- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 14 September 2017 16:17
- Hits: 2502
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีเปิดตลาดยืนบวก ปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่องขึ้นทำจุดสูงสุดของวันที่ 1652.51 จุด เพิ่มขึ้น 8.96 จุด ก่อนที่จะเผชิญแรงขายหลักจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน ไหลลงอย่างต่อเนื่องเช่นกันจนเข้าสู่แดนลบทำจุดต่ำสุดของวันที่ 1640.94 จุด ลดลง 2.61 จุด ทำให้ทั้งวันมีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 11.57 จุด ทั้งนี้หุ้นที่มี Impact ต่อการปรับตัวลงของดัชนีได้แก่ BANPU, PTT, ASIAN, COM7 ก่อนดัชนีจะทำปิดที่ 1642.94 จุด ลดลง 0.61 จุด (-0.04%) มูลค่าการซื้อขาย 53,642 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
ดัชนีวานนี้มีทิศทางค่อนข้างผันผวน ด้วยการเปิดตัวแรงขยับทำ New High ที่1652 จุด ฝ่า High เก่าที่ทำไว้เมื่อ 21 มิ.ย. 56 แต่ไม่สามารถยืนได้ไหลลงมาทำ Low ที่ 1640 จุด ก่อนที่จะดีดกลับขึ้นมาทำปิดใกล้จุดต่ำสุดของวันที่ 1642 จุด จากภาพดังกล่าวเกิดสัญญาณเตือนในเชิงลบมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของกราฟแท่งเทียน // Bearish Divergence // Overbought ทำให้มีโอกาสพักตัว แต่ลักษณะของการพักตัวนั้นจะเป็นการแกว่งตัวออกข้าง ที่มีแนวรับไม่ควรหลุด 1638 จุด หากหลุดจะเป็นการปรับฐานลงมาแนวดิ่ง ที่จะมีแนวรับ 1630 จุด ในทางกลับกับหากเลือกขึ้นต่อจะมีแนวต้าน 1650-1655 จุด แนวรับ 1634-1638 จุด
ดัชนีน่าจะมีความผันผวนมากขึ้น แต่ควรยืน 1638 จุดให้อยู่เพื่อการไปต่อ
Support 1630 // 1600 จุด Resistance 1650-1655 จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์ Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110 Tel 02- 6481124
Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
'รอ break 1650 ตอนนี้ take profit ก่อน'
ทิศทางตลาดหุ้นไทย : ดัชนีฯมีแนวโน้มแกว่งตัว sideway รอ break 1650 จุด .... ตลาดขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆที่จะทำให้เดินหน้าต่อ มีแรงขายทำกำไรเมื่อดัชนีฯเข้าใกล้แนวต้านสำคัญ 1650 จุด นอกจากนี้ แรงซื้อหุ้นในตลาดเอเซียที่แผ่วลง เลือกซื้อบางตลาด และเข้าลงทุนในตลาดพันธบัตร มีส่วนให้แรงซื้อหุ้นในตลาดหุ้นไทยชะลอไปด้วย ... ปัจจัยต่างประเทศ ที่จะมีผลต่อตลาด คือ การปฎิรูปภาษีของสหรัฐฯ ที่กลับขึ้นมาอยู่ในการพิจารณาอีกครั้ง ดอลล่าร์ ที่แข็งค่าขึ้น เป็นลบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (ยกเว้นน้ำมัน) แต่เป็นบวกต่อหุ้นส่งออก ในเรื่องของค่าเงินบาท
กลยุทธ์การลงทุน : เรายังแนะนำให้ทยอย take profit หุ้นขึ้นมามากและราคาเริ่มทรงตัว หรือสลับตัวเล่น แต่ควรพร้อมซื้อกลับหากดัชนีฯ ทะลุผ่านขึ้นไปยืนเหนือ 1650 จุด ได้ ..... เราให้ความสนใจกับหุ้นอิงทิศทางเศรษฐกิจ ที่คาดกำลังซื้อน่าจะฟื้นตัวได้ในอีกไม่ช้า หลังรัฐฯเร่งทำโครงการและการใช้จ่ายซึ่งจะเป็นบวกต่อ หุ้นมีฐานรายได้ในต่างจังหวัด หุ้นค้าปลีก และหุ้นธนาคาร เป็นกลุ่มที่เราจะเห็นการสลับตัวเล่นในกลุ่มได้ ขณะที่หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ (โรงกลั่นน้ำมัน-เหล็ก-ปิโตรเคมีขั้นต้น) เรามองว่ามีความเสี่ยงจากการลดลงของราคาผลิตภัณฑ์
หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ประจำวัน: สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ BCH, SINGER, PSH, TMB
หุ้นแนะนำทางเทคนิค: MALEE, PM, PT
* เป็นหุ้นที่แนะนำเชิงกลยุทธ์ โดย KTBST ไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
บทวิเคราะห์และความเห็นข่าวสำคัญ
(+) CONS Roll Over ปรับเป็น Overweight กลุ่มรับเหมาฯ
(+) INOX ผู้ผลิตสเตนเลสรีดเย็นรายเดียวในไทย และเป็นผู้นำในอาเซียน
(+) ROBIN กำลังซื้อฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด การบริโภคดีขึ้นใน 4Q17 และ 2018 Rollover เป้าหมาย
