- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 15 September 2017 16:20
- Hits: 4297
บล.ธนชาต : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
เกิดอะไรขึ้นวันก่อน: Trading Range: 1,640-1,690
SET ทำลายแนวต้าน 1,650 จุด ทำจุดสูงสุดใหม่รอบ 23 ปี ปิดที่ 1,659.10 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7.2 หมื่นล้าน ต่างชาติซื้อ 3 พันล้านบาท
เรามองอย่างไร:
SET สามารถ "ทำลาย" แนวต้าน 1,650 จุด ไปได้ด้วยปริมาณการซื้อขายสูง 7 หมื่นล้าน ยิ่งเป็นสัญญาณยืนยันมุมมอง "บวก" ต่อ SET ระยะยาวด้วยเป้าหมายสิ้นปี 2018 ที่ 1,830 จุด ขณะที่ภาพสั้นแม้อาจแกว่งตัวจากการ "ปรับพอร์ต" FTSE วันนี้ (เพิ่ม EA และ WORK เข้าดัชนีอ้างอิง) และการทดสอบขีปนาวุทธเกาหลีเหนือเช้านี้ (9 ครั้งใน 10 ครั้งที่เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธตั้งแต่ มี.ค.17, SET ให้ผลตอบแทนเป็น "บวก") แต่มองเป็นโอกาส "ซื้อ" อยู่ดี ที่บริเวณแนวรับระยะสั้น 1,650-1,655 จุด
ทำอะไรดี:
หุ้นใหญ่จะมีแนวโน้ม Outperform ตลาดต่อไป ชอบ 1) กลุ่มพลังงานขนาดใหญ่หนุนตลาด ชอบ PTT ESSO (PE18 ต่ำ 6.2x และคาดว่าจ่ายปันผลได้ปีนี้) PTTGC (laggard play ที่คาดการณ์กำไร 2H17 จะเร่งตัวขึ้น) 2) กลุ่มค้าปลีก มอง SSSG ฟื้นตัว ชอบ CPALL HMPRO ("ซื้อ" QH ราคาหุ้นต่ำกว่า NAV ที่ถืออยู่ใน HMPRO) 3) กลุ่มธนาคาร ผลดีเศรษฐกิจในประเทศฟื้น ชอบ KBANK BBL 4) กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ชอบ HANA KCE มองบวกจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โลกขยายตัว
Tactical Portfolio (1-3 months):
'ถือ' AMATA BEAUTY EAESSO KBANK KKP PTT SAWAD STEC และ WHA ต่อเนื่อง (ไม่เปลี่ยน)
Fundamental:
GLOBAL : 'ซื้อ' พื้นฐาน 18 บาท (เดิม 17.2 บาท).ผลการดำเนินงาน 2H17 จะกลับมาเร่งตัวขึ้น +14% y-y (จาก 1H17 -5% y-y) อีกครั้งจาก SSSG ที่ผ่านจุดต่ำสุดใน 1H17, การขยายสาขา, และอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น ขณะทีคาดการณ์กำไรขยายตัว 8.5-18.5% ในปี 2017-18
Today's News:
เกาหลีเหนือ: ทดสอบขีปนาวุธเช้านี้ อาจเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นโลก และ SET ในช่วงเปิดตลาด อย่างไรก็ดีจากสถิติผลตอบแทน SET หลังเกาหลีเหนือทดสอบอาวุธตั้งแต่ มี.ค.17 เป็นต้นมา จะเห็นว่าหลังการทดสอบขีปนาวุธไปประมาณ 5 วันทำการ SET ให้ผลตอบแทนเป็น "บวก" 9 ใน 10 ครั้ง
BOE: คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25% ขณะที่ตลาดคาดการณ์ BOE จะค่อยๆ ลดนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายลงในเร็วๆ นี้
เงินเฟ้อสหรัฐฯ: เดือน ส.ค. +0.4% m-m (ตลาดคาด +0.3% m-m) รวมไปถึงราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นอาจส่งผลให้ความคาดหวังต่อการเร่งตัวของเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปี
Technical Story: Technical SET range: 1,647-1,669
ทะลุแนวต้านลุ้นซิกแซกขึนต่อ: (รายงาน The Technical Story)
