- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 18 September 2017 15:51
- Hits: 2177
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ >> เก็งกำไรหุ้นขนาดใหญ่ที่ Laggard
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET แกว่งตัว Sideways ได้ตามคาดและปิดบวกได้เล็กน้อย โดยระหว่างวันมีแรงขายทำกำไรออกมาหลังจากที่ดีดตัวขึ้นแรงในวันก่อนหน้า ทำให้ระหว่างวันดัชนีเกิดการย่อตัว อย่างไรก็ตามนักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิในตลาดหุ้นอย่างหนาแน่นอีกกว่า 4.2 พันลบ. แต่ Short ในตลาดฟิวเจอร์สเกือบ 1.5 หมื่นสัญญา (มูลค่าเกือบ 3 พันลบ.)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET จะยังแกว่งตัว Sideways Up ต่อจากบรรยากาศการลงทุนที่ยังค่อนไปในทางบวกและเม็ดเงินยังคงไหลเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยง โดยประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาในสัปดาห์นี้คือการประชุม FOMC ในวันที่ 19-20 ก.ย. ซึ่งคาดว่ายังคงอัตราดอกเบี้ยและน่าจะมีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการปรับลดงบดุลมากขึ้น ล่าสุดเราปรับ SET Target ปี 2018 ขึ้นเป็น 1,900 จุดจากการเติบโตของเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นเหนือระดับ 3-4% โดยหุ้นขนาดใหญ่น่าจะเป็นตัวนำตลาด
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นขนาดใหญ่ที่ Laggard
หุ้นเด่นเดือน ก.ย. : BCH, CPALL, IRPC, SCC, TMB
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$47ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไทย US$128ล้าน ขณะที่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$43ล้าน และไต้หวัน US$35ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคแต่น่าจะเบาบางรอการประชุม FOMC ในสัปดาห์นี้ซึ่งคาดว่าน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไปตลอดทั้งปีแต่อาจมีประเด็นเกี่ยวกับการลดขนาดงบดุล
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> CPALL <<
แนวโน้ม 2H17 ยังขยายตัวต่อเนื่อง จากการขยายสาขาและ Stamp Promotion (Sanrio Characters) ช่วง 24 ก.ค. - 23 พ.ย. ขณะที่ 4Q ของทุกปีถือเป็น High Season ทำให้ SSSG พลิกกลับเป็นบวก เราคาดกำไรสุทธิทั้งปีที่ 19,737 ลบ. +18% Y-Y
กลุ่มค้าปลีกปีนี้ยังขยับขึ้นไม่มาก +3% YTD เทียบกับ SET ที่ +8% YTD ส่วน CPALL +2.8% YTD โดยสัปดาห์ล่าสุด +2% W-W ขณะที่ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่อื่น +6% W-W ถือว่ายัง laggard และยังไม่สะท้อนดัชนีการบริโภคที่ฟื้นตั้งแต่ ก.ค. 17 จึงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 74 บาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ประเมินเป้าหมาย SET Index ปี 2018 ที่ 1,900 จุด บนสมมติฐาน EPS growth 9.5% (112 บาท/หุ้น) และ PE 17 เท่า (+1.5SD) ซึ่งค่อนข้างสูงกว่าในอดีต เพราะในเมื่อเศรษฐกิจไทยกำลังจะหลุดพ้นการเติบโตในระดับ 3-4% ต่อปีสู่การเร่งตัวมากขึ้น PE ตลาดหุ้นไทยก็ควรยกระดับจากหลายปีที่ผ่านมาที่ 15 เท่าเช่นกัน อันที่จริง PE ตลาดหุ้นไทยเคยเทรดถึง 20-25 เท่าในช่วงที่ Fund flow ไหลเข้าหนาแน่นในปี 2009-10 ก่อนจะขายหนักปี 2013-15 ที่มีปัญหาการเมือง เราเชื่อว่าปีหน้าจะเป็นปีที่ Flow ไหลเข้าหนาแน่น หุ้นขนาดใหญ่จะให้ผลตอบแทนดีกว่าหุ้นขนาดเล็กและหุ้นปันผล ค่าเงินบาทมีทิศทางแข็งค่า เงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ
(0) คาดเฟดเริมลดขนาดงบดุลแต่คงดอกเบี้ย ตลาดคาดว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1-1.25% ในการประชุม 19-20 ก.ย. นี้ แต่ให้ติดตามประมาณการเศรษฐกิจชุดใหม่เพราะจะสะท้อนมุมมองอัตราดอกเบี้ยของเฟดในระยะต่อไป ส่วนการลดขนาดงบดุล เราคาดมีโอกาสที่เฟดจะเริ่มทำในเดือนนี้ ซึ่งเชื่อผลกระทบจำกัดเพราะเฟดส่งสัญญาณมาก่อนแล้วและการทยอยลดวงเงินที่จะ reinvest เป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป
(+) FN มองผ่านกำไรต่ำสุดแล้วใน 2Q17 แม้ปกติ 3Q จะเป็น Low Season แต่คาดกำไร 3Q17 ทรงตัวได้ Q-Q จากการทำโปรโมชั่นและการจัดงาน Fair ครั้งใหญ่ที่พระราม 9 ขณะที่ 4Q17 คาดกำไรกลับมาโตตามการฟื้นตัวของกำลังซื้อและแผนเปิดสาขาใหม่แห่งที่ 2 ของปีที่ฉะเชิงเทรา อย่างไรก็ตาม เราปรับลดกำไรสุทธิปี 2017 ลง 30% เป็น 97 ล้านบาท (-34% Y-Y) ก่อนจะกลับมา +65% Y-Y ในปี 2018 จากฐานที่ต่ำ ปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 5.6 บาท และปรับคำแนะนำขึ้นเป็นทยอยซื้อ จากเดิมถือ
(+) ATP30 ผู้ให้บริการรถรับส่งพนักงานทั้งในและนอกนิคมฯภาคตะวันออก ที่เน้นด้านคุณภาพทำให้สามารถคิดราคาได้สูงกว่าคู่แข่ง ขณะที่ ช่องว่างการเติบโตเปิดกว้างตามการขยายตัวของนิคมฯ โดยเฉพาะแรงหนุนจาก EEC ส่วนแนวโน้มกำไร เรามองผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 1H17 จากค่าปรับปรุงรถ และคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวโดดเด่นตั้งแต่ 3Q17 จากการให้บริการลูกค้ารายใหญ่ 1 รายใน ก.ย. 17 และอีก 2 รายต้นปีหน้า คาดกำไรสุทธิปี 2017-18 โตเฉลี่ย 28% ต่อปี แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2018 เท่ากับ 2.00 บาท
(+) TKS เรายังไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์ แต่คาดว่าจะเห็นผลประกอบการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญใน 2H17 จากการปิดงานวางระบบที่ลาว และการผลิตแสตมป์ให้ร้านสะดวกซื้อรายหนึ่ง ขณะที่ ถ้าอิงตามราคา SYNEX จะคิดเป็นส่วนของ TKS (ถือหุ้น 38.51%) สูงถึง 12.19 บาท/หุ้น เท่ากับมูลค่าเฉพาะของ TKS ต่ำเพียง 1.61 บาท/หุ้น หากสมมติให้กำไรปีนี้ไม่โตและอิง PE ที่ 15-20 เท่า ราคาเหมาะสมจะอยู่ที่ 14.25-19 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
18 ก.ย. - ไทย: Opp Day – TKS SELIC
- สหรัฐฯ: ดัชนีตลาดบ้าน
19 ก.ย. - ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ (ส.ค.)
- สหรัฐฯ: ยอดอนุญาตก่อสร้างและยอดสร้างบ้านใหม่ (ส.ค.)
19-20ก.ย. - สหรัฐฯ: ประชุม FOMC
20-ก.ย. - สหรัฐฯ: ยอดขายบ้านมือสอง (ส.ค.)
21-ก.ย. - ญี่ปุ่น: ประชุมธนาคารกลาง (คาดคงดอกเบี้ยที่ -0.1%)
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนวันศุกร์ปิดโดยสามารถทำนิวไฮต่อได้จากแรงซื้อกลุ่มสื่อสารและเทคโนโลยี ซึ่งช่วยกลบประเด็นการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ และ ตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอได้
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบจากความกังวลหลังเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังมีแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ และ ตลาดหุ้นลอนดอนที่ร่วงลงจากค่าเงินปอนด์ที่แข็งค่าหลัง BoE อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดบวก ขณะที่นักลงทุนเฝ้าติดตามการประชุมของธนาคารกลางหลายแห่งในสัปดาห์นี้
(0) ค่าเงินบาทเช้านี้ปรับตัวแข็งค่า โดยล่าสุดเคลื่อนไหวแถว 33.06-33.09 บาท/ดอลลาร์
(0) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ปิดทรงตัวที่ 49.89 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลอดสัปดาห์ขยับขึ้นได้กว่า 5% จาก demand ที่แข็งแกร่ง และ การกลับมาผลิตของโรงกลั่นในสหรัฐ ขณะที่จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันยังปรับลดลง 7 แท่น สู่ระดับ 749 แท่น
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิดลบ 4.10 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,325.20 ดอลลาร์/ออนซ์ จากความกังวลว่าเฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ และ ตลาดหุ้นที่ยังขยับขึ้นทำนิวไฮต่อเนื่อง
Contact person : Jitra Amorntham Register : 014530
Tel: 02-646-9966 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research