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (13 ก.ย.) ปิดที่ระดับ 1,642.94 จุด ลดลง 0.61 จุด หรือ -0.04% มูลค่าการซื้อขาย 53,642.22 ล้านบาท ตลาดปรับตัวลงในช่วงท้ายตลาด มองเป็นการขายทำกำไรของนักลงทุนหลังตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นไปมากก่อนหน้านี้
ตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,158.18 จุด เพิ่มขึ้น 39.32 จุด หรือ +0.18% ปิดทำ New High ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นและความชัดเจนของมาตรการปฎิรูปภาษีของทรัมป์ที่มีความชัดเจนมากขึ้น .... ในขณะที่ Stoxx Europe 600 ลดลง 0.08 จุด ปิดที่ 381.34 จุด
ปัจจัยต่างประเทศ: ได้รับผลบวกจากมาตรการภาษีของ ปธน. ทรัมป์ที่มีความชัดเจนมากขึ้น ในขณะที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจปรับตัวขึ้นน้อยกว่าคาด นายพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้แสดงความมั่นใจว่า ปธน.ทรัมป์จะสามารถผลักดันมาตรการปฏิรูปภาษี และจะประกาศกรอบการดำเนินงานภายในสัปดาห์นี้ ประเด็นเรื่องการปฏิรูปภาษีเป็นเรื่องที่มีการพูดถึงมานาน การออกมาแสดงความมั่นใจในครั้งนี้ส่งผลบวกต่อตลาดโดยรวม และ สะท้อนถึงฉันทามติของผู้ร่างแผนปฏิรูปภาษีในสภาคองเกรส และรัฐบาลของปธน.ทรัมป์
ตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐฯที่รายงานเมื่อคืนนี้มีดัชนี PPI โดย เพิ่มขึ้น +0.2% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากขยับลง 0.1% ในเดือนก.ค. แต่ยังคงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี PPI ปรับตัวขึ้น 0.3% .... วันนี้ติดตามรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ คาดที่ +1.82% YoY, +0.33% MoM
ราคาน้ำมันเป็นบวก ส่งผลดีต่อหุ้นไทยต่อเนื่อง สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.07 ดอลลาร์ หรือ +2.2% ปิดที่ 49.30 ดอลลาร์/บาร์เรล ราคาน้ำมันดิบยังปรับตัวขึ้นได้จากวันก่อน โดย IEA ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปีนี้ และการผลิตของ OPEC ลดลง ในเดือน ส.ค. .... ประเด็นดังกล่าวส่งผลบวกต่อหุ้นผู้ผลิตน้ำมัน เช่น PTTEP แต่จะเป็นลบต่อผู้ที่มีต้นทนอิงกับราคาน้ำมัน เช่น โรงกลั่นน้ำมัน และปิโตรเคมี
ปัจจัยในประเทศ: ยังได้บวกจากเรื่อง EEC: หลังจากการพาคณะนักธุรกิจญี่ปุ่น 500 คน เยี่ยมชมพื้นที่ในเขต EEC เรามองประเด็นดังกล่าวเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มนิคมฯ ซึ่งมองว่าอุปสงค์ของพื้นที่ในเขตนั้นเข้ามาจริง เป็นบวกต่อหุ้นที่มีพื้นที่อยู่บริเวณแถบ EEC ซึ่งได้แก่ AMATA, ROJNA, TICON, TFD, WHA .... รายงาน "ฟิทช์" คงอันดับเครดิตประเทศไทย BBB+ โดยมองว่าหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง และจะเข้าสู่ Aging Society ส่งผลให้มีความเสี่ยงที่จะเติบโตในระดับต่ำ
หุ้นนำเสนอข้อมูลในงาน Opp Day วันนี้ได้แก่ FVC, TWPC, AU, TACC, UPOIC, LST
Stock in Focus
หุ้น เหตุผล
BCH
(ราคาปิด 14.80) BCH เป็นอีกหนึ่งหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่ราคาหุ้นยัง laggard และได้ประโยชน์จากคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นค่า RW เร็วๆนี้ ..... คาดว่ากำไรสุทธิใน 2H17 จะเติบโตได้โดดเด่นจากแรงหนุนของการปรับค่าต่างๆ ของประกันสังคม การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ และ WMC เริ่มมี EBITDA เป็นบวก โดยตสดกำไรสุทธิทั้งปีเติบโต +16.2% ที่ 875 ล้านบาท.... สำหรับแผนงานต่างๆ ของ BCH ยังคงตามกำหนดการเดิมที่ตั้งไว้ ประกอบด้วย Greenfield Project 5 โครงการ และ Renovation อีก 6 โครงการ ซึ่งจะค่อยๆ ทยอยแล้วเสร็จในช่วงปี2017 - 2020 ..... (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 16.40 บาท)
SINGER
