- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 15 September 2017 16:15
- Hits: 3629
บล.ทรีนีตี้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Today Selection >> ERW, IVL, PRM
Stock S R Comment
ERW 5.90 6.10 รับอานิสงส์นักท่องเที่ยวเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง หนุน margin
IVL 42.00 43.00 ครึ่งปีหลังโดดเด่น ขยายกำลังผลิต PTA เพิ่ม Spread หนุน
PRM 11.20 11.70 ดีมานด์หนุนกองเรือ ตามความต้องการใช้น้ำมันที่ขยายตัว
Who will push and who will pull the SET
North Korea: คาด Risk sentiment ในตลาดทุนทั่วโลกได้รับผลกระทบในวันนี้ หลังมีรายงานว่าเกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธข้ามเกาะฮอกไกโดของญี่ปุ่นลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิคในช่วงเช้าตรู่ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีมองเช่นเดิมว่าตลาดหุ้นไทยจะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากปัจจัยดังกล่าว จากความสัมพันธ์กับตลาดหุ้นทั่วโลกที่อยู่ในระดับต่ำ
Investor type: เราได้ทำการศึกษาพฤติกรรมของนักลงทุนแต่ละกลุ่มตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่ดัชนีเริ่มปรับตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พบว่าการปรับตัวขึ้นมาของดัชนีรอบนี้ถูกผลักดันโดยนักลงทุน 2 กลุ่มหลักนั่นก็คือ นักลงทุนพอร์ตบริษัทหลักทรัพย์ (Prop trade) และนักลงทุนต่างชาติ ส่วนนักลงทุนสถาบันในประเทศมีการซื้อสุทธิเพียงเล็กน้อย และนักลงทุนรายย่อยเป็นผู้ขายสุทธิตลอดทาง
Fund flow: ทั้งนี้หากนับตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา พบว่าพฤติกรรมของนักลงทุนต่างชาติในตลาดล่วงหน้าค่อนข้างชัดเจน กล่าวคือมีการ Short สุทธิเกือบตลอดทางเป็นยอดสะสมแล้ว 93,000 สัญญา โดยเรามองว่าในที่นี้มีผู้เล่นต่างชาติหลายกลุ่ม ทั้งผู้ที่เปิดสัญญา Short ใหม่ และผู้ที่ปิดสัญญา Long เก่า เนื่องจากหากนับในช่วงเวลาเดียวกัน จะพบว่า Open interest แทบไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเลย กล่าวคือลดลง 3,300 สัญญา ด้วยเหตุนี้มองว่านักลงทุนต่างชาติในช่วงถัดไปจะไม่ใช่ผู้ชี้นำตลาดที่สำคัญ แต่จะขึ้นอยู่กับ 1) พอร์ตบริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งซื้อสุทธิขึ้นมาถึง 10,000 ล้าบาทและอาจมีการขายทำกำไรได้ และ 2) นักลงทุนสถาบัน ที่อาจมีแนวโน้มผลักดันตลาดในระยะ 1-2 สัปดาห์ข้างหน้านี้ เนื่องจากการทำปิด Window dressing และแรงจูงใจของกองทุน Trigger fund ที่เข้าใกล้เป้าหมาย
Trigger fund: จากการเก็บสำรวจข้อมูลที่หาได้ในตลาดจนถึงวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา เราพบว่ามีกองทุน Trigger fund หุ้นไทยที่ Exist อยู่ ณ ขณะนี้เป็นจำนวน 21 กองทุน โดยมีขนาดเม็ดเงินรวมกันราว 2,500 ล้านบาท จากการคำนวณของเราพบว่าราคา NAV ต่อหน่วยของกองทุนเหล่านี้ส่วนใหญ่เริ่มที่จะปรับตัวเข้าใกล้ระดับ NAV เป้าหมายของกองทุนแล้ว โดยหากคำนวณค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักจากทั้งหมด 21 กองทุน พบว่าอัตราผลตอบแทนนับจากนี้ที่ต้องการเพื่อเปิดกองทุนนั้นอยู่ที่ 1.4% เท่านั้น หรือคิดเป็นระดับ SET Index ที่ 1667 จุด ด้วยเหตุนี้ประเมินว่านักลงทุนสถาบันอาจเป็นผู้ผลักดันดัชนีไปจนถึงบริเวณนั้น ก่อนที่จะเริ่มขายสุทธิออกมาอย่างมีนัยสำคัญได้
CPI: สหรัฐฯรายงานตัวเลขเงินเฟ้อประจำเดือนสิงหาคมดีกว่าคาด เมื่อประกอบกับคำกล่าวในโทน Hawkish ของประธาน BoE เมื่อวานนี้ ทำให้ประเด็นการเข้มงวดนโยบายการเงินกลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง และทำให้ความน่าจะเป็นของการขึ้นดอกเบี้ย Fed Funds ในเดือนธันวาคมล่าสุดปรับเพิ่มมาอยู่ที่ 47% แล้ว จากวันก่อนหน้าที่อยู่เพียงแค่ 39% เท่านั้น แนะนำจับตาการประชุม FOMC ที่จะเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์หน้าอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะ Dot plots ที่จะออกมาจากการประชุมดังกล่าว
กลยุทธ์การลงทุน: ยังคงให้น้ำหนักสำคัญกับ Valuation ของ SET Index ซึ่งยังคงอยู่ในระดับสูง นอกจากนั้นยังไม่เห็นสัญญาณการปรับประมาณการ EPS ขึ้นในตลาด ด้วยเหตุนี้ ณ ระดับดัชนีเหนือ 1600 จุดยังคงแนะนำถือเงินสดในระดับสูงกว่าปกติ แต่หากจำเป็นต้องลงทุน มองกลุ่มหุ้นปลอดภัยได้แก่
1) กลุ่ม Export-oriented ที่น่าจะได้ประโยชน์หากเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าในช่วงถัดไป ได้แก่ CPF, TU, HANA
2) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่น่าจะได้ประโยชน์จากโครงการลงทุนภาครัฐที่มีความชัดเจนมากขึ้น ได้แก่ CK, STEC, UNIQ, SEAFCO
3) กลุ่มที่สามารถเก็งกำไรในระยะ 2 สัปดาห์ข้างหน้าจากแรงกดดันในการลดดอกเบี้ยของกนง. ได้แก่ CPALL, BJC, ANAN, AP, S11
แนวรับ 1,637 แนวต้าน 1,673
บทวิเคราะห์วันนี้
KSL (ถือ ราคาเป้าหมาย 4.85 บาท) 3Q59/60 ชะลอตัวลงชัดเจนทั้ง QoQ และ YoY
Today's Event
ECL ลูกหุ้นเข้า 125,261,091 หุ้น
TWZ ลูกหุ้นเข้า 22,365,190 หุ้น
ICN เข้าซื้อขายเป็นวันแรก (450mn sh @ Bt. 1.84) ตลาด MAI
นักวิเคราะห์ :
ณัฐชาต เมฆมาสิน, CFA, FRM (ID: 31379) E-mail: [email protected]