- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 18 September 2017 16:08
- Hits: 4198
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
เลือกซื้อ/ถือเมื่อ SET เหนือ SMA10
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวันศุกร์แม้ตอนเช้าจะมีข่าวเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธข้ามเกาะฮอกไกโดญี่ปุ่นไปตกในมหาสมุทรแปซิฟิก และบ่ายมีเหตุระเบิดรถไฟใต้ดินในกรุงลอนดอน แต่ก็กระทบตลาดหุ้นจำกัด ปิดตลาด SET +1.43 จุดที่ 1660.53 (สูงสุดของวันอยู่ที่ 1662.64) นักลงทุนต่
สำหรับสัปดาห์นี้ : ติดตามผลประชุม BOJ และประชุม FOMC (19-20 ก.ย.) โดยคาดว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.25% ก่อนแต่อาจมีประกาศแผนลดงบดุล (ปัจจุบันอยู่ที่ 4.5 ล้านล้านUS$) ส่วนแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐจะขยับขึ้นหรือไม่คงไปดูปลายปีกันเลย ด้านน้ำมันดิบราคายืนได้หลังอุปสงค์ใน 2Q60 โตดี 2.4%YoY จำนวนแท่นขุดเจาะในสหรัฐลดลง ทำให้คาดการณ์ว่ากำไรกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี (20% ของ Market cap) จะเติบโตได้เมื่อเทียบ QoQ หุ้นเด่นเป็น PTTGC, PTT สำหรับสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลี ก็ต้องตามกันต่อไป
ส่วนปัจจัยในประเทศ มีเรื่องอัตราภาษีสรรพสามิตใหม่ที่เริ่มบังคับใช้ 16 ก.ย.นี้ (ส่วนภาษีความหวานกระทบไม่มาก แต่จะเพิ่มขึ้นใน 2 ปีข้างหน้าและปรับขึ้นทุก 2 ปีไปถึงปี 2566)...ประเด็นนี้ทำให้ภาระภาษีของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ เครื่องดื่มต่างๆ เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งในกลุ่มชาเขียว บจ.ที่ได้รับผลกระทบ คือ OISHI, ICHI แต่ราคาหุ้นก็ลงมารับข่าวไปพอควรแล้ว กลุ่มน้ำผลไม้ & เครื่องดื่มบำรุงกำลัง คือ MALEE (TP-DBSV 36 บาท), TIPCO (TP-IAA consensus 23 บาท), CBG (TP-IAA consensus 74 บาท) คาดได้รับผลกระทบไม่มาก และจบ Overhang ในเรื่องนี้ไป การประชุมกนง.ของไทยเป็นวันที่ 27 ก.ย.ติดตามกันว่าจะมีลดดอกเบี้ยเพื่อลดแรงกดดันเรื่องบาทแข็งและกระตุ้นเงินเฟ้อตามแนวคิดก.คลังหรือไม่
กลยุทธ์ลงทุน : ซื้อ/ถือต่อ เมื่อ SET อยู่เหนือ SMA10 (ปัจจุบันคือ 1640 จุด) โดยให้แนวต้านสัปดาห์นี้ไว้ที่ 1670-1680 จุด และแนวรับ 1655-1650, 1640 จุด…สำหรับหุ้นกลยุทธ์แนะนำรายสัปดาห์ช่วงวันที่ 13-19 ก.ย.60 เป็น PTTGC (Growth Play) และ SENA (High Yield Play) ส่วนหุ้น Top Picks เดือนก.ย.60 เป็น AMATA, CPN, MINT, TISCO และ Dark Horse คือ SEAFCO
การ SCAN หุ้นทางเทคนิค : หุ้นที่คาดว่าราคาจะทำ New High ได้ที่เข้ามาใหม่เป็น TMB, TASCO, GOLD, PTTGC, STAR หุ้นยังอยู่ใน List คือ TCAP, ERW, MCS, KTB, TCMC, TOP หุ้นหลุด List –ไม่มี- ส่วนหุ้นแนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะขายทำกำไรเป็น ANAN, SPALI, TIPCO, BEM, UTP
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
- สหรัฐ : ยอดค้าปลีก&การผลิตอุตสาหกรรมเดือนส.ค.ลด และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นก.ย.ต่ำลง
# ยอดค้าปลีกเดือนส.ค.สหรัฐ -0.2%MoM สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะ +0.1% หลังจากยอดขายรถยนต์ปรับตัวลดลง
# การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. -0.9%MoM ซึ่งเป็นการร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2009 และเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค.2017
# ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนก.ย.สำรวจโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน ลดลงสู่ 95.3 จาก 97.6 ในเดือนส.ค. เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ หลังจากพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์และเออร์มาพัดถล่มสหรัฐ