(ราคาปิด 12.70) ยังคงแนะนำ SINGER ต่อเนื่องจากวันก่อน โดยมองว่าเศรษฐกิจภูมิภาคที่ปรับตัวดีขึ้นเป็นผลบวกต่อ SINGER …. แม้จะคาดการณ์กำไรสุทธิ -53% ในปีนี้ แต่คาดจะเติบโตได้ดีมากในปี 2018 ที่ 262% แนวโน้มค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองลดลง, การขยายธุรกิจเข้าสู่สินเชื่ออเนกประสงค์ "รถทำเงิน" คาดปี 2017 ที่ 0.65 พันล้านบาท …. (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 13.80 บาท)
PSH
(ราคาปิด 23.40) มอง PSH เป็นทั้งหุ้นที่มีปันผลจ่ายสูง โดย คาดกำไรสุทธิ 2H17 ยังคงมีทิศทางที่ดีขึ้นทั้ง YoY และ HoH เนื่องจากยังคงมียอดโอนคอนโดใหม่ใน 2Q17 อย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะมีคอนโดใหม่เริ่มโอนในงวด 2H17 อีกจำนวน 3 โครงการ …. คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 6,225 ล้านบาท (+4.8% YoY) PSH ยังจัดเป็นหุ้นที่มีปันผลเด่นราว 6% - 7% ต่อ.... (ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST ที่ 27.00 บาท)
TMB
(ราคาปิด 2.38) หลังจากรายงานสินเชื่อของธนาคารแห่งนึงรายงานออกมาดี เรามองว่ารายงานสินเชื่อของธนาคารอื่นๆจะดีเช่นกัน โดยเราเลือกแนะนำ TMB เนื่องจาก สินเชื่อเดือน ก.ค. ทรงตัวเมื่อเทียบ MoM (ทำได้ดีกว่ากลุ่มที่ -0.9% MoM) และยังเติบโตได้ดีที่ 4.0% YTD ซึ่งเป็นการเติบโตที่สูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร โดยการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อบ้านเป็นหลัก นอกจากนี้ เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ TMB จากกำไรสุทธิในปีนี้และปีหน้าที่จะเติบโตได้ดี 10% YoY เพราะมีรายได้ค่าธรรมเนียมจาก FWD เข้ามาช่วยปีละ 1.3 พันล้านบาท .... คาดกำไรสุทธิปี 2017 ที่ 8,459 ล้านบาท +2.8% YoY .... (ราคาที่เหมาะสม โดย KTBST ที่ 2.60 บาท)
Source: KTBST Research
Sector / Stock Updates
(+) ADVANC, INTUCH, THCOM ADVANC) แจ้งว่าเมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา บริษัทได้มีหนังสือแสดงเจตจำนงแบบมีเงื่อนไขและไม่ผูกพัน (Non-binding Letters of Intent) ในการเสนอซื้อหุ้นของ บมจ.ซีเอส ล๊อกซอินโฟ (CSL) ถึงผู้ถือหุ้นใหญ่ของ CSL สองราย ได้แก่ บมจ.ไทยคม (THCOM) ซึ่งถือหุ้นใหญ่ใน CSL จำนวน 42.07% โดยถือผ่านบริษัท ดีทีวี เซอร์วิส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย และ Singapore Telecommunication Limited (SingTel) ซึ่งถือหุ้นใน CSL จำนวน 14.14% ราคาเสนอซื้อเบื้องต้นที่ประมาณ 7.80 บาท/หุ้น
เรามองประเด็นดังกล่าวเป็นบวกกับทุกบริษัทในกลุ่ม INTUCH ซึ่งได้แก่ ADVANC, INTUCH, THCOM สำหรับ ADVANC จะได้ผลบวกจาก synergy ของฐานลูกค้า CSL ปัจจุบัน ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจไฟเบอร์เติบโตได้มาก, INTUCH เรามองว่าเป็นการปรับโครงสร้างภายในองค์กร, และด้าน THCOM เรามองทั้ง CSL ไม่ได้ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ THCOM มากนัก โดย THCOM จะได้ผลบวกจากการบันทึกกำไรพิเศษที่ 1.2 บาทต่อหุ้น
(0) SIS บมจ.เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) (SIS) เผยว่าบริษัทได้รับแจ้งความประสงค์ที่จะทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัทโดยสมัครใจ (Voluntary Tender Offer) จากบริษัท ไทยอัลลิแอนซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อม ของบริษัท เอสไอเอส อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้งส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน SIS จำนวน 165.62 ล้านหุ้น หรือราว 47.3% ที่ราคาหุ้นละ 7 บาท
เรามองประเด็นดังกล่าวไม่มีผลต่อ SIS เนื่องจาก ราคา เสนอ Tender ต่ำกว่าราคาตลาด อีกทั้งหุ้นเรายังคงมอง SIS เป็นหุ้นเติบโตดี ที่ +29.5% YoY ในปี 2017 และปันผลสูงที่อัตราประมาณ 6.6% ราคาเหมาะสมโดย KTBST ที่ 8.60 บาท ยังคงแนะนำ "ซื้อ"
Source: KTBST Research
Analyst Mongkol Puangpetra
+662 648 1123 [email protected]
Nontapat Rushtasomboon
+662 648 1127 [email protected]