SET ขึ้นแรงทะลุแนวต้าน 1,650 จุดขึ้นไปได้ มีเป้าหมายถัดไปที่ 1,669 และ 1,690 จุด ส่วนแนวรับกรณีแกว่งตัวมีที่ 1,656 หากยืนไม่อยู่มีถัดไปที่ 1,650 และ 1,647 จุดตามลำดับ แนะนำถือหุ้นเพื่อ Let Profit Run ต่อเนื่อง ด้วยเป้าหมายระยะกลางที่ 1,690 จุด
หุ้นแนะนำ:
SGP เข้าซื้อเพิ่ม เป้าหมาย 20 / 21.50 บาท
Derivatives Recommendation:(ดูรายงาน The Derivatives Story)
'ถือ' Long S50U17 เป้าหมาย 1,110 จุด...Trailing Stop 1,040 จุด
'Long' Block Trade QH เป้าหมาย 2.66 บาท..Leverage 13x
TradeCode: Buy >KTB, QH, CWT
(ดูรายงาน Trade Code)
Tactical Portfolio (1-3 เดือน)
Tactical Portfolio : Tactical portfolio ให้ผลตอบแทน -2.2% ในสัปดาห์ที่ผ่านมาต่ำกว่า SET ที่ให้ผลตอลบแทน -0.5% มาก เนื่องจากแรงขายหุ้นกลุ่ม Micro Finance อย่าง MTLS และ SAWAD ปรับลดลง -4.3% และ -5.0% หลัง Bond yield สหรัฐฯ เร่งตัวขึ้น อย่างไรก็ดีด้วยแรงกดดันเงินเฟ้อต่ำในช่วง 2H17 ทำให้แนวโน้มดอกเบี้ยขึ้นช้า และมองกลุ่ม Micro Finance จะยังให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาดต่อไปในระยะกลาง ขณะที่ SUSCO มีประเด็นกดดันจากการเก็บภาษีเพิ่ม ปรับลดลงแรง 7.4%...แนะนำ "ถือ" หุ้นทั้ง 9 ตัว ต่อเนื่อง ได้แก่ EA ESSO LIT MTLS KKP SAWAD SUSCO THANI และ WORK
'ซื้อ' KKP ปันผลสูง 2.7% สำหรับงบครึ่งปี และทังปี 8.4%
Siam Senses Portfolio (6-12 เดือน)
หุ้นใน Siam Senses Portfolio
AMATA : ผู้พัฒนานิคมที่จะได้รับประโยชน์โดยตรงและมากที่สุดจากโครงการ EECทั้งในแง่ของมูลค่าที่ดินและยอดขายที่สูงขึ้น และได้ประโยชน์จาก FDI เวียดนามที่แข็งแกร่งผ่านบริษัทย่อย AMATAV (ถือหุ้น 73%)
AOT : ได้ประโยชน์ทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวฟื้นตัวและการประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ปีหน้า
BEAUTY : เป็นหุ้น growth stock ที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง และได้ market share ที่สูงขึ้น
CPALL : ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ที่แข็งแกร่ง เติบโตสูงจากการขยายสาขาและเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นจากสินค้าใหม่ที่มี margin สูง
DTAC : มูลค่าถูก ปลดล็อคความเสี่ยงสัมปทาน และความสามารถในการทำกำไร
EA : เป็นหุ้น growth stock ยังโตสูงต่อเนื่องถึงปี 2019 จากสัญญาในมือที่จะทยอยดำเนินการ และมีโอกาสโตมหาศาลต่อเนื่องจาการขยายธุรกิจสู่แบตเตอรี่เก็บกักพลังงานซึ่งเป็นแนวโน้มของการพัฒนาอุตสาหกรรมไฟฟ้า
KBANK : ได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากเศรษฐกิจฟื้นตัว
KCE : ฐานธุรกิจกลุ่มรถยนต์ที่มั่นคง เติบโตจากการขยายโรงงานและ market share ที่มากขึ้น
PTT : ธุรกิจก๊าซหนุนกำไรโตแข็งแกร่ง
STEC : ด้วยมูลค่างานในมือ 1 แสนล้านบาท คาดว่ากำไรจะเติบโต 45% ปี 2017 และ 41% ปี 2018
Thai Strategy Team
อดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล
วิชนันท์ ธรรมบำรุง