- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 15 September 2017 16:29
- Hits: 12188
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
'เลือกซื้อ/ถือหุ้นพื้นฐานดีต่อ'
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวานนี้ SET Index ทำ New high ในรอบ 23 ปี โดยขึ้นไปสูงสุด 1661.60 และปิดตลาดในระดับสูงของวันที่ 1659.10 (+16.16 จุด) นำโดยกลุ่มแบงค์, พลังงาน, สื่อสาร, ปิโตรเคมี, อิเลคทรอนิกส์ นำซื้อสุทธิโดยต่างชาติ (ซื้อสุทธิ 3 พันลบ.) และสถาบันในปท. (ซื้อสุทธิ 1.1 พันลบ.) ส่วนรายย่อยเป็นกลุ่มเดียวที่ขายสุทธิ 4.5 พันลบ.
สำหรับวันนี้ เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธข้ามเกาะฮอกไกโดญี่ปุ่นไปตกในมหาสมุทรแปซิฟิกเช้าวันนี้ น่าจะเป็นการตอบโต้ที่ UNSC มีมติคว่ำบาตรเกาหลีเหนือรอบใหม่ (โดยหลักๆ เป็นการลดส่งออกน้ำมันลงเกือบ 30% ให้เกาหลีเหนือ ระงับส่งออกก๊าซธรรมชาติ ห้ามเกาหลีเหนือส่งออกสิ่งทอทั้งหมด และห้ามชาวเกาหลีเหนือที่ทำงานตปท.ส่งเงินกลับ) ส่วนปัจจัยเศรษฐกิจ มีรายงานตัวเลข CPI เดือนส.ค.ของสหรัฐซึ่ง +0.4%MoM มากกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ +0.3%MoM ขณะที่ PPI +0.2%MoM การที่เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นทำให้โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.60 ของ CME FedWatch เพิ่มเป็น 52.9% อย่างไรก็ตาม ดัชนีค่าเงิน US$ ยังทรงๆ ที่ 92 ทางด้าน BOE มีมติ 7-2 คงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25% และคง QE ไว้ในระดับเดิม สำหรับเฟดจะประชุม 19-20 ก.ย. โดยตลาดประเมินว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.25% ก่อนในรอบนี้ ส่วนในประเทศ ยังไม่มีปัจจัยมหภาคใหม่ที่มีนัยสำคัญ ส่วนภาคธุรกิจก็เร่งทำยอดขายในเดือนนี้ เพราะมองว่าต.ค.อาจซบเซาลง ส่วน DBSV วันนี้เรามี Update บทวิเคราะห์ ERW ซึ่งยังมีมุมมองที่เป็นบวกกับบริษัท โดยใน 2H60 จะเปิดโรงแรม Hop Inns ในไทย 6 แห่งและในฟิลิปปินส์ 1 แห่ง ทำให้สิ้นปีนี้จะมีโรงแรมทั้งหมด 52 แห่ง ส่วนปี 61 จะเปิดใหม่อีก 15 แห่ง คาดกำไรปี 60-61 โต 27%/14% แนะซื้อ ให้ TP 6.50 บาท
กลยุทธ์ลงทุน : มีหุ้นอยู่แล้วถือต่อ / การซื้อใหม่ควรคุมไว้ด้วยดัชนีไม่ต่ำกว่า 1640 โดยเน้นการเลือกซื้อหุ้นที่มีแนวโน้มธุรกิจดี และราคามี Upside จากปัจจุบัน…สำหรับหุ้นกลยุทธ์แนะนำรายสัปดาห์ช่วงวันที่ 13-19 ก.ย.60 เป็น PTTGC (Growth Play) และ SENA (High Yield Play) ส่วนหุ้น Top Picks เดือนก.ย.60 เป็น AMATA, CPN, MINT, TISCO และ Dark Horse คือ SEAFCO
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวก ซื้อใหม่เน้นตามด้วยค่าบวก แนวต้าน 1670+/-, 1680, ต่ำกว่า 1640 ควร Wait & See / หรือลดพอร์ตในส่วนที่เพิ่งซื้อใหม่ตอนต้นทุนสูงไปก่อน สำหรับการ SCAN หุ้นที่คาดว่าราคาจะทำ New High ได้ พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น KTB, TCMC, TOP, BEM, UTP หุ้นยังอยู่ใน List คือ ANAN, SPALI, TCAP, ERW, MCS, TIPCO หุ้นหลุด List คือ ALT ส่วนหุ้นแนะนำไปแล้วและให้หาจังหวะขายทำกำไรเป็น BCPG, SAMTEL, TCJ, TPOLY, CKP, AUCT
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
