2017 สามารถปรับตัวขึ้นได้ดีตามคาด โดยสินเชื่อ TMB เดือน ส.ค. 17 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.1% MoM และ 4.5% YoY หรือเพิ่มขึ้น 4.1% YTDโดยการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากสินเชื่อรายย่อย โดยเฉพาะสินเชื่อบ้านที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีจากการออกแคมเปญสินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรก .... นอกจากนี้ TMB ยังได้ผลบวกจากข่าวที่ TMB ระบุว่าธุรกิจรายย่อยน่าจะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ .... (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 2.80 บาท)
Source: KTBST Research
Sector / Stock Updates
(+) HELTH สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ปรับขึ้นค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยในที่มีค่าใช้จ่ายสูง (RW>2) ให้กับ รพ.ในเครือ สปส. เป็น 12,800 บ./RW จากเดิม 10,000 บ./RW มีผลย้อนหลังถึงเดือน ก.ค. 2017 คาดการปรับค่าดังกล่าวจะทำให้กำไรสุทธิตั้งแต่ 3Q17 ของแต่ละ รพ.ในเครือ สปส. เติบโตก้าวกระโดด
โดยเรามองว่า RJH จะได้รับประโยชน์สูงสุด รองลงมาเป็น BCH คิดเป็นผลกระทบต่อ EPS ไตรมาสละ 0.029 และ 0.014 บ. ตามลำดับ (แนะนำ ซื้อ สำหรับ RJH และ BCH ที่ราคาเป้าหมายใหม่ปี 2018 ที่ 33.0 และ 18.5 บาท ตามลำดับ)
(+) TMB สินเชื่อ TMB เดือน ส.ค. 17 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.1% MoM และ 4.5% YoY หรือเพิ่มขึ้น 4.1% YTD โดยการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากสินเชื่อรายย่อย โดยเฉพาะสินเชื่อบ้านที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีจากการออกแคมเปญสินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรก
ซึ่งเรามองว่า การรุกสินเชื่อบ้านมากขึ้นจะกดดันให้ NIM ลดลง แต่แลกมาด้วยคุณภาพของสินเชื่อที่ดูดีมากขึ้น ขณะที่ TMB มีการเน้นรายได้ค่าธรรมเนียมมากขึ้น ทั้งในเรื่องของการเป็นนายหน้าขายประกันให้กับ FWD และธุรกิจกองทุนรวม ซึ่งล่าสุดได้ร่วมกับพันธมิตรทั้ง 8 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ในรูปแบบของการเสนอผลิตภัณฑ์ลงทุนผ่านช่องทางของ TMB ยังคงแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 2.80 บาท
(+) THANI THANI ค่ายรถแข่งดุ เพิ่มส่วนแบ่ง ยุคตลาดเติบโตครั้งแรกรอบ 5 ปี อัดฉีดเงินลีสซิ่ง เปิดโปรโมชั่น ดอกเบี้ย 0% ด้านดีลเลอร์หั่นกำไร ดันยอดทะลุเป้าหวังโบนัสปลายปี เผยรูปแบบแคมเปญเน้นความหลากหลาย เพิ่มทางเลือกลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งเงื่อนไขการเงิน บริการหลังการขาย เอื้อผู้บริโภคคุมค่าใช้จ่ายอนาคต
เรามองประเด็นข้างต้นเป็นบวกต่อกลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร เนื่องจากจะก่อให้เกิดการขยายตัวของสินเชื่อเช่าซื้อ รวมทั้งรายได้ดอกเบี้ย และกำไรสุทธิที่ดีขึ้น เราชอบ THANI จากยอดขายรถบรรทุกที่ดีขึ้น ตามการลงทุนของภาครัฐ โดยราคาเป้าหมายเฉลี่ยใน Bloomberg Consensus ที่ 6.65 บาท
(0) AOT กรมธนารักษ์จะเรียกเก็บค่าเช่าสนามบินสุวรรณภูมิใหม่ที่ 2.5 พันล้านบาท/ปี จากเดิม 1.5 พันล้านบาท และจะมีการเก็บค่าเช่าย้อนหลัง 5 ปี (ปี 2013-2017) จำนวน 3-4 พันล้านบาท แต่ต่ำกว่าเดิมที่เคยเรียกเก็บ 2 หมื่นล้านบาท โดยจะเข้าที่ประชุมบอร์ด AOT วันที่ 20 ก.ย.นี้ (ที่มา: อินโฟเควสท์, นสพ.ข่าวหุ้น)
ประเด็นข่าวดังกล่าวอาจเป็นลบกับ AOT อย่างไรก็ตาม ส่วนค่าใช้จ่ายย้อนหลังยังต้องรอสรุปตัวเลขที่ชัดเจนอีกครั้ง แต่คาดว่าจะไม่เกิน 4 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าส่วนใหญ่จะบันทึกเข้ากำไรสะสม และ AOT มีเงินสดเพียงพอค่าใช้จ่ายดังกล่าวอยู่แล้ว ส่วนการเรียกเก็บค่าเช่าเพิ่มปีละ 1 พันล้านบาท ยังเป็นไปตามที่เราคาด และในอนาคต AOT สามารถผลักภาระค่าใช้จ่ายดังกล่าวไปให้ผู้เช่าได้ ทั้งนี้ หากราคาหุ้นปรับตัวลดลงมองเป็นโอกาสในการเข้า ซื้อ จากภาพรวมการท่องเที่ยวที่เติบโต และยังอาจมี upside เพิ่มจากการประมูลพื้นที่เช่าที่สนามบินสุวรรณภูมิ เราประเมินราคาเป้าหมายที่ 64 บาท
Source: KTBST Research
Analyst
Mongkol Puangpetra
+662 648 1123
[email protected]
Nontapat Rushtasomboon
+662 648 1127
[email protected]