• จีน : การผลิตภาคอุตสาหกรรม & การลงทุน และยอดค้าปลีกเดือนส.ค.เติบโตชะลอตัวลง
# สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. ขยายตัว 6%YoY ชะลอตัวลงหลังจาก +6.4% ในเดือนก.ค.
# การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร +7.8% ในช่วง 8M60 ชะลอตัวลงจาก +8.3% ในช่วงเดือน 7M60
# ยอดค้าปลีกเดือนส.ค. +10.1%YoY ซึ่งลดลงจาก +10.4%YoY ในเดือนก.ค.
+ ตลาดหุ้นสหรัฐ : กลุ่มเทคโนโลยีหนุน
# ดัชนี DJIA ปิด +64.86 จุด หรือ +0.29% ดัชนี S&P500 ปิด +4.61 จุด หรือ +0.18% ดัชนี Nasdaq ปิด +19.38 จุด หรือ +0.30% ปัจจัยหนุนมาจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและสื่อสาร
• ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาแกว่งแคบแต่ก็ยืนระดับได้จากอุปสงค์ในสหรัฐ & ยุโรปเพิ่มขึ้น
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.ปิดทรงตัวที่ 49.89 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 15 เซนต์ หรือ +0.3% ปิดที่ 55.62 ดอลลาร์/บาร์เรล ปัจจัยที่ดีขึ้น คือ อุปสงค์น้ำมันดิบ 2Q60 +2.4%YoY ดีกว่าคาดและ IEA ระบุว่าปริมาณน้ำมันส่วนเกินกำลังลดลงจากอุปสงค์ในสหรัฐและยุโรปที่สูงกว่าคาด
# เบเกอร์ ฮิวจ์ รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐว่าลดลง 7 แท่น สู่ระดับ 749 แท่นในสัปดาห์ก่อน
- ภาวะตลาดทองคำ : ราคาลดลงเล็กน้อย
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 4.10 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 1,325.20 ดอลลาร์/ออนซ์ และตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาทองคำปรับตัวลง 1.9% หลังเงินเฟ้อสหรัฐปรับขึ้นในเดือนส.ค.
ปัจจัยในประเทศ และหุ้นมีข่าว
-/• กลุ่มเครื่องดื่ม : ภาษีสรรพสามิตใหม่มีผลบังคับใช้ 16 ก.ย.60
# นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต แถลงว่ากฎกระทรวงกำหนดอัตราภาษีสรรพสามิต กฎหมายลูกของพระราชบัญญัติสรรพมิต 16 ก.ย.นี้....ซึ่งเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมไม่ผสมน้ำตาล ภาระภาษีลดลง 0.25-0.36 บาทต่อขวด น้ำอัดลมที่ผสมน้ำตาล ภาระภาษีเพิ่มขึ้น 0.13-0.50 บาทต่อขวด เครื่องดื่มบำรุงกำลัง ภาระภาษีเพิ่มขึ้น 0.32-0.90 บาทต่อขวด ยกเว้นเครื่องดื่มบำรุงกำลังขนาด 150 ซีซีที่ภาระภาษีลดลง 0.11 บาท/ขวดน้ำพืชผักผลไม้ภาระภาษีเพิ่ม 0.06-0.54 บาทต่อขวด ชาและชาเขียว ภาระภาษีเพิ่มขึ้น 1.13-2.05 บาทต่อขวดและกาแฟ ภาระภาษีเพิ่ม 1.35 บาทต่อขวด
# สำหรับภาษีความหวาน ในระยะแรกจะไม่เพิ่มภาระภาษีมากนัก แต่หลังจาก 2 ปี ภาระภาษีจะเพิ่มขึ้น และปรับเพิ่มภาษีทุก 2 ปีจนถึงปี 2566 ซึ่งมีเวลาให้กับผู้ประกอบการได้ปรับสูตรและผู้บริโภคได้ปรับตัวพอสมควร
# ความเห็นเชิงกลยุทธ์ : เครื่องดื่มที่ได้รับผลกระทบมาก คือ ชาและชาเขียว กาแฟ โดยภาระภาษีหลายผลิตภัณฑ์เพิ่มกว่า 10% ของราคาขายก่อนปรับภาษี ขณะที่น้ำพืชผักผลไม้ภาระภาษีเพิ่มน้อยกว่า อย่างไรก็ตามราคาหุ้น ICHI, OISHI ก็ได้รับข่าวอัตราภาษีสรรพสามิตใหม่ไปพอควรแล้ว ส่วนหุ้น MALEE, TIPCO, CBG คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากอัตราภาษีสรรพสามิตใหม่ไม่มาก รวมทั้งจบความไม่แน่นอน (Overhang) ในเรื่องนี้ไป
• ครม.สัญจร 18-19 ก.ย.นี้...มุ่งพัฒนาการค้าการลงทุน และท่องเที่ยวภาคกลาง
# วันที่ 18-19 ก.ย.นี้ นายกรัฐมนตรีจะประชุมครม.นอกสถานที่อย่างเป็นทางการที่จ.อยุธยา โดยจะมีหารือกับผู้ว่าราชการภาคกลางและผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารท้องถิ่นเพื่อนำไปพัฒนาภาคกลางต่อไป ทั้งนี้จะมีการลงพื้นที่จ.สุพรรณบุรีและอยุธยาด้วย
# โดยในเชิงพื้นที่แล้วภาคกลางเป็นฐานเชื่อมโยงไทยสู่เส้นทางขนส่งระหว่างท่าเรือน้ำลึกทวาย เมียนมาร์ และท่าเรือน้ำลึกภาคตะวันออก (EEC) ได้ รวมทั้งจ.อยุธยามีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมาก สามารถพัฒนาเป็นเมืองท่องเที่ยว (ตามแนวทางการพัฒนาเมืองเกียวโต ของญี่ปุ่นได้)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]