•/- สหรัฐคาดขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือยิงเช้านี้เป็นขีปนาวุธพิสัยกลาง
# กองบัญชาการภาคแปซิฟิกของสหรัฐออกแถลงการณ์ยืนยันว่า เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธพุ่งข้ามเกาะฮอกไกโดของญี่ปุ่นไปตกในมหาสมุทรแปซิฟิกในเช้าวันนี้ โดยน่าจะเป็นขีปนาวุธพิสัยกลาง
# การยิงขีปนาวูธของเกาหลีเหนือในวันนี้มีขึ้นหลังจากเมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คว่ำบาตรเกาหลีเหนือรอบใหม่ หลังจากที่เกาหลีเหนือทำการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการละเมิดมติของ UNSC
# โดยมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ระบุให้ลดการส่งออกน้ำมันให้กับเกาหลีเหนือลงเกือบ 30% กำหนดเพดานการจัดหาหรือส่งออกผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมให้กับเกาหลีเหนือเอาไว้ที่ระดับ 2 ล้านบาร์เรลต่อปี ระงับการส่งออกก๊าซเหลวธรรมชาติและน้ำมันดิบประเภทไลท์ครูดคอนเดนเสทให้กับเกาหลีเหนือ ห้ามเกาหลีเหนือทำการส่งออกสิ่งทอทั้งหมด ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวม 800 ล้านดอลลาร์ และห้ามไม่ให้ชาวเกาหลีเหนือที่ทำงานในต่างประเทศส่งเงินกลับประเทศ รวมทั้งให้สมาชิก UNSC ร่วมกันตรวจสอบเรือขนส่งสินค้าที่ติดธงชาติเกาหลีเหนือ เพื่อดูว่าเรือเหล่านี้บรรทุกสินค้าที่ถูกคว่ำบาตรหรือไม่ และให้ยึดทรัพย์สินของนายปัก ยอง ซิก รมว.กลาโหมเกาหลีเหนือ พร้อมกับห้ามนายปักเดินทางออกนอกประเทศ
+ สหรัฐ : ดัชนี CPI เดือนส.ค.เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด
# ดัชนีราคาผู้บริโภค หรือ CPI +0.4%MoM ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะ +0.3%MoM หลังจากขยับขึ้นเพียง +0.1%MoM ในเดือนก.ค.
# และวันก่อนหน้ามีรายงานว่าดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) +0.2%MoM ในเดือนส.ค. หลัง -0.1%MoM ในเดือนก.ค.โดยการดีดตัวของดัชนี PPI ได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้น 9.5% ของราคาน้ำมันเบนซิน
# CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่านักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสเพิ่มขึ้นเป็น 52.9% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ ทั้งนี้เฟดจะประชุมวันที่ 19-20 ก.ย.นี้ แต่คาดว่ารอบนี้จะคงดอกเบี้ยไว้ก่อน
+ สหรัฐ : ตัวเลขภาคแรงงานรายสัปดาห์แข็งแกร่ง
# จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 14,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 284,000 รายสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 300,000 ราย
• อังกฤษ : BOE ประกาศคงดอกเบี้ย และวงเงิน QE ตามคาด
# ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติ 7-2 คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25% และวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการซื้อพันธบัตรรัฐบาลไว้ที่ 4.35 แสนล้านปอนด์และวงเงินซื้อหุ้นกู้ภาคเอกชนไว้ที่ 1 หมื่นล้านปอนด์ในการประชุม 14 ก.ย.60
• จีน : การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค.ขยายตัวน้อยลงจากเดือนก่อนเล็กน้อย
# สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. +6%YoY (+0.46%MoM) ชะลอตัวลงหลังจาก +6.4% ในเดือนก.ค. สำหรับ 8M60 การผลิตฯ +6.7%YoY ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ดี
• ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : หุ้นใหญ่ปรับขึ้นต่อ แต่มีขายทำกำไรหุ้นกลาง-เล็ก
# ดัชนี DJIA ปิดที่ 22,203.48 จุด +45.30 จุด หรือ +0.20% ดัชนี Nasdaq ปิด -31.10 จุด หรือ -0.48% และดัชนี S&P500 ปิด -2.75 จุด หรือ -0.11% โดยหุ้นพลังงานปรับขึ้นต่อ แต่หุ้นกลาง-เล็กอ่อนตัวลง
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาปรับขึ้นต่อ
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 49.89 ดอลลาร์/บาร์เรล และ
BRENT ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 31 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 55.47 ดอลลาร์/บาร์เรล
# บรรยากาศการซื้อขายยังคงได้รับแรงหนุนจากรายงานของ IEA ซึ่งระบุว่าอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในไตรมาส 2/60 เพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล/วัน หรือ +2.4% ซึ่งส่งผลให้ IEA ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันสำหรับทั้งปีนี้สู่ระดับ 1.6 ล้านบาร์เรล/วัน หรือ +1.7% จากปีก่อน
• ภาวะตลาดทองคำ : ราคาขยับขึ้นเล็กน้อย
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ระดับ 1,329.30 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ และหุ้นมีข่าว
ผลกระทบกรณี ADVANC จะซื้อ CSL จาก THCOM & SingTel
# เมื่อ 5 ก.ย.60 ทาง ADVANC ได้มีหนังสือแสดงเจตจำนงแบบมีเงื่อนไขและไม่ผูกพันซื้อหุ้น CSL จากผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 ราย คือ THCOM (ถืออยู่ 42.07% ผ่านบริษัทย่อย ดีทีวี เซอร์วิส) และ SingTel (ถืออยู่ 14.14%) ราคาเสนอซื้อกำหนดไว้ที่ประมาณ 7.80 บาท/หุ้น แต่ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้หลังทำ Due Diligence โดยคาดว่าดีลจะได้ข้อสรุปและเสร็จสิ้นภายในกลางเดือนต.ค.60 เราคาดว่าถ้าการซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 รายข้างต้นสำเร็จทาง ADVANC ก็ต้องทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ เสนอรับซื้อจากผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ราคาไม่ต่ำกว่าที่ตกลงกับ 2 รายใหญ่ด้วย
# ความเห็นเชิงกลยุทธ์ : ผลต่อ ADVANC คือ จะมีส่วนแบ่งกำไรเข้ามาบวกเข้ามาในบริษัทประมาณ 1% ซึ่งไม่ได้มีนัยสำคัญในทางบัญชีนัก แต่ก็มัโอกาสเกิด Synergies ทางธุรกิจมากขึ้นได้ในอนาคตส่วนผลต่อ THCOM สิ่งที่บริษัทจะได้ คือ กำไรจากการขายหุ้น CSL หลังหักภาษีประมาณ 1.3-1.4 พันล้านบาท (ประมาณ 1.2 บาท/หุ้น THCOM) ที่ book เข้ามาทันที... แต่สิ่งที่ THCOM จะเสียไปตลอด คือ ส่วนแบ่งกำไรทางบัญชีราว 130 ล้านบาท/ปี ซึ่งคิดเป็น 14% ของคาดการณ์ Core profit ปี 60 ของบริษัท และในทางกระแสเงินสดจะไม่มีเงินปันผลจาก CSL เข้ามาซึ่งตกปีละ 110 ล้านบาท/ปี
ดังนั้นเราจึงมองว่าดีลนี้จะดีกับ THCOM ในระยะสั้น แต่ในระยะยาวแล้วก็อาจไม่ค่อยดีนัก ขณะเดียวกันธุรกิจดาวเทียมก็มีการแข่งขันสูงขึ้น ความสามารถในการทำกำไรก็ท้าทายขึ้น
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]