- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 18 September 2017 16:05
- Hits: 3910
บล.ธนชาต : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
เกิดอะไรขึ้นวันก่อน: Trading Range: 1,630-1,650
การ Rebalance ของ FTSE ส่งผลต่อ SET จำกัด ปิด +0.09% ที่ 1,660.5 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7 หมื่นล้าน ต่างชาติซื้อ 4.2 พันล้านบาท
เรามองอย่างไร:
การ "ปรับพอร์ต" ของ FTSE ปลายสัปดาห์ก่อนส่งผลกระทบต่อ SET "จำกัด" และไม่ได้ทำให้ momentum เสียหาย สำหรับประเด็นที่ต้องติดตาม 1-2 สัปดาห์นี้ได้แก่ 1) ความคืบหน้าพิจารณาร่างกฎหมาย EEC 2) การประชุม FOMC คาดคงดอกเบี้ยที่ 1.25% แต่จะมีความชัดเจนทำ Balance Sheet normalization มากขึ้น 3) การเลือกตั้งเยอรมนีวันที่ 24 ก.ย.นี้ คาดพรรค CDU ที่ Merkel เป็น "ผู้นำ" จะชนะการเลือกตั้งรอบนี้ คาด SET มีโอกาสปรับขึ้นต่อไปที่แนวต้าน 1,690 จุด
ทำอะไรดี:
จากประเด็น 1-3 ปัจจัยที่ต้องติดตามสัปดาห์นี้ คาด 1) กลุ่มนิคมฯ จะยังให้ผลตอบแทนที่ดี ชอบ WHA AMATA 2) ค่าเงินดอลลาร์ฯ อาจกลับมาแข็งค่าขึ้นหลังประชุม FOMC ชอบ KCE (ราคา Copper ปรับลดลง 6.4% ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา) HANA
สำหรับกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ (SET50) คาดว่าจะเป็น "กลุ่มนำ" ตลาดต่อไป แนะนำ "ซื้อ" (PTT-valuation ไม่แพงที่ PE ต่ำกว่า 10x และปันผลสูงกว่า 5%) กลุ่มธนาคาร (KBANK BBL) และค้าปลีก (CPALL HMPRO)
Tactical Portfolio (1-3 months):
"ถือ" AMATA BEAUTY EA ESSO KBANK KKP PTT SAWAD STEC และ WHA ต่อไป (ไม่เปลียนแปลง)... Tactical Portfolio ให้ผลตอบแทน +0.6% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ต่ำกว่า SET ที่ให้ผลตอบแทน +1.5% โดย AMATA KBANK ESSO และ WHA ให้ผลตอบแทนสูงทีสุด หรือ +3.9%, +2.9%, +2.6% และ +1.8% ตามลำดับ...แนะนำ "ซื้อ" ESSO แม้ราคาหุ้นปรับสูงขึ้นดีในสัปดาห์ก่อน แต่มองเป็น laggard + value play คาดการณ์กำไร 3Q17 เติบโตแข็งแกร่ง, มีโอกาสกลับมาจ่ายปันผลสิ้นปีนี้ และ valuation น่าสนใจที่ PE18 6.2x เท่านั้น
Fundamental:
BA : "ซื้อ" พื้นฐาน 22.5 บาท (เดิม 29 บาท)...ปรับกำไรลง 90-74% ปี 2017-18 จากภาวะการแข่งขันที่รุนแรง อย่างไรก็ดีด้วยราคาหุ้นปัจจุบันที่ต่ำกว่า NAV ที่ถือใน BDMS, SPF และสนามบินสมุย รวม 20.7 บาท/หุ้น มอง downside risk จำกัด
Today's News:
ภาษีสรรพสามิต: เก็บภาษีตามปริมาณความหวาน โดยจะมีผลกระทบต่อผู้ผลิตน้ำผลไม้ และเครื่องดื่ม energy drink ทั้งนี้มองผลกระทบดังนี้ 1) MALEE คาดกระทบกำไร <1% ช่วง 2018-20 2) CBG คาดกำไรทบกำไร ประมาณ 2% ช่วง 2018-19 3) SAPPE กระทบรายได้ประมาณ 10%
Technical Story: Technical SET range: 1,647-1,690
Momentum แข็งแกร่งต่อเนื่อง: (รายงาน The Technical Story)
SET พักตัวสร้างฐานระหว่างวัน มีด่านสั้นๆ ที่ 1,662 จุด ทะลุได้มีเป้าหมายถัดไปที่ 1,669 และ 1,690 จุด ส่วนแนวรับกรณีแกว่งตัวมีที่ 1,655 หากยืนไม่อยู่มีถัดไปที่ 1,650 และ 1,647 จุดตามลำดับ แนะนำถือหุ้นเพื่อ Let Profit Run ต่อเนื่อง ด้วยเป้าหมายที่ 1,690-1,700 จุด
หุ้นแนะนำ:
KTB เข้าซื้อเมื่อทะลุ 19.10 เป้าหมาย 19.40 / 19.90 บาท
Derivatives Recommendation:(ดูรายงาน The Derivatives Story)
