- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 18 September 2017 15:59
- Hits: 3658
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
แนวโน้มการถือครองพันธบัตรลดลง
คาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นวันนี้ ตามหุ้นสหรัฐที่ทำจุดสูงสุดใหม่อีกแล้วในวันศุกร์โดยที่นักลงทุนมองข้ามการทดลองขีปนาวุธของเกาหลีเหนือเหตุการณ์สำคัญสัปดาห์นี้ คือ การประชุม Fed ที่คาดว่าจะประกาศลดขนาดการถือครองพันธบัตรที่ปัจจุบันอยู่ที่ 4.2 ล้านล้านดอลลาร์ ยิ่งบ่งชี้ว่าธนาคารกลางของประเทศพัฒนาแล้ว กำลังจะเริ่มเข้มงวดทางการเงิน บ่งชี้ว่าการถือครองพันธบัตรในโลกกำลังอยู่ในแนวโน้มลดลง ซึ่งจะเป็นบวกต่อหุ้น ที่ประชุมใหญ่สหประชาชาติจะหารือปัญหาเกาหลีเหนือในสัปดาห์นี้โดยที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะมีคำปราศรัยต่อบรรดาผู้นำของโลกในวันอังคาร ปัจจัยภายในประเทศวันนี้ไม่ค่อยมีอิทธิพลต่อตลาดเท่าใดนัก
หุ้นเด่นวันนี้ BEM(ราคาปิด 8.15 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 10.10 บาท)
หุ้น BEM ได้รับประโยชน์ทั้งจากการขยายตัวของสังคมเมือง (Urbanization) การท่องเที่ยวบูม และภาวะที่ดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ และยังมีแนวโน้มลดลงได้อีก BEM ได้รับปัจจัยบวกหลังจากที่มีการเชื่อมต่อการเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเส้นทางปัจจุบัน (หัวลำโพง- เตาปูน) กับสายสีม่วง (เตาปูน-บางใหญ่) 1 สถานีเมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น โดยสายสีน้ำเงินเพิ่มขึ้น 17,000 เที่ยวต่อวัน หรือ 5% จาก 3.39 แสนเที่ยวต่อวันในเดือน ก.ค.60 เป็น 3.56 แสนเที่ยวต่อวัน ในเดือน ก.ย. ขณะที่รถไฟฟ้าสายสีม่วงมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 51% จากเดิม 3.15 หมื่นเที่ยวต่อวัน เป็น 4.76 หมื่นเที่ยวต่อวัน นอกจากนี้ บริษัทมีแผนเร่งรัดเปิดเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย ช่วงที่ 2 หัวลำโพง-หลักสอง ให้เร็วขึ้น 2 เดือน เป็นเดือน ก.ค.62 ปัจจุบัน D/E ของ BEM อยู่ที่ระดับ 1.8 เท่า คาดว่าจะลดลงได้อีกอย่างต่อเนื่อง อัตรา Cost of Fund อยู่ระดับราว 4%
และมีแนวโน้มจะลดลงได้อีกหากมีการออกหุ้นกู้ชุดมาแทนที่ชุดเดิมที่หมดอายุไป AWS คาดการณ์กำไรสุทธิของ BEM ในปี 2560 เพิ่มขึ้น 49%YoY เป็น 3.8 พันล้านบาท และปี 2561 เพิ่มขึ้น 21% เป็น 4.6 พันล้านบาท เรามอง BEM เป็นหุ้นที่ควรมีไว้เป็น Core Port แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 10.10 บาท Price Pattern ของ BEM มีความแข็งแกร่งอย่างมากแนวโน้มหลักที่อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง DaiIy, WeekIy, & MonthIy Buy SignaI โดยบ่งบอกว่าจะได้เห็นการทำ New High โดยมีเป้าหมายแรกเพื่อทดสอบ High เดิมที่ 8.50 บาท และมีเป้าหมายแรกของการทำ New High อยู่ที่ 9 บาท ทั้งนี้ BEM มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 7.65 บาท (Resistance: 8.20, 8.25, 8.30; Support: 8.10, 8.05, 8.00)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
การทางพิเศษแห่งประเทศไทยคาดว่าจะยื่นข้อมูลจัดตั้งกองทุน TFF ในเดือน พ.ย. นี้ ก่อนที่จะเสนอขายกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (ThaiIand Future Fund: TFF) ดังกล่าวต่อประชาชนทั่วไปในครั้งแรก (IPO) ภายในไตรมาส 1/2561 โดยมีแผนที่จะเปิดประมูลโครงการทางด่วนที่เชื่อมโยงถนนพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวน รอบนอกฝั่งตะวันตกตะวันตก ภายในเดือน ธ.ค. นี้และคาดว่าโครงการจะเริ่มก่อสร้างภายในกลางปี 2561 (ไทยโพสต์)
เพิ่มแรงจูงใจในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตในภาคการเกษตร คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) อนุมัติการให้สิทธิพิเศษทางภาษีพิเศษสำหรับการลงทุนในโครงการที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและบริการในภาคการเกษตรที่ทันสมัย เช่น มาตรการจูงใจด้านภาษีสำหรับการลงทุนในอุปกรณ์อัตโนมัติ (บางกอกโพสต์)
แผนป้องกันน้ำท่วมอยู่ระหว่างการพิจารณา คณะรัฐมนตรีเตรียมพิจารณาโครงการลงทุนมูลค่า 37,000 ล้านบาทเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคกลางโดยจะมีการเสนอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติในวันพรุ่งนี้ (Bangkok Post)
ต่างประเทศ :
เหตุการณ์สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การประชุมนโยบายของเฟดในวันอังคารและพุธนี้ โดยมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดแผนเข้าซื้อพันธบัตรมูลค่า 4.2 ล้านล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ตลาดคาดเฟดจะเลื่อนการตัดสินใจเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยไปเป็นเดือน ธ.ค.นี้ (รอยเตอร์)
สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติจะมีการหารือเกี่ยวกับเกาหลีเหนือในสัปดาห์นี้ นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติประณามการยิงขีปนาวุธข้ามญี่ปุ่นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาและกล่าวว่าเขาจะหารือในประเด็นนี้ในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในสัปดาห์นี้ (รอยเตอร์)
การเทขายพันธบัตรรัฐบาลของยุโรปกลับสู่สภาวะปกติเมื่อวันศุกร์ หลังธนาคารกลางอังกฤษและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ออกมาให้ความเห็นสนับสนุนให้ธนาคารกลางของประเทศที่พัฒนาแล้วใช้นโยบายกระชับทางการเงิน (รอยเตอร์)
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลงเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากยอดค้าปลีกสหรัฐที่ปรับตัวลงผิดคาดในเดือนส.ค. อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลง 0.4 bps สู่ระดับ 2.195% ถอยจากที่ระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ 2.225% เมื่อวันพฤหัส (รอยเตอร์)
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเทียบกับสกุลเงินหลักเมื่อวันศุกร์ โดยมีปัจจัยถ่วงจากยอดค้าปลีกสหรัฐเดือนส.ค. ที่ลดลงผิดคาด ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวลง 0.4% สู่ระดับ 91.779 จุด (รอยเตอร์)
สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกและทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันศุกร์โดยดัชนี S&P500 ผ่านระดับ 2,500 จุดได้เป็นครั้งแรก หนุนโดยหุ้นกลุ่มสื่อสารและเทคโนโลยีเนื่องจากนักลงทุนเมินต่อข่าวการทดสอบยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือ ยอดค้าปลีกสหรัฐและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ลดลงผิดคาดถูกมองว่าเป็นผลกระทบจากพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางส่วนลดความคาดหวังว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย (รอยเตอร์)
ยอดค้าปลีกสหรัฐลดลงผิดคาดในเดือนส.ค. และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปีค.ศ. 2009 เนื่องจากพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์ส่งผลกระทบต่อการผลิตและการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาส 3/60 ยอดค้าปลีกลดลง 0.2% MoM ในเดือนส.ค. ซึ่งร่วงลงมากที่สุดในรอบ 6 เดือนเนื่องจากรยอดขายรถยนต์ร่วงลง 1.6% ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ประมาณการยอดค้าปลีกในเดือนส.ค. จะเพิ่มขึ้น 0.1% อย่างไรก็ตาม ยอดค้าปลีกโดยรวมเพิ่มขึ้น 3.12% YoY ในเดือนส.ค. นอกจากนี้ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง 0.9% ในเดือนส.ค. (รอยเตอร์)
ยุโรป :
หุ้นยุโรปดิ่งเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากเหตุการณ์ทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือลดความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคารและเหมืองแร่ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นปิดรายสัปดาห์สูงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค.หนุนโดยมูลค่าที่น่าสนใจ (รอยเตอร์)
เอเชีย:
ประธานาธิบดีญี่ปุ่นชินโซะอาเบะกำลังพิจารณาจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนดในเดือนหน้า ซึ่งด้านรัฐบาลและพรรคร่วมต่างมองว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีเนื่องจากคะแนนนิยมของได้ปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งจากการที่ทางฝ่ายค้านหลักมีความอ่อนแอ แตกแยก และคะแนนนิยมลดลง (รอยเตอร์)
ภาคธนาคารของจีนได้ขยายวงเงินกู้มากกว่าคาดในเดือนสิงหาคม โดยเพิ่มจากการกู้ซื้อบ้านและการลงทุนของเอกชน ทั้งนี้เงินกู้ก้อนใหม่ขยายเป็น 1.09 ล้านล้านหยวน (US$166.5bn) มากกว่าที่ตลาดคาดที่ 9 แสนล้านหยวน โดยกรกฎาคมอยู่ที่ 8.255 แสนล้านหยวน (รอยเตอร์)
สินค้าโภคภัณฑ์:
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปิดใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หนุนโดยการคาดการณ์ว่าอุปสงค์จะเพิ่มขึ้นและโรงกลั่นสหรัฐที่ทยอยกลับมาดำเนินการอีกครั้งหนึ่ง ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้น 15 เซนต์ (+3.3%) อยู่ที่ 55.62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบสหรัฐปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ที่ 49.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์เกือบ 5% นับเป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบ 2 เดือน (รอยเตอร์)
ทองร่วงเมื่อวันศุกร์ หลังจากเจ้าหน้าที่ ECB เรียกร้องให้ปรับลดนโยบายกระตุ้น ราคาทองคำตลาดจรลดลง 0.6% อยู่ที่ 1,321.88 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และปรับลดลง 1.8% ในรายสัปดาห์ ราคาทองล่วงหน้าลดลง 0.3% อยู่ที่ 1,325.20 ดอลลาร์ (รอยเตอร์)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 0-2680-5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 0-2680-5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 0-2680-5077
Ms. Veeraya Rattanaworatip (No.86645) Tel: 0-2680-5042
Mr. Adisak Prombun (No. 14543) Tel: 0-2680-5056