"ถือ" Long S50U17 เป้าหมาย 1,110 จุด...Trailing Stop 1,040 จุด
"Long" Block KTB เป้าหมาย 19.40 / 19.90 บาท...Leverage 20x
TradeCode: Buy >CHG, ROBINS, GOLD
(ดูรายงาน Trade Code)
Tactical Portfolio (1-3 เดือน)
Tactical Portfolio : Tactical Portfolio ให้ผลตอบแทน +0.6% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ต่ำกว่า SET ที่ให้ผลตอบแทน +1.5% โดย AMATA KBANK ESSO และ WHA ให้ผลตอบแทนสูงทีสุด หรือ +3.9%, +2.9%, +2.6% และ +1.8% ตามลำดับ ขณะที่ EA และ KKP ให้ผลตอบแทนต่ำที่สุดในพอร์ต -3.2% และ -2.2% ตามลำดับ...ทั้งนี้เรามองการอ่อนตัวลงของ EA และ KKP เป็นโอกาส "ซื้อ" ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) EA มีแนวโน้มรายงานกำไร 3Q17 เติบโตแข็งแกร่ง จากกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม "หาดกังหัน" 126MW 2) KKP เป็นหุ้นใหญ่ที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง 8.9% ต่อปี...ทั้งนี้เราแนะนำ "ถือ" หุ้นทั้ง 10 ตัวต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ได้แก่ AMATA BEAUTY EA ESSO KBANK KKP PTT SAWAD STEC และ WHA
ESSO ("ซื้อ" TP 17 บาท) ราคาหุ้น laggard หุ้นกลุ่มโรงกลั่นตัวอื่นๆ มากในช่วงที่ผ่านมา เป็นโอกาส "ซื้อ" จาก 1) คาดการณ์กำไร 3Q17 จะออกมาดีจากค่าการกลั่นสูง และมีโอกาสบันทึก inventory gain 2) คาดล้างขาดทุนสะสมหมดภายใน 3Q17 เพิ่มโอกาสจ่ายปันผลในระยะ 12 เดือนข้างหน้าทันที 3) valuation ถูกที่ PE 6.2x 4) ราคาหุ้นกำลังทดสอบแนวต้าน downtrend 11.80 บาท ขณะที่เริ่มมีสัญญาณ "บวก" จาก Stochastic แล้ว ลุ้นทะลุ 11.80 ไปที่ 12.4 หรือถัดไปที่ 13.0 บาท
Siam Senses Portfolio (6-12 เดือน)
หุ้นใน Siam Senses Portfolio
AMATA : ผู้พัฒนานิคมที่จะได้รับประโยชน์โดยตรงและมากที่สุดจากโครงการ EECทั้งในแง่ของมูลค่าที่ดินและยอดขายที่สูงขึ้น และได้ประโยชน์จาก FDI เวียดนามที่แข็งแกร่งผ่านบริษัทย่อย AMATAV (ถือหุ้น 73%)
AOT : ได้ประโยชน์ทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวฟื้นตัวและการประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ปีหน้า
BEAUTY : เป็นหุ้น growth stock ที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง และได้ market share ที่สูงขึ้น
CPALL : ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ที่แข็งแกร่ง เติบโตสูงจากการขยายสาขาและเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นจากสินค้าใหม่ที่มี margin สูง
DTAC : มูลค่าถูก ปลดล็อคความเสี่ยงสัมปทาน และความสามารถในการทำกำไร
EA : เป็นหุ้น growth stock ยังโตสูงต่อเนื่องถึงปี 2019 จากสัญญาในมือที่จะทยอยดำเนินการ และมีโอกาสโตมหาศาลต่อเนื่องจาการขยายธุรกิจสู่แบตเตอรี่เก็บกักพลังงานซึ่งเป็นแนวโน้มของการพัฒนาอุตสาหกรรมไฟฟ้า
KBANK : ได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากเศรษฐกิจฟื้นตัว
KCE : ฐานธุรกิจกลุ่มรถยนต์ที่มั่นคง เติบโตจากการขยายโรงงานและ market share ที่มากขึ้น
PTT : ธุรกิจก๊าซหนุนกำไรโตแข็งแกร่ง
STEC : ด้วยมูลค่างานในมือ 1 แสนล้านบาท คาดว่ากำไรจะเติบโต 45% ปี 2017 และ 41% ปี 2018
Thai Strategy Team
อดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล
วิชนันท์ ธรรมบำรุง